10 สุดยอดสนามฟุตบอลแห่งยุค


Estadio da Luz ประเทศโปรตุเกส
สนามแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1954 โดยมีความจุผู้ชมสูงถึง 80,000 ที่นั่ง แต่จากสถิติเคยจุแฟนบอลมากกว่า 120,000 คน และเคยใช้เป็นสนามแข่งขัน ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) นัดชิงชนะเลิศในปี ค.ศ. 1967 และฟุตบอลเดอะคัพวินเนอร์คัพ นัดชิงชนะเลิศในปี 1992 ล่าสุดใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งในศึก ยูโร 2004 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป

สนามแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นบนพื้นที่สนามเดิม แต่ภายหลังจากการปรับปรุงได้รับการันตีจากทาง ยูฟ่าว่าเป็นสนามที่อยู่ในระดับ 5 ดาว มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมไปถึงเรื่องของการรักษาความปลอดภัย เอสตาดิโอ ดา ลุซ ในภาษาโปรตุเกสแปลว่า "สนามแห่งแสงสว่าง" ตั้งอยู่ในเมืองลิสบอน โดยมี 2 สโมสรที่เป็นเจ้าของสนามร่วมกัน คือ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ เบนฟิก้า ลิสบอน


San Siro ประเทศอิตาลี
สนาม ซาน ชิโร่ หากเอ่ยถึงชื่อนี้แล้วน้อยคนนักจะไม่รู้จักเนื่องจากเป็นสนามของสโมสรอินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน สโมสรสรชื่อดังในศึก กัลโช่ ซีรี่ เอ นั่นเอง ซาน ชิโร่ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1925 ก่อนหน้านี้เป็นสนามที่มีที่นั่งสองชั้น และมาต่อเติมเป็นสามชั้นในเวลาต่อมาเพื่อรองรับจำนวนแฟนบอล ที่เพิ่มมากขึ้น ต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1990


El Monumental ประเทศอาร์เจนติน่า
ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 20 ปี เป็นสนามกลางแจ้งที่ไม่มีหลังคา สามารถจุแฟนบอลได้สูงถึง 150,000 ที่นั่ง มีสแตนด์ที่นั่ง 2 ชั้น โดยตามหลักแล้วสนามแห่งนี้จะมีที่นั่ง 3 ชั้น แต่แค่ 2 ชั้นยังใช้เวลานานกว่า 20 ปี ทำให้แผนการสร้างชั้นที่ 3 ได้ถูกล้มเลิกไปในที่สุด


Old Trafford ประเทศอังกฤษ
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เริ่มมีชื่อเสียง พร้อมๆ กับชื่อของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงทศวรรษที่ 90s สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1910 แถบชานเมือง แมนเชสเตอร์ ใต้พื้นสนามมีระบบระบายน้ำและระบบทำความร้อน มีจำนวนที่นั่งทั้งสิ้น 67,000 ที่นั่ง สถิติผู้เข้าชมมากที่สุด 76,962 คน ใช้เป็นสนามทำการแข่งขันในแมตช์สำคัญๆ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน


Olympiastadion ประเทศเยอรมันนี
สร้างขึ้นสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ. 1972 โดยเฉพาะ มีลักษณะที่เด่นและแปลกกว่าสนามทั่วไปตรงที่หลังคาสไตล์ใยแมงมุม มีระบบความร้อนใต้ดินเช่นเดียวกับ สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความจุ 69,000 ที่นั่ง แต่มีแฟนบอลหลั่งไหลเข้ามาชมเกมสูงสุด 80,000 คน ในปี ค.ศ. 1974 เยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ในสนามแห่งนี้


Olympic Stadium ประเทศอิตาลี
เป็นอีกสนามที่สร้างขึ้นเพื่อทำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโดยเฉพาะ ชาวอิตาลีจะเรียกสนามแห่งนี้ว่า Stadio Olimpico โดยใช้ทำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ. 1960 จุแฟนบอลได้ 82,000 ที่นั่ง ใช้แข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศในปี ค.ศ. 1977, 1984 และ 1996 รวมทั้งนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ในปี ค.ศ. 1990 ด้วย


Camp Nou ประเทศสเปน
เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจาก Maracana Stadium ในประเทศบราซิล สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1957 จุผู้ชมได้สูงถึง 110,000 ที่นั่ง เป็นสนามของสโมสร บาร์เซโลน่า แห่งศึก ลา ลีกา สเปน เคยใช้ทำการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศในปี ค.ศ. 1989 และ 1999 ใช้แข่งขันฟุตบอลคัพวินเนอร์คัพ ปี ค.ศ. 1972 และ 1982 รวมถึง ยูฟ่า คัพ ด้วยในปี ค.ศ. 1964


Maracana Stadium ประเทศบราซิล
เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1950 สถิติผู้เข้าชม 199,854 คน ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี ค.ศ. 1950 แต่ปัจจุปันสนามแห่งนี้ต้องปิดตัวลงไปด้วยโครงสร้างที่มีปัญหาในเรื่องของความปลอดภัย


Wembley ประเทศอังกฤษ
เป็นสนามอันเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของประเทศอังกฤษ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1923 เปิดตัวด้วยการแข่งขันศึกฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ มีแฟนบอลแห่เข้าไปแออัดกันในสนามถึง 200,000 คน และใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันปิดตัวลงไปเพื่อบูรณะสนามใหม่ให้ทันสมัยกว่าเดิม และขยายความจุเพิ่มเป็น 90,000 ที่นั่ง กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี ค.ศ. 2006


Estadio Azteca ประเทศเม็กซิโก
เป็นสนามที่มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง สร้างขึ้นโดยคอนกรีตทั้งหมด และผ่านพ้นวิกฤติแผ่นดินไหวมาได้เมื่อปี ค.ศ. 1968 ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1966 มีโครงสร้างทั้งหมด 3 ชั้น ใช้ทำการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก ในปี ค.ศ. 1968 และใช้ทำการแข่งขันศึกฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศถึง 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1970 และ 1986

6 ก.ย. 52 เวลา 00:16 3,025 2 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...