===> ปริศนาเรืออาร์คของโนอาห์ <===

===> ปริศนาเรืออาร์คของโนอาห์ <===


นำข้อมูลมาจาก http://www.thai.net/myth ครับ

So God said to Noah, "I am going to put an end to all people, for the earth is filled with violence because of them. I am surely going to destroy both them and the earth. So make yourself an ark of gopher wood; make rooms in it and coat it with pitch inside and out. This is how you are to build it: The ark is to be 300 cubits long, 50 cubits wide and 30 cubits high. Make a roof for it and finish the ark to within one cubit of the top. Put a door in the side of the ark and make lower, middle and upper decks. I am going to bring floodwaters on the earth to destroy all life under the heavens, every creature that has breath of life in it..." Genesis 6:13-17

    ข้อความข้างต้นมาจากพระคัมภีร์ เป็นสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับโนอาห์ ก่อนที่น้ำท่วมโลกครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นตำนานที่รู้จักกันดีกับเรื่องของโนอาห์ และ เรืออาร์ค แน่ล่ะครับ เรื่องน้ำท่วมโลกนี้ มีจริงแท้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหลักฐานทางธรณีวิทยานั้น ระบุไว้ชัดเจนมากๆ ถึงกระนั้นเราก็แน่ใจไม่ได้หรอกว่า น้ำท่วมโลกนั้น เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ หรือการดลบันดาลจากพระผู้เป็นเจ้ากันแน่ จะอย่างไหนก็ช่าง ถ้าเคยน้ำท่วมโลกมาแล้วจริงๆ เรือของโนอาห์ก็น่าจะมีอยู่จริงเหมือนกันสิน่า ... นักคิดหลายคนเคยคิดกันอย่างนั้น และนั่นก็เป็นต้นตอของการค้นหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งของชาวคริสต์ วัตถุสำคัญชิ้นมหึมาที่หลายคนคาดกันว่า มันต้องซุกซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่งของโลกนี้อย่างแน่นอน ...

     ในปี ค.ศ. 2959 นักบินที่ทำหน้าที่ทำแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศของ NATO ได้บังเอิญไปพบสิ่งประหลาดบริเวณที่สูงขึ้นมาจากตีนเขา ของเทือกเขา Ararar ราวๆ 15 ไมล์ ร้อยเอก Ilhan Durupinar แห่งกองทัพอากาศตุรกีรู้สึกพิศวงกับสิ่งประหลาดที่ค้นพบนั้น เขาจึงศึกษามันด้วยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า stereoscopic และพบว่า สิ่งประหลาดดังกล่าว มีรูปทรงคล้ายกับเรือลำหนึ่ง เรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบอีกทีโดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ Dr. Arthur Brandenberger โดย
ท่านด็อกเตอร์ยืนยันว่า ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นของจริง และไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของแสงเงาแต่ประการใด ดูเหมือนว่าวัตถุที่รูปทรงคล้ายเรือลำนั้น จะเป็นอะไรที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมของเทือกเขามาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่า... เรือลำเบ้อเริ่มลำนั้น ขึ้นไปทำธุระอะไรบนเทือกเขาสูงชันและหนาวเหน็บของตุรกีกันเล่าครับ? จากสถานที่ที่พบ สิ่ง-
เดียวที่จะเชื่อมโยงปริศนาชิ้นดังกล่าว และเป็นสิ่งเดียวที่ผู้คนพอจะหวนระลึกถึงได้นั้นก็คือ เรืออาร์คของโนอาห์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

     การค้นพบของนักบินชาวตุรกีผู้นั้น หาได้เป็นการค้นพบเรือปริศนาจากยุคสมัยแห่ง Genesis ตามพระคัมภีร์เป็นครั้งแรกไม่ เอกสารและบันทึกตั้งแต่สมัยโบราณหลายชิ้น ได้กล่าวอ้างถึงการพบเห็นเรือ(ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเรือ)อาร์คอยู่หลายต่อหลายครั้ง Epiphanius บิชอปแห่งซาลามิส ได้ทรงบันทึกส่วนพระองค์เป็นข้อสังเกตเอาไว้ว่า เรืออาร์ค น่าจะยังคงอยู่ในบริเวณที่เรียกกันว่า "mountains of the Gordians," แต่บรรดานักท่องเที่ยวที่ไปที่นั่น ก็ไม่ได้เห็นอะไรที่สื่อไปถึงโนอาห์เลยแม้แต่น้อยนอกจากดินที่แห้งผาก นักท่องเที่ยวในสมัยศตวรรษที่ 12 Benjamin of Tudela กล่าวว่า Omar Ben al-Khatab เป็นผู้ทรงสั่งเคลื่อนย้ายวัตถุดังกล่าว เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงจะสร้างมัสยิด

     จากหลักฐานและบันทึกที่ได้พบดังกล่าว นำมาซึ่งข้อโต้เถียงมากมาย เกี่ยวกับเรืออาร์คของโนอาห์ลำนี้ ว่ามันควรจะตั้งอยู่ในสถานที่ใดกันแน่ ก็เพราะว่าส่วนนึงในไบเบิลระบุว่า เรืออาร์คของโนอาห์อยู่ในเทือกเขา Ararat นี่เองแหละ นักศาสนวิทยาและนักโบราณคดีในสมัยก่อน จึงเล็งความสนใจไปที่ตัวภูเขา Ararat เอง ซึ่งสมัยนั้นไม่มีหรอกครับชื่อภูเขานี้ เพราะฉะนั้นต่อให้พลิกแผ่นดินหา เหมือนคิงอาร์เธอร์ตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังหาไม่เจออยู่ดี ทำไมน่ะหรือครับ? ก็เพราะว่า สมัยก่อนภูเขาดังกล่าวไม่ได้ชื่อนี้น่ะสิ ชื่อของมันที่เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยโบราณก็คือ Amenia แถมข้อความในไบเบิลยังระบุเอาไว้แบบคลุมเคลือ จนแทบจะตีความไปได้ว่า เรืออาร์ค อาจจะจอดนิ่งอยู่บริเวณไหนเทือกเขาใดก็ได้ในแถบนั้น สำหรับในคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งมีอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของโนอาห์กับเรืออาร์ค ระบุเอาไว้ว่า เรือของโนอาห์จอดอยู่บนยอดเขาที่ชื่อ Judi

     บุคคลปัจจุบัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนปีนขึ้นไปพบเรืออาร์คอย่างเป็นทางการ มีชื่อว่า James Bryce แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด Bryce ใช้กิจกรรมยามว่างทำโดยการปีนภูเขา Ararat เล่นในปี 1876 ที่ใกล้ๆกับบริเวณยอดเขา เข้าได้พบแท่งอะไรบางอย่างยาว 4 ฟุตโผล่ขึ้นมาจากน้ำแข็ง และอย่างไม่มีเหตุผลกลใดมาดลใจ ตัวเขาเองคิดว่า เจ้าสิ่งที่โผล่ขึ้นมานั้น น่าจะเป็นเรืออาร์คในตำนานอย่างแน่นอน ถัดมาในปี 1892 John Joseph Nouri นักสำรวจอีกผู้หนึ่งประกาศต่อสาธารณชนว่า เขาก็เคยพบเรืออาร์คลำดังกล่าวเช่นเดียวกัน หลังจากสำรวจและเข้าไปดูบางส่วนของลำเรือ เขาพบว่า ลำเรือมีความยาว 300ศอกดังที่บันทึกไว้ในไบเบิลทุกประการ


ภาพถ่ายจากเหนือชั้นบรรยากาศ ของเทือกเขา Ararat

     ก่อนหน้าศตวรรษที่ 20 จะมาถึง มีนักสำรวจและทีมนักโบราณคดีมากมาย ได้ปีนภูเขาดังกล่าว เพื่อขึ้นไปดูสิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นเรืออาร์คให้เห็นกับตา มีหลายทีมที่ได้สำรวจวัตถุดังกล่าวอย่างใกล้ชิด แต่แล้ว ... เรื่องน่าเศร้าที่เกิดกับวงการโบราณคดี ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับวัตถุทรงค่าชิ้นนี้เป็นครั้งแรกก็เกิดขึ้น ใช่แล้วครับ เหตุผลทางด้านการเมือง และก็
สงคราม ทำให้ทางรัฐบาลสั่งยุติการสำรวจบริเวณเทือกเขา Ararat และก็อนุญาตเฉพาะทีมสำรวจบางทีมที่รัฐบาลเห็นว่าไว้ใจได้ เข้าไปด้อมๆมองๆได้ แต่ก็ต้องอยู่ในสายตาของทางทหารตลอดเวลา

     ในปี 1984 Ron Wyatt ได้ชักชวน Jim Irwin และเพื่อนร่วมทีมอีกหลายคน กลับไปยังไซต์ขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งเคยเลิกราการขุดไปเมื่อปี 1959 ที่ผ่านมา การขุดค้นและสำรวจในครั้งนั้น มีการประกาศผลออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1960 หรือหนึ่งปีถัดมาว่า พบเรื่องราวคืบหน้า เกี่ยวกับสิ่งที่เชื่อว่าเป็นเรืออาร์คของโนอาห์ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล Wyatt ใช้เวลาหลายครั้งในการเทียวสำรวจไซต์ขุดเจาะดังกล่าว และได้พบหลักฐานบางชิ้นที่น่าสนใจคือ แผ่นหินขนาดใหญ่ที่มีรูและรอยตัดถึง 11 ชิ้น แต่ละชิ้นหนักตั้งแต่ 4-10 ตัน หินเหล่านี้ทำหน้าที่ผูกติดเป็นสมอเรือ เพื่อยึดเรืออาร์ค (ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนนะครับ) เอาไว้ โดยอาศัยเชือกและรูหรือรอยตัดดังกล่าว ก็มีไว้เพื่อให้เชือกลอดผ่านนั่นเอง หินเหล่านั้นอยู่ห่างจากบริเวณลำเรือราวๆ 10 ไมล์ ในตอนที่ค้นพบนั้น Wyatt เชื่อว่า โนอาห์คงเป็นคนตัดมันออกเมื่อเขาค้นพบว่า เข้าใกล้จะมองเห็นแผ่นดินที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมแล้ว

     David Fasold หนึ่งในนักสำรวจที่ไปกับ Wyatt ได้อาศัยวิทยาการสมัยใหม่สำรวจเรืออาร์คอย่างยากลำบาก ด้วยเหตุที่เกือบทั้งหมดของมันจมไปกับน้ำแข็งแล้ว สิ่งที่ทำได้ จึงมีเพียงแต่ใช้เรดาร์มาสำรวจ และเก็บเอาชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆ ที่พอจะพบได้ ส่งไปที่ห้อง Lab เพื่อทำการวิจัยเท่านั้นเอง สิ่งที่เรดาร์บอกพวกเขาก็คือ มีวัตถุขนาดใหญ่บางอย่าง ฝังตัวอยู่ในเทือกเขา Ararat เจ้าวัตถุที่ว่ามีปฏิกิริยาของโลหะ และมีโครงสร้างกลวงอยู่ภายใน ดูคล้ายกับว่า มันถูกเจาะให้มีลักษณะคล้ายห้องยังไงยังงั้นล่ะครับ แต่ปัญหาสำคัญมันอยู่ที่สิ่งที่เป็นผลการสำรวจจากห้อง Lab ต่างหาก ชิ้นส่วนของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นลำเรือนั้น ดูเหมือนไม้ที่กลายเป็นหินก็จริง แต่ว่ามันขาดสิ่งที่ไม้ทั่วไปตามธรรม
ชาติมี นั่นคือ วงแหวนการเจริญเติบโตนั่นเอง เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่งงเต็ก เพราะในไบเบิ้ลระบุว่า ลำเรือทำมาจากไม้ Gopher แต่เจ้าเรืออาร์คลำนี้ ดูยังไงก็ไม่ได้ทำจากไม้เลย-
ครับ แต่ก็อีกนั่นแหละ ไบเบิ้ลถูกเล่าขานกันมานานปากต่อปาก บางทีการแปลจากต้นฉบับก็ต้องมีผิดเพี้ยนบ้าง บางที ไม้ Gopher ที่เอามาใช้สร้างเรือ อาจมาจากข้อมูลที่บัน -ทึกผิดๆต่อกันมาก็ได้ มันอาจจะทำจากหินหรือวัสดุคล้ายโลหะอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

     David Fasold ให้ข้อสังเกตุว่า เรืออาร์คลำดังกล่าว ไม่น่าจะใช่เรืออาร์คดังที่คิดกันไว้เสียแล้ว เพราะทั้งวัสดุที่ใช้สร้าง รวมไปถึงลักษณะของลำเรือ มันผิดไปจากแบบของเรือในยุคก่อนเมโสโปเตเมีย เอามากๆครับ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันก็น่าจะมีเศษเสี้ยวอะไรที่เชื่อมเข้ากับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์บ้าง แต่ว่านี่ไม่เลย โดยเขานั้นก็ได้
วิเคราะห์ชิ้นส่วนบางชิ้น ที่เชื่อกันว่าเป็นชิ้นส่วนจากลำเรือ และก็พบว่ามันมีส่วนผสมของโลหะอยู่ ภายใต้ความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญอย่าง Gene Collins แห่ง the De- partment of Geological Sciences ผลจากการเทสต์ถึง 2 ครั้งพบว่า มันเป็นวัสดุที่เกิดจากธรรมชาติโดยแท้ ส่วนเจ้าสมอเรือที่ค้นพบนั้นเล่าครับ มันก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจาก หินธรรมดาที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่แถบนั้น เป็นผลงานของธรรมชาติอีกตามเคยครับ ไม่ใช่สมอเรือที่เชื่อกันว่า โนอาห์นำมาจากดินแดนเมโสโปเตเมีย อันเป็นที่ๆเขาหนีน้ำท่วมมาแต่อย่างใด

     ผลสรุปที่ออกมาคือ เจ้าสิ่งที่ทีมสำรวจค้นพบในตอนหลังนั้น เป็นสิ่งที่เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติครับ สภาพภูมิอากาศ การกัดกร่อน และความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ทำให้หินปนโลหะแท่มหึมา กลายมาเป็นลำเรือขึ้นมาลำหนึ่ง มหัศจรรย์นะครับธรรมชาติเนี่ย แม้ว่า Wyatt จะได้นำแผ่นจารึกโบราณ ซึ่งค้นพบบริเวณที่เชื่อว่าลำเรือฝังตัวอยู่ มาแสดงต่อสาธารณชน นักโบราณคดีก็ยังคงสรุปออกมาว่า มันเป็นแผ่นจารึกของนักท่องเที่ยวโบราณ ที่ทิ้งเอาไว้ในบริเวณที่พวกเขา ขึ้นไปสำรวจสิ่งที่พวกเขาเชื่อกันว่า เป็นเรืออาร์คอันศักดิ์สิทธิ์เสียมากกว่า


ภาพถ่ายที่เคยถ่ายได้เมื่อปี 1949 ที่แสดงให้เห็น "สิ่งผิดปกติ" บางอย่างบนเทือกเขา Ararat ก่อนที่มันจะถูกฝังไปด้วยพายุหิมะที่พัดอยู่ตลอดปี

     ท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เรืออาร์คของโนอาห์ อยู่บริเวณใดกันแน่ จนกว่าสักวันที่ใครสักคนค้นพบเรือความยาว 450 ฟุต บนยอดเขา Ararat หรือ พบเรือที่จมอยู่ใต้ทะเลดำ หรือ ที่ใดที่หนึ่งซึ่งนักล่าสมบัติกำลังค้นหาเรือาร์คของโนอาห์นั่นแหละครับ เรื่องทุกอย่างจึงจะยุติลง

2 ส.ค. 53 เวลา 22:17 2,629 5 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...