WITHOUT MONEY , CAN WE WIN ANYTHING WITH KIDS !!!!??

 



WITHOUT MONEY , CAN WE WIN ANYTHING WITH KIDS !!!!??

หมุนเข็มนาฬิกาไปเกือบ 20 ปีก่อนหน้า... อลัน แฮนเซ่น เคยปรามาสนักเตะ 5-6 คน ของทีมๆหนึ่งแถบเมืองเหนือ ประเทศอังกฤษ...

"You Can't Win Anything With Kids" หรือ "คุณไม่มีทางคว้าแชมป์ได้ด้วยเด็กๆ"... คือคำพูดที่นักวิจารณ์พูดจาภาษาหงส์แดง กระชุ่นเอาไว้

ไม่กี่ปีให้หลัง เด็กกะโปโลที่ดูไม่น่าฝากความหวัง ไม่ใช่แข้งชื่อดัง และไม่ได้ผูกพันอย่างลึกซึ้งกับจอโทรทัศน์ของท่านผู้ชม... ทำให้แฮนเซ่นหน้าซีดเผือด

เด็กเหล่านั้นมีชื่อว่า นิคกี้ บัตต์ , พอล สโคลส์ , แกรี่ เนวิลล์ , ฟิล เนวิลล์ , ไรอัน กิ๊กส์ และ เดวิด เบ็คแฮม...

ขอความกรุณาค่อยๆสูดลมหายใจ... นึกย้อนตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา นับตั้งแต่ "ดิวิชั่น 1" เปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ลีก นักเตะหนุ่มในเครื่องแบบสีแดง ทิ้งอะไรไว้ให้ลีกสูงสุดของอังกฤษบ้าง

แชมป์ 11 สมัย คือสิ่งที่ตามมาจนถึงทุกวันนี้ แข้งหลายรายอย่างบัตต์ , เนวิลล์ผู้น้อง หรือ หนุ่มเบ็คส์ วางรากฐานเอาไว้อย่างมั่นคง แม้จะกลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว

ระบบการปั้นดาวรุ่งเป็นหลัก กลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์เก่าๆ ให้กล่าวขานถึง... เพราะระบบ "ทุนนิยม" คืบคลานเข้ามาพร้อมกับสายตา แสยะยิ้มดูน่ากลัว

ก่อนหน้านี้วงการฟุตบอลยุโรป อยู่ในกำมือของสองทีมยักษ์ใหญ่ จากสเปน... การทุ่มซื้อนักเตะมีให้เห็นเรื่อยๆ ทุกฤดูกาล และราคาก็เริ่มแพงขึ้น เฟ้อขึ้นเป็นทวีคูณ

ณ ที่นี้ผมขอเริ่มร่ายตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 21 หรือปี 2000 เป็นต้นไปนะครับ

ระบบทุนนิยมฟุตบอลศตวรรษที่ 21 ถูกริเริ่มโดยเรอัล มาดริด... ข่าวการย้ายทีมจาก ฟากอาซูลกราน่า มาเป็น มาดริดิสต้า กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโหม ฟ่อนธนบัตรเพียงเพื่อสองขา และลายเซ็นต์ของนัก ฟุตบอลเพียงคนเดียว

หลังจาก การชูเสื้อสีขาวของยอดนักศิลปะ ลูกหนังโปรตุกีส... หลุยส์ ฟิโก้... "ราชันชุดขาว" เสริมแรงความศรัทธาในลัทธินี้ ด้วยภาพของซีเนอดีน ซีดาน , โรนัลโด้ , เดวิด เบ็คแฮม , ไมเคิ่ล โอเว่น และโยงยาวมาถึงคริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ราคาสุดโต่งถึง 80 ล้านปอนด์ ในเวลาต่อมา

บาร์เซโลน่าเองก็ไม่แพ้กัน... ตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา พวกเขายังคงทุ่มซื้อนักเตะเหมือนเดิมแต่ "เน้น" การรับประกัน คุณภาพมากกว่าทางเรอัล

คือซื้อมาแล้ว นอกจากจะเป็นนักเตะที่เก่งกาจแล้วต้อง "ผลิตผลงาน" และ "เข้ากับระบบ" ให้ได้ด้วย... ขณะที่ทางราชันชุดขาวเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ของสโมสรเป็นหลัก

ขยายภาพขึ้นมาให้เห็นมุมกว้าง แล้วคุยกันด้วยเหตุผลว่า... ที่สองยักษ์ใหญ่จากสเปนใช้เงินเป็น "เจ้าบุญทุ่ม" ... เงินที่ใช้นั้นเกิดการหมุนเวียนในองค์กร และเงินที่เสียไปกับการซื้อนักเตะ... ก็คือเงินในคลังของสโมสร

แต่ภาพรวมใหม่... ของการบริหารทีมฟุตบอล ในประเทศอังกฤษ ต่างออกไป...

ผมขอใช้คำว่า "ระบบทุนนิยมเบ็ดเสร็จโดยเจ้าของสโมสร" แล้วกันครับ...

ระบบนี้ถูกริเริ่มขึ้นในปี 2003... เมื่อมหาเศรษฐีรัสเซียน นามโรมัน อบราโมวิช สืบรองเท้าหนังคู่แพง ก้าวเข้ามายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์...

กระทาชายแดนตราหมี... สร้างเชลซีจากทีมระดับ "ลุ้นไปบอลยุโรป" ให้ก้าวขึ้นไป เป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว...

เชลซียุคนั้น กว้านซื้อนักเตะฝีเท้าดีแทบทุกคนที่ขวางหน้า... อาร์เยน ร็อบเบน , เดเมี่ยน ดัฟฟ์ , โจ โคลถูกดึงเข้ามาเสริมตั้งแต่ยุคของ "ทิงเกอร์แมน" เคลาดิโอ รานิเอรี่... สืบต่อมายังยุคโจเซ่ มูรินโญ่ที่เห็น ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา , ไมเคิ่ล เอสเซียง ชักภาพจุมพิตตราสโมสร

"สิงห์ลอนดอน" กลายเป็นทีมเจ้าธนบัตรในขณะนั้น โดยที่ไม่มีใครทัดเทียม... อบราโมวิชเซ็นเช็ก ดึงผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมเหมือนเดิน ท้องร้องเข้าร้าน อาหารตามสั่ง... เขียนเมนูบนโต๊ะ อีกไม่ถึง 10 นาที พร้อมเสิร์ฟ

เมื่อเนรมิตผู้เล่นตามใจสั่งได้... บวกกับฝีมือโค้ชระดับ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน"… เชลซีจึงประสบความสำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ติดกันถึง 2 สมัย

และเป็นทีมแรกที่ใช้ "ระบบทุนนิยมเบ็ดเสร็จโดยเจ้าของสโมสร" จนมีความสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง จับต้องได้...
เมื่อมีผู้เริ่ม... จึงมีผู้ตาม... กระแสธุรกิจบริหารทีมฟุตบอล เริ่มหลั่งไหล... สองคู่หูอเมริกันอย่างทอม ฮิคส์ และจอร์จ จิลเล็ตต์ เข้าฮุบกิจการลิเวอร์พูล... ตระกูลเกลเซอร์ ครอบครองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด... ไม่เว้นแม้แต่อดีตผู้นำไทยอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยลึกซึ้งกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่พักหนึ่ง

และท้ายสุด กระแสนี้กระทบโสตประสาท หูของชีค มันชูร์ เศรษฐีอาหรับ

มันชูร์ หัวเรือใหญ่กลุ่ม อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป เดเวลอปเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ (ADUG) สร้างอาณาจักร "เรือใบสีฟ้า" ขึ้นมาใหม่... โดยใช้แนวคิดเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยวางเอาไว้นั่นคือ "ล้างทีมใหม่ทั้งหมด" และใช้เงินทุนส่วนตัวเป็นตัวตั้ง

ครั้งนั้นอดีตผู้นำประเทศไทย... ปล่อยนักเตะบางส่วนของทีม ออกยกโขยง และคว้านักเตะใหม่เกือบสิบรายเข้ามาร่วมทีม รวมทั้งโค้ชใหม่ สเวน โกรัน อีริคส์สัน

ทว่านักเตะที่ “บิ๊กแม้ว” เลือกสัมผัสมือ ร่วมงานไม่ใช่นักเตะ “เกรดเอ” จึงไม่ใช่การตอบโจทย์ที่จะพา “เรือใบสีฟ้า” ประสบความสำเร็จได้โดยเร็ว เหมือนที่อบราโมวิชเคยทำ

ประเด็นที่ชวนคิด... อาจเป็นได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่มีสถานะภาพทางการเงิน ที่ลอยตัวมากเท่ากับชีค มานชูร์ ผนวกกับปัญหาการเมืองรุมเร้า ทำให้นักธุรกิจใหญ่ ขวัญใจคนเสื้อแดง ไม่สามารถบริหาร “ซิตี้” ของเขาอย่างคล่องมือได้

ฤดูกาลผ่านไป... พ.ต.ท.ทักษิณวางมือ... และขณะนี้ มันชูร์กำลังเป็นตู้เอทีเอ็ม ชนิดอินฟินิตี้ ให้โรแบร์โต้ มันชินี่ กดเล่น

หากบอกว่าเงินหล่นมาจากฟ้าที่ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์มีจริง... ผมคงพยักหน้ายอมเชื่อ... นักเตะระดับดาบิด ซิลบา ยาย่า ตูเร่ เดินเข้าสู่ทีมอย่างไม่อิดออด แม้ความเป็นจริง จังก้าว่าพวกเขาจะไม่ได้ โม่แข้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแต่เขาก็ไม่หวั่น

เจอโรม บัวเต็ง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ นักเตะระดับบีบวกเกือบ A เข้ามาเป็นอีกสอง กำลังเสริม และมีความเป็นไปได้ที่ว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ รวมทั้งซูเปอร์สตาร์ปริศนาอีกมากกว่า 1 ราย จะเข้ามาถือชุดสีฟ้าชูผ้าพันคออีก

นี่คือความเป็นจริงที่ว่า "ระบบทุนนิยมเบ็ดเสร็จโดยเจ้าของสโมสร" กำลังเบ่งบานถึงขีดสุดภายใต้การบริหารของชีค มันชูร์... แม้ว่าพรีเมียร์ลีกหรือยูฟ่า พยายามจะเปลี่ยนกฎให้สโมสรต้องบริหารรายรับ-รายจ่ายให้สมดุลกัน(คือรายได้ ต้องมาจากสโมสรหามาเอง ไม่ได้ใช้เงินเจ้าของทีมเพียงอย่างเดียว) แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังไม่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้

"เรือใบสีฟ้า" จึงดูสนุกมือกับเงินก้อนมหึมาที่แทบ ไม่มีวันหมด... เหมือนกับที่ เชลซี เคยเป็น...

แต่ได้โปรดชะเง้อ ไปมองคู่ปรับร่วมเมืองของซิตี้ ซักนิดครับ...

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด... กับความเงียบฉี่... แฟนบอลยูไนเต็ดผู้น่าสงสาร ผู้คอยลุ้นข่าวซื้อตัว ของทีมผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตัวแล้ว ตัวเล่า แต่สุดท้าย ทุกตัวลงเอยด้วยความผิดหวัง พร้อมใจกระเพื่อมอิจฉาคู่ต่อสู้...

ผมคนหนึ่งครับ ที่รอข่าวยูไนเต็ดชูเสื้อจนจะร้องไห้แล้ว... หากยูไนเต็ดเปิดตัวนักเตะใหม่ ความปิติคงเอ่อล้นจริงๆ

คริส สมอลลิ่ง และฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ถือเป็นการเสริมทีมที่น่าสนใจ แต่ไม่พอแน่ หากเชลซีและซิตี้ รวมทั้งลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล และสเปอร์ส ยังไม่หยุดพัฒนา

แฟนยูไนเต็ดอาจยกมือขึ้นพร้อมเถียง... เกมถล่มเอ็มแอลเอส ออลสตาร์ 5-2 เราได้เห็นไฟพวยพุ่งจากเท้าของดาวรุ่งอย่าง เฟเดริโก้ มาเคด้า , ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ และฮาเวียร์ “ชิช่า” เอร์นานเดซ...

สามขุนพลปีศาจเล่นกันด้วยความมั่นใจ... กิโก้ เฉียบคมมากขึ้นในการจบสกอร์ , เคลฟวี่ย์ แสดงบัลเล่ต์กลางสนามอย่างไม่เคอะเขิน พร้อมสะกิดเรียกรอยยิ้มด้วยหนึ่งสกอร์... ขณะที่ ชิช่า กระรอกน้อย ไม่ตื่นสนาม

ขยับกล้องไปที่ข้างสนาม... เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยิ้มแป้นด้วยชัยชนะ เหมือนเขาจะตัดสินใจถูกต้อง ที่ใช้ระบบดาวรุ่งเป็นหลัก สวนกระแสทุนนิยมที่แรงเทียบเท่าสึนามิในขณะนี้

อาจเพราะมัลคอล์ม เกลเซอร์และลูกหลานเอาเปรียบสโมสร บ่มีไก๊... อาจเพราะยูไนเต็ด มีทัศนคติการใช้เงินที่ขี้ตืด มานานนมแล้ว หรืออาจเพราะความมั่นใจในความคิดของเฟอร์กี้ เหมือนเสาเหล็ก กล้าที่ไม่มีใครหน้าไหนสามารถล้มลงได้

ยูไนเต็ด จึงไขนาฬิกาชีวิตตัวเองย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว... มั่นใจในดาวรุ่งของตัวเอง และพร้อมเดินก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง

ท่ามกลางคลื่นลมแรง ของเงินตราในโลกแห่งฟุตบอล... ยูไนเต็ดในแววตาเด็ดเดี่ยว มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เดิม ที่เคยสร้างตำนาน... พวกเขาหวังว่า มันจะเป็นเหมือนเดิม... เหมือน Class Of'92

อีกไม่กี่วันจะได้ฤกษ์ เปิดศักราชใหม่ ขุนพลปีศาจชุด Class Of'2010 ขอส่งคำท้าไปยังอลัน แฮนเซ่นอีกครั้ง...

“WE WILL WIN EVERYTHING WITH OUR KIDS , DO U THINK SO , HANSEN ???”

เจี๊ยบ เคเอฟซี

Credit: SoccerSuck
31 ก.ค. 53 เวลา 02:39 3,186 1 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...