[Road to king of Asia vol.1: วันนี้เสนอตอน...อนาคต...ไทยเป็นเจ้าเอเชีย...ต้องเริ่มสร้าง...เดี๋ยวนี้!]
"เมื่อตะวันยังคงส่องแสง เราจะสิ้นเรี่ยวแรง สิ้นหวังจะได้ไฉน....เมื่อทนงตนเอง ไม่ยำเกรงใคร จะแค่ไหนไม่สนใจสู้มัน...ความหวังยังมี วันนี้ไม่มีใคร ไม่เป็นไรวันพรุ่งนี้เป็นของเรา...หากเมื่อวานขื่นขม วันนี้ก็ชื่นชมได้ หากเมื่อวานสุขสม วันนี้ยิ่งสุขสมใหญ่ สุขทุกข์หวั่นไหว ก็หวังที่ใจจะทน..." "อวสานเซลแมน" เพลงหวานวันวาน ประกอบละครของช่อง3 สมัย 20 กว่าปีก่อน ของศิริศักดิ์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชีโร่ ชื่อดังในอดีต
http://bbznet.pukpik.com/scripts3/view.php?user=greenbull&board=13&id=2985&c=1&order=numtopic
ลอยแว่วมาจากวิทยุทรานซิสเตอร์ตัวเก่าของคุณปู่ ที่เปิดทิ้งไว้ขับกล่อมในยามที่ท่านพักผ่อนกลางวัน บ่ายแก่ๆของวันหยุดสุดสัปดาห์ ผ่านสายลมเข้ามาประทบโสตประสาทหูของพ้ม พลันทำให้ฉุกคิดคำนึงถึงข้อคิดที่ว่า "ความปวดร้าวเมื่อวานโน่น ย่อมได้รับการลดทอนลง หากเรากลับมาทบทวนอดีตว่า ผิดพลาด เพราะเหตุใด แล้วพยายามอุดรอยรั่วนั้นให้จงได้ เหมือนเช่นที่ บรรษัทน้ำมันข้ามทวีปสัญชาติ สหราชอาณาจักร BP ได้ทำการแก้ไขปัญหารอยรั่วของท่อส่งน้ำมัน หลังแท่นขุดเจาะกลางมหาสมุทร โดนโจมตีด้วยพายุเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโกเมื่อไม่นานมานี้"
หากเราย้อนกลับไปยัง ซีเกมส์ ลาว 2009 ที่ผ่านมา ราชันย์อาเซียน ตลอดกาลอย่างพี่ไทยเรา ทำผลงานได้น่าผิดหวัง เพราะตอนแรกปะแป้ง แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยอาภรณ์สวยหรู สวมมงกุฎประดับเพชร ฝังมุก นั่งอยู่บนบัลลังค์ เหนือม่านเมฆ แต่สุดท้ายดันมาตกม้าตายตั้งแต่ไก่โห่ ในนัดสุดท้ายของรอบแรกแบบยาจกซะอย่างงั้น...
ดังนั้นมันจึงเร็วเกินไปที่จะมาบอกว่า ปลายปีนี้ ในศึกเอเชี่ยนเกม กวางโจว หรือ อีก สองปีข้างหน้า ณ มหานครลอนดอน ในรายการโอลิมปิก พลายศึกสีเผือกแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะกลับมากระทืบโรง เหล่าบิ๊กเนมของเอเชีย หรืออย่างน้อยก็ทะลุผ่านถึงรอบรองชนะเลิศเอเชี่ยนเกมส์ เหมือนที่ผ่านๆมา ไม่ใช่เรื่องสายเกินไปที่เราจะหัดตั้งความหวังในสิ่งที่เราฝัน เพียงแต่ถึงเวลาแล้ว ที่เรา ควรเริ่มสร้าง "อนาคต"ซึ่งสามารถฝากความหวังได้ อย่างจริงๆจังๆซะที...
เมื่อคืน Long weekend holiday ที่ผ่านมา ผู้โพสได้มีโอกาสชมเกมของหนุ่มเสือเหลือง มาเลเซีย ชุด ยู 23 ตะลุยดินแดนหลังม่านไม้ไผ่ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มขยับตัวออกจากถ้ำเสือแล้ว ด้วยการลงกรำศึก Friendly match กับทีมชาติเกาหลีใต้ แข้งโสม ตราพยัฒขาว วัยกระเตาะ ยู 21 ทีมแห่งอนาคต ชุดเตรียมปรีโอลิมปิก ลอนดอน ลูกทีมโค้ชอดีตตำนานนักเตะดาราเอเชีย ผู้เคยสัมผัสบอลโลกมาแล้ว สี่สมัย ปราการหลังเหล็ก ฮอง เมียง โบ โดยในนัดนี้ แข้งจ้าวซีเกมส์หนล่าสุด เด็กสร้างของโค้ช ราชาโคบาล เอ้ย ราจาโกปาล หุหุ ทำได้ดีเหลือเกินด้วยการประกาศศักดา ขย้ำโสมจูเนียร์ไปหนึ่งแผล คาถ้ำบูกิตญาลิล ของตนเอง 1-0 จากการเบิกสกอร์ของเด็กล้างรถ (อิอิ) ซาฟิก ราฮิม มิดฟิวด์จากสลังงอร์ ทำได้ในนาทีที่ 50 ด้วยการยิงไกลเต็มข้อ ผ่านมือผู้รักษาประตูดาวรุ่งโสมเข้าไป
ถึงแม้ว่านี่ จะเป็นการหลอกตัวเองไปวันๆของผู้บริหาร FAM สมาคมฟุตบอลมาเลเซีย ด้วยการดึงทีมที่มีอายุน้อยกว่ามาสังเวย และเป็นด่านทดสอบความแข็งแกร่งของทีม แถมยังคิดแหวกแนวด้วยการออกกฎ ไม่ต้อนรับนักเตะต่างชาติ ตัวอิมพอร์ตสู่เอ็มลีกสองฤดูกาล อีกทั้งยังส่ง ยังไทเกอร์ ฮารีเมา มูดา ชุด ยู 21 ไปฝังตัวเล่นลีกดิวิชั่น สอง ของสโลวาเกียมาแล้ว แต่พวกเขาก็แสดงเจตจำนง ให้เห็นแล้วว่า พร้อมจะทุ่มทุนสร้างบันไดก้าวแรก สำหรับการวางรากฐานระบบเยาวชนให้มั่นคง เพื่อป้อนสู่ทีมชาติชุดใหญ่ต่อไป
โดยสิ่งที่พวกเขาทำไปแล้วในตอนนี้ คือ การปรับทัศนคติของนักเตะตนเอง ด้วยการใส่หัวใจนักสู้ลงไปในจิตใต้สำนึก ด้วยหลักจิตวิทยาง่ายๆที่ว่า "หากพวกคุณสามารถเอาชนะทีมนั้นได้บ่อยๆ ไม่ว่าจะชุดไหนก็ตาม มันจะส่งผลให้คุณเกิดความฮึกเหิม และไม่เกรงศักดิศรี เวลาเผชิญหน้าทีมนั้น (โดยเฉพาะควรเน้นไปที่ยักษ์ทั้ง 5 ของเอเชีย นั่นคือ ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้,ออสเตรเลีย,ซาอุดิ อาระเบีย, อิหร่าน ต้องอุ่นบ่อยๆ) ไม่ว่าจะในรายการใดๆก็ตาม อีกต่อไป" เป็นหนึ่งในสูตรสำเร็จที่ทีมโลโก้ อีกาสามขาในตำนาน จากดินแดนซากุระ พึงปฏิบัติมากว่า 10 ปี เราชาวอาเซียนเพิ่งจะปรับตัวตาม ในขณะที่ชาวโลกเขาไปไหนต่อไหนกันแล้ว...
อย่าได้คิดว่า การอุ่นเครื่องของทีมชาติ เป็นแค่ "ทางผ่าน" ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากนักนะครับ เพราะการที่ ทีมชาติชุดใหญ่ของ เยอรมนี, สวิตเซอแลนด์, อาเจนติน่า, แชมป์โลก สเปน หรือแม้กระทั่ง กาน่า หนึ่งเดียวจากกาฬทวีปในรอบลึกๆ ต่างโชว์ฟอร์มได้ดีในบอลโลกครั้งล่าสุด ก็มาจากผลผลิตของดาวรุ่งซึ่งเติบโตขึ้นมาทันใช้พอดี...กวาดรางวัลเป็นว่าเล่นในระดับเยาวชนนั่นเอง
ความจริง เริ่มเห็นแสงสว่างบ้างแล้ว สำหรับโอกาสที่ไทยจะประสบความสำเร็จ ไปยืนเด่นเป็นสง่าในแนวหน้าของเอเชีย เพราะรุ่น ยู 12 ชุดไซตามะ, ยู 17, ยู 19, ยู 21 ของเรา ยังเคยเอาชนะ ญี่ปุ่น แบบสะใจคอบอลชาวไทย ถึงถิ่นซามูไรบูชิโดมาแล้วเมื่อหลายๆปีให้หลังมานี้ กระนั้นก็ตาม ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป
เหมือนที่สมาคมฯให้การหนุนหลังเยาวชนในโครงการสปอร์ต เอ็กเซลแลนซ์ ที่ดึงนักเตะ 12 ขวบไทย มาใช้ชีวิตร่วมกัน ในแคมป์ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ หนองจอก ถึงปีนี้ เด็กๆเหล่านั้นน่าจะขึ้น ยู 15 แล้วมั้ง พูดถึงองค์กรที่รับผิดชอบวงการบอลไทย ทั้ง FAT และ กกท. จะต้องทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยเฉพาะในเรื่องความสามัคคี ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมพลศึกษา, กรมสามัญ, สพฐ, บอลนักเรียน ทุกระดับ เป็นต้น ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อีกอย่างก็คือ การให้เฮีย ร็อบโบ้ ไบรอัน ร็อบสัน ลงมาตามติดดูเกมทีมชาติชุดเยาวชนบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ตาเลขาฯส่วนตัว สตีฟ ดาร์บี้ มาคุมทีมขัดตาทัพ ไปตามยถากรรมเหมือนเช่นเคยๆ เผื่อจะเห็นใคร มีแวว (ไม่ใช่น้ำมันพืชน่ะจะบอกให้ อิอิ) จะได้ค่อยๆดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ต่อไปในอนาคตได้ ไม่ใช่ฟังเขามาอีกที...เขาว่า...ดี ก็เลยเอา...อะไรประมาณนี้ ไม่ดีน่ะคร้าบ เฮีย!
อ้อ By the way, ยังมีอีกสิ่ง ที่น่าเป็นห่วง คือ เคสที่บรรดานักเตะและเทรนเนอร์ไทยลีก กำลังพูดถึงเป็นกระแสหนาหูอยู่ในขณะนี้ เรื่องที่พอนักเตะเยาวชนทีมชาติแข่งเสร็จ กลับไปรายงานตัวยังต้นสังกัด มักจะถูกมองข้าม ปิดกั้นโอกาส ไม่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ฝีเท้าไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตัว การสัมผัสเกมใหญ่ๆใน ทีพีแอล ของดาวรุ่งไทย ยู 18-21 มักจะถูกเมิน จนต้องนั่งสำรองตลอด ซึ่งอันที่จริง อายุช่วงนี้ควรจะได้เริ่มหาประสบการณ์เต็มตัวได้แล้ว แต่กลับถูกโควตาต่างชาติเบียดแย่งไปซะนี่
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ดาวรุ่งไทยลีกปีนี้ ภูริทัต ของชลบุรี ซึ่งทางโค้ชเซอร์เด็ด ไว้ใจให้ลงสนาม ทั้งที่อายุ 21 ปีเท่านั้น โดยตอนนี้เขาได้ขึ้นมาติดทีมชุด ออลสตาร์ และ ยู23 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตรงกันข้ามหากสต๊าฟโค้ชฉลามชล ไม่ให้เขาไล่ประกบดัสกร, ยาย่า, โคเน่, โคคู, แด๊กโน่ ฯลฯ เขาก็ไม่มีทางมีวันนี้ได้หรอก จึงเห็นเป็นเรื่องจำเป็นที่แต่ละทีมควรรับรู้และใส่ใจให้มาก ว่า "อนาคตของทีมชาติไทย ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกคนด้วย"
ในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป ผู้โพสอยากฝากให้ทางสมาคม หรือผู้บริหาร บ.ทีพีแอล และผู้มีอำนาจในลีกสูงสุด โปรดพิจารณา...เห็นควรจำเป็นต้องมี... "ดาวรุ่ง อายุไม่เกิน 23 ปี ลงสนาม ย้ำ! แต่ละทีมต้องส่งลงสนาม อย่างน้อย 1 คนในแต่ละนัด กำหนดเป็นระเบียบการณ์ที่ชัดเจนไปเลย เพื่อการันตีว่า ทีมชาติไทยเราจะมีดาวรุ่งแจ้งเกิดเต็มตัวแน่ๆให้แต่ละทีม 1 คน เป็นอย่างน้อย เป็นการบีบให้แต่ละสโมสรเร่งพัฒนาระบบอะคาเดมี่ลูกหนังของตน ทางอ้อมไปในตัว ในช่วงที่เราไร้ลีกเยาวชนที่ชัดเจน หรือแม้กระทั้ง ถ้วยเอฟเอ ยูธ คัพ ที่เป็นแค่แผ่นกระดาษในลิ้นชักผู้บริหารสูงสุดไทยลีกเท่านั้น"
ณ ตอนนี้ ถ้าเรานำระบบการพัฒนาเยาวชน ทีมชาติไทยไปเปรียบเทียบกับ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งเกาหลีเหนือเอง ดูแล้วก็ท้อแท้ หากคุณเป็นสาวกเชียร์ไทยตัวจริง คงต้องทำใจเสียแต่เนิ่นๆ เมื่อได้เจอกับทีมเหล่านี้ ความจริง...สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากฟุตบอลสมัยใหม่ ก็คือ ทัศนคติในการเล่น, ความกล้าในการเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ ,มีความกระหายในการเป็นผู้ชนะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันต้องสั่งสมจากชั่วโมงบิน ในการต่อกรทีมใหญ่ๆที่เหนือกว่าหลายขุม
โดยในขณะนี้คู่แข่งโดยตรงของเรา ในละแวกอาเซียน เขาเริ่มเคลื่อนไหว เตรียมทีมสู้ศึก เอเชียนเกมส์กันแล้ว แต่ไหนละ ทีมชาติไทย ชุดยู 23 ของเรา ตอนนี้พวกเขาทำอะไรกันอยู่ (เข้าใจนะว่า เรามีโปรแกรมไทยลีกแน่นเอียด ตลอดสามเดือน ไม่อาจปลีกตัวได้ในตอนนี้) แต่ในวันที่เรามีอุ่นเครื่องตามปฏิทินของฟีฟ่า ผมอยากให้เรายัดโปรแกรมของทีมชาติ ชุด ยู 23 ลงไปด้วย เหมือนที่เราเคยทำมาเมื่อปีก่อนๆ ทั้งนี้เพื่อให้ทีมชาติมีเกมบิ๊กแม็ตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปะทะกับ 11 ทีมชั้นเยี่ยมของเอเชีย ดังนี้ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เกาหลีเหนือ, จีน, ออสเตรเลีย, ซาอุดิ อาระเบีย, อิหร่าน, อุสเบกิสถาน, บาห์เรน, กาตาร์, ยูเออี เป็นต้น ควรจะมีบ่อยๆ เพื่อสร้างกระดูกบอลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เราต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชนไทย กันเสียที
สุดท้ายแล้ว บทสรุปของเส้นทางสู่เจ้าเอเชีย จะสิ้นสุดลงตรงไหน จะไปถึงได้มั้ยในสหัสวรรษนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับวันนี้...เราทุ่มเทมากน้อยเพียงใด พยายามแค่ไหนกัน...
.....No pain.....No gain....ไม่มีการลงทุน.... เราก็ไม่มีวันได้มา...ไม่กล้าเจ็บ...ก็ไม่ได้เรียนรู้....ก็ไม่มีวันเติบโต...
อย่าลืมว่า "ทีมชาติไทยชุดเยาวชน ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม พวกเขาก็ คือ อนาคตของประเทศในวันต่อๆไปนั่นแหละ"...
ปล.ขอขอบคุณ เครดิต บทความนี้ โดย นสพ.สตาร์ ซอกเกอร์ รายวัน ที่เป็นแรงบันดาลใจ (ให้ลอกมาทั้งดุ้น อิอิ) จากวันไหนนั้น สยามกีฬาน่าจะรู้ครับ หุหุ
credit pictures by: thaifootball.com
มาร์ท นรา สปายบอลไทย ----- รายงานจากรุง กัวลาลัมเปอร์ ประ้เทศ มา้เลเซีย