โปรเจ็กต์นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของ Laurens van den Acker แห่งทีมออกแบบของเรโนลต์ ซึ่งสร้างสรรค์เส้นสาย หรือ Body Language ของงานออกแบบภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า ‘Drive the Change’ ซึ่งมีการนำมิติทางกายภาพของสรีระมนุษย์มาใช้กับการออกแบบของตัวรถเพื่อให้ดูมีมิติและมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะโค้งเว้าตามส่วนต่างๆ ของตัวรถ



 

 

Dezir Concept มากับตัวถังทรงสปอร์ตคูเป้แบบ 2 ประตู ซึ่งถูกออกแบบบานประตูให้เป็นแบบกรรไก หรือ Scissor Door ที่มีจุดยึดสลับกัน โดนบานประตูฝั่งคนขับ (รถพวงมาลัยซ้าย) จุดยึดบานพับจะติดตั้งอยู่ทางด้านหน้าของตัวรถ และฝั่งคนนั่งจะอยู่ทางด้านหลังของตัวรถ ซึ่งการสลับฝั่งในลักษณะนี้ทางเรโนลต์บอกว่า เพื่อเอื้อประโยชน์ในการเข้าและออกจากห้องโดยสารได้อย่างสะดวก

 

สำหรับมิติตัวถังของตัวรถมีความยาว 4,225 มิลลิเมตร กว้าง 1,968 มิลลิเมตร สูง 1,163 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,582 มิลลิเมตร มีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานอากาศ-Cd เพียง 0.25ขณะที่ตัวรถใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักในการผลิตตัวถังทำให้น้ำหนักของตัวรถเบามาก เพียงแค่ 850 กิโลกรัมเท่านั้น
   

ตัวรถขับเคลื่อนแบบไร้มลพิษ เพราะเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังขับเคลื่อน 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.0 กก.-ม. บวกกับแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนขนาด 24 kW/h ใช้เวลาเพียง 2 วินาที

 

สำหรับอัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 5 วินาทีสำหรับ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง และในการชาร์จ 1 ครั้งสามารถแล่นทำระยะทางได้ 160 กิโลเมตร


แม้จะเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า แต่ก็เสริมความสปอร์ตเต็มระดับด้วยล้อแม็กวงโตขนาด 21 นิ้วกับยางขนาด 245/35R21 และดิสก์เบรกขนาด 256 มิลลิเมตรแบบมีครีบระบายความร้อนจับคู่กับคาลิเปอร์แบบ 6 ลูกสูบทั้งด้านหน้าและหลัง

 

โอกาสที่จะผลิตขายจริงคงยังไม่มีคำตอบในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ เรโนลต์จะนำเส้นสายงานออกแบบบนต้นแบบคันนี้มาใช้เป็นแนวทางในการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อเสริมทั้งความสปอร์ตและความสวยสะดุดตา