ทางชายหาดตะวันตกของ Iceland มีเกาะเล็กๆ ห่างไกลความเจริญ ชื่อว่า Vigur ที่มีคนมาจับของซื้อไปเมื่อ 4 ปีก่อน
เจ้าของเกาะคือ Felicity Aston นักวิทย์ฯ สำรวจขั้วโลกนั่นเอง
เมื่อ 4 ปีก่อนเธอได้ยินข่าวกับการประกาศขายเกาะ เธอเลยใช้เงินทั้งหมดของเธอซื้อเกาะมาเป็นของตัวเอง แล้วก็ย้ายไปอยู่กับสามี Gizli และ ลูกชาย Thrainn ซึ่งตอนนั้นอายุเพียงแค่ 2 ขวบเท่านั้นเอง
เธอไม่ได้เปิดเผยว่าเธอซื้อเกาะมาในราคาเท่าไหร่ แต่จากราคาที่ประกาศไว้อยู่ที่ประมาณ 2.6 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 90 ล้านบาท ก็ได้ครอบครองเกาะ ยาว 2 กม. กว้าง 400 ม. เดินรอบเกาะได้ไม่เกินครึ่งวัน
มีบ้าน 10 ห้องนอน อยู่สบายๆ พร้อม อาคารต่างๆ พร้อมสรรพสำหรับทำการเกษตร
มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมหลายๆ สิ่งยังเป็นของเก่าแก่ เช่น กังหันลม ซึ่งเป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่เล็กที่สุดในยุโรปตั้งแต่ยุค 1860 และ เรือเก่าแก่ที่สุดใน Iceland (สร้างเมื่อปี 1800)
อีกทั้งยังมีธรรมาชาติที่สวยงาม เป็นบ้านของนกนางนวลดำ (black gulls) และนกพัฟฟิน พันธ์หายาก นับ 1000 ตัว
นกนางนวลดำ (Black Seagull) นกหายากอีก 1 ชนิด
นกเป็ดน้ำเอย แมวน้ำเอย มีเพียบ แถมบางทีก็เจอวาฬ มาแหวกว่ายให้เห็นตัวเป็นๆ แบบใกล้ชิด
ซากโครงกระดูกปลาแปลก ที่บางชิ้นกระดูกหัวใหญ่กว่าหัวคนอีก ก็พบเจอได้บ่อยครั้ง
วิวโครตสวย
หน้าร้อนหญ้าเขียวขจี นกกระจิบบินว่อน
หน้าหนาวหิมะก็มาแบบจุกๆ
สายรุ้งทอแสงหลังสายฝนบนท้องฟ้า
ตอนพระทิตย์ขึ้น
นี่ตอนพระอาทิตย์ตก
มีเพื่อนน่ารักตัวเล็กตัวน้อยมาเดินเล่นมากมาย
แสงเหนือก็มี...นะ
แต่ครอบครัวของเธอไม่มีเวลาเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ เพราะปีๆ นึงพวกเธอต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นหมื่นคน ทั้งๆ ที่เกาะเล็กนิดเดียว แถมพวกเค้ายังต้องทำกิจการเกี่ยวกับขนเป็ดอีกด้วย
เป็ด 7,000 ตัวขึ้นมาออกไข่ที่นี่ทุกๆ ปี
มีรังมากกว่า 3,500 ที่อยู่เลียบเคียงไปกับธรรมชาติ
พวกเค้าไปทุกที่บนเกาะ เพื่อเก็บขนของพวกมัน
เวลาประมาณ 6 เดือนที่เค้าต้องคร่ำหวอดกับการเก็บขนเป็ด แต่เค้าก็ไม่เก็บมาจนหมด ยังจะเหลือไว้ให้พอเพียงสำหรับการฟักไข่ของพวกมันด้วย
หลักจากทำความสะอาด ขนเป็ดดำๆ ยุ่ยๆ ก็กลายเป็นของมีราคาขึ้นมาเลย ทั้งทำเสื้อกันหนาว ถุงนอน เอย หรือแม้แต่ชุดอวกาศ
พวกเค้าทำงานกันหนักมาก เก็บขนเป็ดได้ประมาณ 3 ตันต่อปี งานนี้ 3 คนคงจะไม่ไหว เค้าเลยให้เพื่อนบ้าน มาช่วยกันจนสำหรับ แต่การทำงานบนสภาพแวดล้อม วิวทิวทัศน์สวยงาม แบบนี้ มันก็ทำให้หายเหนื่อย และ ผ่อนคลาย ได้เหมือนกัน
หลังจากฤดูเก็บขนเป็ดจบลงพวกเค้าก็ไปพักผ่อน นั่งเรือไปเกาะ หมู่บ้านชาวประมง Isafjordur ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้พวกเค้าสุด เพื่อเป็นการผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
มีบ้านเรือนประมาณ 2,700 ซึ่งที่นี่มีครบเกือบทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทั้งซุปเปอร์มาเก็ต ร้านเบเกอรี บาร์ ร้านอาหาร อู่ซ่อมรถ ร้านอุปกรณ์ต่างๆ
ครอบครัว Felicity ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมาชาติอันสวยงามก็จริง แต่ปัญหาใหญ่สุดของพวกเค้าก็คือเวลาหน้าหนาวมาเยือนนั่นเอง
เกาะที่โอยล้อมไปด้วยทะเล เวลาหน้าหนาว น้ำทะเลไม่ได้เป็นแผ่นน้ำแข็งไปทั้งหมด จะแข็งเป็นหย่อมๆ เป็นก้อนน้ำแข็ง เลยทำให้เป็นอุปสรรคในการเดินเรือ
ดังนั้นช่วงหน้าหนาวพวกเค้าเลยออกไปไหนไม่ได้เลย ของใช้ประจำวันก็ออกไปหาซื้อไม่ได้
อย่างไรก็ดี พวกเค้าก็สนุกกับการเล่นสกีในพื้นที่ๆ หิมะหนานุ่มฟู
อย่าคิดว่าหน้าร้อนจะสบาย เพราะอยู่ดีๆ ก็อาจจะมีหิมะตกหน้าร้อนก็เป็นได้
พวกเค้าเผยแพร่เรื่องราวของพวกเขาใน Internet ทำให้ชาวเน็ตทั่วโลกอิจฉา และ อยากมีชีวิตแบบนี้บ้าง แต่เธอก็ชีวิตแบบนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกๆ คน อย่างที่รู้กันว่าครอบครัวของเธอชอบอยู่อย่างสงบ และ หาความสุขจากสิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
ในมุมมองของเธอ เธอคิดว่า เกาะ Vigur Island โครตจะเงียบสงบเลย แต่ก็เติมเต็มไปด้วย ความเร่งรีบ วุ่นวาย เช่นกัน แต่การอยู่กับธรรมชาติแบบนี้ทำให้ครอบครัวของเธอมีความสุขอย่างมาก
เกาะจะสวย จะน่าอยู่แค่ไหนก็ตาม ไม่ได้แปลว่ามันจะเหมาะสมกับคนทุกคน ขอแค่เรามีความสุขกับความสวยงามของมันไปก็พอ