https://petmaya.com/ai-powered-news-anchor-ren/

เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคของ AI จะมีอาชีพใดบ้างที่ต้องตกงาน แน่นอนว่าจะมีอีกหลากหลายอาชีพมากมายที่ได้รับผลกระทบอย่างคาดไม่ถึง 

เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจีน เมื่อสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง People’s Daily ได้เปิดตัวผู้ประกาศข่าวคนใหม่ล่าสุดของพวกเขาที่มีชื่อว่า เหริน เซี่ยวหรง หญิงสาวหน้าตาดีและมีบุคลิกยอดเยี่ยม โดยที่เธอคนนี้ไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ แต่เป็นภาพเวอร์ชวลเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งทำให้เธอสามารถรายงานข่าวได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องหยุดพักแต่อย่างใด 

เหริน เซี่ยวหรง ถูกแนะนำให้โลกได้รู้จักในฐานะผู้ประกาศข่าวพลัง AI ที่เรียนรู้ทักษะความสามารถมาจาก “ผู้ประกาศข่าวนับพันคน” และยังสามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตามความคิดเห็นของผู้ชมอีกด้วย ซึ่งถ้าหากมองเผิน ๆ คุณแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าเธอไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ 

“สวัสดี ฉันชื่อ เหริน เซี่ยวหรง ฉันเป็นผู้ประกาศข่าวดิจิทัล AI ที่เพิ่งมาอยู่กับ People’s Daily” เหรินกล่าวในระหว่างการทำงานวันแรกของเธอ 

“ผู้ประกาศข่าวหลายพันคนได้ถ่ายทอดทักษะทางวิชาชีพให้กับฉัน ฉันจะรายงานข่าวตลอดทั้งปี 24 ชั่วโมง 365 วัน โดยไม่หยุดพัก” 

“ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์ข่าวหรือในสตูดิโอ คุณก็จะเห็นฉันเสมอ ทุก ๆ บทสนทนา ทุก ๆ ข้อเสนอแนะที่คุณส่งมาให้ มีแต่จะทำให้ฉันฉลาดขึ้น” 

ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยในความสามารถของเธอแม้แต่น้อย เพราะคุณภาพที่เธอรายงานข่าวเรียกได้ว่าดีกว่ามนุษย์ธรรมดาด้วยซ้ำไป ติดแค่เพียงว่าการพากย์เสียงสังเคราะห์กับภาพที่ปรากฎยังคงไม่ตรงกันเท่านั้น แน่นอนว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต 

จริง ๆ แล้ว ผู้ประกาศข่าวสาวสามารถตอบคำถามให้กับผู้ชมได้ทุกหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การป้องกันการแพร่ระบาด อสังหาริมทรัพย์ การจ้างงาน สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ปัจจุบัน เธอถูกกำหนดความสามารถให้ตอบคำถามที่กำหนดคำตอบเอาไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน 

แม้ว่าจะฟังดูน่าประทับใจอย่างมากแต่เหรินก็ไม่ได้ล้ำหน้าไปกว่า ChatGPT ของ Open AI การโต้ตอบของผู้ประกาศข่าวสาวก็ถูกจำกัดให้อยู่ในหัวข้อที่กำหนดอีกด้วย 

แม้แต่อาชีพผู้ประกาศข่าวก็โดน AI แย่งอาชีพไปแล้ว และอีกไม่นานก็จะมีอาชีพอื่น ๆ ตามมา ตอนนี้อาจต้องหันมาดูตัวเองแล้วว่า อาชีพที่คุณทำอยู่ จะมีสิทธิ์โดน AI แย่งงานได้หรือไม่ 

ที่มา: odditycentral