คนที่เล่นของ โดยเฉพาะที่เล่นไสยดำ
ส่วนมากมักจะไว้ผมเผ้ารุงรัง ดูน่ากลัวน่าเกรงขาม
ซึ่งจะเชื่อกันว่า วิชาอาคมต่างๆ
ที่ได้เรียนมา จะอยู่ที่ปลายผม
โดยเรียนมาเท่าไหร่ ความรู้ต่างๆ
จะแผ่ออกจากหัว
ยาวออกมาเป็นเส้นผมหนึ่งเส้น ..
ดังนั้น คนที่เล่นของจะไม่ตัดผม
ถ้าหากไม่จำเปนจริงๆ
เพราะอาจทำให้วิชาที่เรียนมาไม่ขลังเท่าที่ควร...
ความเชื่อในสังคมไทย
คำว่า "ไสยศาสตร์" นั้น
แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่สามารถหาเหตุผล มาหักล้างกับความเชื่อได้
เรื่องของความลี้ลับแห่งวิญญาณของมนุษย์
เมื่อตายแล้ว วิญญาณไปอยู่ที่ไหน
ในสังคมไทย ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา ที่อยู่เหนือธรรมชาติ
สามารถช่วยลดความหวาดกลัวของมนุษย์ลงได้
ช่วยสร้างเกาะกำบังความรู้สึก
และก่อให้เกิดความเลื่อมใส ศรัทธา
ในสิ่งที่ยังไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
อีกทั้งยังให้ความเชื่อ...
ในเรื่องเครื่องรางของขลัง
ที่มีอิทธิฤทธิ์และปาฎิหารย์ต่างๆ
จากผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับ
เรื่องโชคลางที่มา เกี่ยวข้องกับ สังคมไทย
ในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ ตามความเชื่อของคนไทย
ไสยศาสตร์แบ่งออกเป็น ๒ ทาง คือ
ไสยศาสตร์ดำ และไสยศาสตร์ขาว
ไสยศาสตร์ ดำเป็น ศาสตร์ที่ใช้ในการ ล้างผลาญชีวิต
ส่วนไสยศาสตร์ขาว เป็นศาสตร์ที่ใช้ในทางที่เป็นคุณ
หรือ การเสกเป่าคาถาต่างๆ ให้ผู้ป่วย
นอกจากนั้น คนโบราณยังเชื่อ
ในเรื่องของปรากฎการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่นคิ้วกระเหม่นหรือจิ้งจกทัก เป็นต้น...
.
เรามาอ่านความลึกลับสิ่งมหัศจรรย์
ที่เรียกว่า...เล่นของ "จอมขมังเวทย์"
หุ่นพยนต์ (รูปแบบจะขึ้นอยู่ที่สำนักไหนทำขึ้นมา)
เป็นหุ่นพยนต์ ที่หมอผีมักจะเลี้ยงเอาไว้ใช้งาน
เนื่องในโอกาสต่างๆ
โดยจะเปรียบเสมือนเงาตามตัวเราไป
ช่วยกระซิบบอกเหตุ ให้โชคลาภ ระวังภัย ใช้เล่นงานคู่อริ
ปล่อยในวันพระ กลายเป็นของติดปากที่เรียกว่า "ลมเพลมพัด"
ในปัจจุบัน หุ่นพยนต์มีให้บูชากัน
เป็นเครื่องรางของขลังที่นิยมในหมู่ศรัทธา
หุ่นพยนต์มีอิทธฤทธิ์
คุ้มครองผู้ที่พกพา ขับไล่ไสยมืด เสนียดจัญไร
สิ่งอัปมงคลทั้งหลาย กันภัยมากมาย
ทั้งยังไล่สิ่งที่จะมาก่อกวนเราได้
เช่น ผีเร่ร่อนต่างๆ ตามสถานที่ทั่วไป ฯลฯ ..
มวลสารที่สร้างพร้อมอาคม...
ในการสร้าง "หุ่นพยนต์อาถรรพ์" ใช้ใบดอกนำด้ายสายสิญจ์ที่มัดตราสังข์จาก "ศพผีตายโหง 7 ป่าช้า" (ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร)
จากนั้นจึงซัดด้วย "ผงว่านวิเศษ" ต่างๆ และ "ใบไม้ที่สำคัญๆ" อีก 7 ชนิด อันได้แก่
1.ใบตาล
2.ใบลาน
3.ใบขนุน
4.ใบคูณ
5.ใบพยุง
6.ใบรัก
7.ใบจันทร์ เป็นต้น..
กุมารทอง..
ซึ่งจะแบ่งเปนสายขาว และสายดำ
โดยสายดำจะเน้นไปทางการทำร้ายคู่อริ
และสายขาวจะบูชาเพื่อบอกโชคลาภ
เป็นพรายกระซิบ
ระดับของกุมารทองก้อมีหลายระดับ
จากเก่งน้อยสุด จนถึงขั้นสามารถสู้กับวัว-ควายธนูทองแดง
ได้เลย ...
การสร้างกุมารทอง
นั้นแบ่งออกหลักๆเป็น 3 วิธีการสร้างคือ
1. สร้างด้วยดิน 7 ป่าช้าผสมผงพรายกุมาร ผงพรายกุมารนั้น
คือผงที่ได้จากการเอากระดูกเด็กมาป่นละเอียด
ผสมกับผงอิทธิเจและปถมัง
กุมารประเภทนี้จะเฮี้ยนและแรงที่สุด แต่มีทั้งคุณและโทษภายในตัว
วิญญานที่เชิญลงมานั้นมักเป็นวิญญานในป่าช้า
หรือเป็นวิญญานเด็กที่ติดอยู่กับผงพรายกุมารนั่นเอง
กุมารประเภทนี้ต้องเซ่นไหว้ให้ดี และหากเวลาผ่านไปนาน
วันวิญญานภายในตัวกุมารก็สามารถโตขึ้นได้
2. การสร้างด้วยเนื้อดินหรือเนื้อไม้แล้วเชิญญานเทพลงมา
กุมารประเภทนี้มักจะไม่ค่อยแสดงตัวเหมือนอย่างแรก
เพราะเป็นเทพไม่ต้องเสพอาหารหยาบ
ปกติมักปลุกเสกรวมกับพระเครื่อง
3. สร้างด้วยไม้ตายพราย
ที่นิยมนั้นมักจะสร้างด้วยเนื้อไม้รักซ้อมตายพราย
และไม่มะยมตายพราย เพราะถือว่าไม้ตายพรายนั้น
เป็นไม้เทพสถิต มีความขลังอยู่ในตัว
แม้ไม่ต้องปลุกเสก เมื่อได้ไม้ชนิดนี้มานั้น
อาจารย์ผู้เสกจะประจุอาคมพระเวทย์ จิต
ตั้งธาตุ หนุนธาตุ เรียกอาการ 32 เรียกนาม
จนเกิดเป็นวิญญานอุบัติขึ้นมา
วิญญานที่เกิดขึ้นมานั้นจะเรียกว่าพราย
คือไม่รู้จักโต พรายพวกนี้จะไม่ทำร้ายผู้ใด
แต่ถ้าขาดการดูแลจะอ่อนกำลังและสลายไปในที่สุด ...
หุ่นปั้นทางไสยศาสตร์
รู้จักในนาม "ฝังรูปฝังรอย" ซึ่งจะใช้ทางด้านเมตตา ชู้สาว มัดใจ
และเลิกรา หุ่นที่ปั้นจะทำมาจากของอาถรรพ์ทั้งปวง
เป็นคุณไสยที่ค่อนข้างแก้ยาก นัก เนื่องจากหุ่นนี้เป็นตัวแทนของผู้ที่ถูกกระทำ หากหุ่นเนเช่นไร คนๆ นั้นก้อจะมีอันเป็นไป ตามที่หุ่นนั้นๆ
หุ่นนี้เมื่อทำการปลุกเสก
ก้อจะนิยมไปฝังในป่าช้า เพื่อเพิ่มความขลังอย่างสุดขีด
เพื่อหากครายอยากจะแก้คุณไสย
ก้อต้องหาหุ่นให้เจอแล้วทำการถอน
ซึ่งปกติจะถอนยาก เค้าจะไม่นิยมทำกัน
เค้า มักจะสร้างหุ่นขึ้นมาใหม่ เพื่อทำการแก้คุณไสยตัวเดิม และหุ่นตัวใหม่ต้องสร้างให้มีความเฮี้ยนกว่าด้วย ไม่งั้นจะกลบคุณไสยเดิมไม่ลง เอาเป็นว่าพลังจิตต้องแข็งกว่า
การฝังรูปฝังรอย หากปั้นหุ่นให้กอดกัน
จะเป็นการทำเสน่ห์ แต่หากอยากให้คนคู่นั้นเลิกกัน
ก้อปั้นให้หุ่นหันหลังให้กัน
แล้วคู่นั้นจะไม่มองหน้ากันเลิกชั่วชีวิต.....
นี่คือเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้น
ตะลึง!หมอเขมรทำคุณไสยหุ่นผู้หญิง
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 8 ก.ค.53 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง
จากนายสายชล มาลากุล อายุ 41 ปี ชาวบ้านหมู่ 6
ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
ว่าพบหลุมคล้ายกับหลุมฝังศพ บริเวณซอย 4
บ้านทับตอง หมู่ 1 ต.ปลวกแดง
โดยภายในหลุมมีหุ่นผู้หญิงถูกทำพิธีทางไสยศาสตร์
จึงรีบไปตรวจสอบพบเป็นหลุมลึกประมาณ 60 ซม. กว้าง 50 ซม. ภายในหลุมมีหุ่นรูปปั้นผู้หญิงนอนอยู่ในโลงศพ
ขนาดเท่าของจริง และถูกคลุมด้วยแผ่นพลาสติก 2 ชั้น
แล้วมีผ้าขาวห่อหุ้มลำตัวตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า
หน้าผากและหน้าอกถูกตอกด้วยตะปูขนาด 2 นิ้ว
และมือถูกมัดตราสังด้วยด้ายสายสิญจน์อย่างแน่น หนา
นอกจากนี้ยังมีไข่ไก่วางอยู่บริเวณหน้าอก 1 ฟอง..
ด้านนายคูณ เนตรน้อย อายุ 69 ปี ชาวบุรีรัมย์
ซึ่งเป็นหมอทำพิธีแก้คุณไสยและปลดปล่อยวิญญาณ
ได้เดินทางมาเยี่ยมหลานในอ.ปลวกแดง กล่าวว่า
ผลงานคล้ายหลุมศพดังกล่าวน่า
จะเป็นฝีมือของหมอเขมร ถ้าใครถูก กระทำ
และยังมีชีวิตอยู่จะเจ็บป่วย เลอะเลือนจนถึงขั้นเสียชีวิต
แต่ถ้าเสียชีวิตไปแล้วจะทำให้ไม่ได้ไปผุดไปเกิด
อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่มามุงดูต่างตีเป็นเลขแทงหวยกันอย่างคึกคัก...
เป็นไสยะ ที่ใช้เลือดสาปแช่ง
ส่งผลให้ผู้ที่โดนของ มองเห็นภาพลวงตา
จนกระทั้งเป็นบ้าได้ มักใช้ในการทำร้ายคนคน..
ยกตัวอย่างเมื่อเร็วๆนี้ ถ้าติดตามบ้านเมือง
เราก็จะใด้อ่าน และใด้เห็น ไสยะว่าด้วยใช้เลือดสาปแช่ง (จขกท นำภาพเหตุการณ์มาลงให้ชมไม่ได้ ละไว้ในฐานที่เข้าใจกันเนอะ)
ต่อที่เสก จากใบไม้
เป็นหนึ่งในวิชาไสยศาสตร์ที่นิยมเล่นกัน
โดยจะเสกของให้เป็นสัตว์
เป็นแมลง ส่งไปฆ่า ไปทำร้ายคู่ต่อสู้
โดยอาจจะเห็นว่ามันไม่น่าร้ายแรงนัก
แต่หากใครทักใครที่จิตไม่แข็ง
ก้อสามารถที่จะโดนของเข้าตัวได้
โดยไม่รู้ตัว
วิชานี้เค้าเรียกว่าวิชาแปลงธาตุ
ก่อนอื่นต้องรู้ว่าธาตุอะไรแปลงเป็นอะไรได้เสียก่อน เช่นใบมะขามเป็นตัวต่อแตน หญ้าเป็นขนมฝอยทอง
ขี้เทียนเป็นก้นหอย ส่วนไอ้ 108 คาบน่ะ
ส่วนขีดขั้นพลังสมาธิที่สามารถทำได้ คือ อุปจารสมาธิ
แล้วเวลาเสกก็ต้องมีเคล็ดในการเสกอีก ...
นี่คืออีกบทหนึ่งของความเชื่อ..
เสกตะปูผี เข็ม เข้าตัว เป็นวิชาเดรัจฉานที่นิยมทำเช่นกัน
อย่างเช่น เสกงู หนังงู หนังช้าง หนังควาย กระดูกผี ตะปูขึ้นสนิม
เข็มหนาม เหรียญปากผี เส้นผมผี เป็นต้น
ของพวกนี้เพื่อเข้าตัวแล้ว ก้อช่ายว่าจะเอาออกกันง่ายๆ
x-ray อาจมองไม่เหนสาเหตุ ไดๆเลย..
หากไม่เอาออกตามเวลาที่เหมาะสม ก้อถึงขั้นตายใด้....
.
นี่คือรูปตะปู ใช้สำหรับตอกโรงผี ที่จอมขมังเวทย์ต่างๆนิยมหาเพื่อนำไปใช้ประกอบมวลสารต่างๆ ..
คุณไสยเสกตะปู พบในท้องเจ้าอาวาส
เจ้าอาวาสวัดดังอุตรดิตถ์ เจอคุณไสยเสกตะปูยาว 2 นิ้ว 2 ตัว
เข็มหมุดอีก 1 ตัวเข้าท้อง
มีอาการปวดท้องรุนแรง ไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาล
แต่แพทย์ไม่เชื่อต้องไปพึ่งหมอไสยศาสตร์ที่แพร่ ทำพิธี
จนดึงออกมาได้ เจอตะปูงอถึง 5 ตัว เข็มหมุดอีก 2 อัน
แต่อาการปวดท้องยังไม่หาย สุดท้ายต้องมาพบแพทย์
ที่โรงพยาบาล และเอกซเรย์พบตะปูกับเข็มหมุดอีก
แพทย์ช่วยผ่าตัดออกมาได้ ระบุเหมือนตาที่เสียชีวิตไปแล้ว
เคยโดนคุณไสยแบบเดียวกัน
ด้านแพทย์ ร.พ. คาดลักษณะตำแหน่ง
เหมือนคนป่วยกลืนกินเข้าไปเองมากกว่า
ทางด้าน พระอธิการอนุวัฒน์ กล่าวว่า
ช่วงแรกรู้สึกปวดท้องอย่างมาก ไปพบแพทย์ให้ช่วยตรวจและ
เอ็กซเรย์ปรากฏพบว่า เป็นนิ่วในกระเพาะอาหารขนาดเม็ดเล็ก รักษา
หายแล้ว แต่กลับยังมีอาการปวดท้องอีก จึงขอร้องให้แพทย์ช่วย
เอ็กซเรย์อีกครั้ง
ปรากฏพบเข็มขนาดเล็ก แต่แพทย์กลับบอกว่า เป็นเข็มที่ตนนอนอยู่
บนแผ่นกระดานที่มีการเอกซเรย์หมอไม่เชื่อว่ามีเข็มอยู่ในท้อง แต่จาก
อาการปวดท้อง จึงต้องหันไปพึ่งหมอไสยศาสตร์ที่ จ.แพร่ ให้ช่วยทำ
พิธีสะเดาะเคราะห์ให้ ครั้งแรกหมอไสยศาสตร์ตรวจพบว่า มีตะปูทั้ง
ขนาดตรง และงอรวมกัน 3 ตัว จึงทำพิธีเอาออก แต่กลับรู้สึกปวด
ท้องขึ้นมาอีก จึงกลับไปหาหมอไสยศาสตร์ให้ช่วยเอาออกอีกครั้ง ครั้ง
นี้พบตะปูขนาด 2 นิ้ว 2 ตัว เข็มหมุด 2 อัน
ต่อมารู้สึกเกิดอาการปวดท้องขึ้นมาอีก
ครั้งนี้ทนไม่ไหว จึงไปหาแพทย์ที่โรง-พยาบาลท่าปลา
ให้เอกซเรย์ ปรากฏว่า พบตะปู 2 ตัว และเข็มหมุด 1 อัน
อยู่ในท้องจึงถูกส่งตัวต่อให้โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ผ่าตัดเอาตะปูออก
ครั้งนี้ทางแพทย์ที่โรงพยาบาล จึงได้เชื่อว่า มีตะปูเข้าอยู่ในท้องพระ
อธิการอนุวัฒน์จริง
เหตุที่เชื่อครั้งแรกว่า จะต้องเป็นตะปูเพราะว่าโยมคุณตาที่เสียชีวิตไป
แล้วก็เคยถูกคุณไสยและพบตะปูอยู่ในท้อง ซึ่งไม่ทราบว่าเข้าไปอยู่ได้
อย่างไร พระอธิการอนุวัฒน์ ยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร
ทำไมถึงถูกคุณไสยมาเสกตะปูเสกเข้าท้องได้ หากรวม 3 ครั้ง พบตะปู
7 ตัว เข็มหมุด 3 อัน...