https://www.catdumb.tv/closer-to-the-edge-290
เรื่องราวของหญิงชาวเวียดนามที่ต้องเผชิญกับความจริงอันน่าสะพรึง หลังจากที่ได้รับรู้ว่าลูกบุญธรรมที่ตนรับมาเลี้ยงตลอด 10 ปี กลับตั้งท้องกับผู้ที่ได้สถานะเป็นสามีของเธอเสียเอง…
หญิงชาวเวียดนามอักษรย่อ NH ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสามีในประเทศออสเตรเลียและครองกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อทั้งคู่มีลูกชายด้วยกัน 4 คน เธอกับสามีอยากมีลูกสาวอีกสักคนจึงตัดสินใจไปรับเลี้ยงหลานสาวมา
ในตอนนั้นหลานสาวมีอายุประมาณ 6-7 ขวบ และสาเหตุที่รับมาเลี้ยงดูเป็นเพราะว่าน้องสาวของเธอไม่สามารถเลี้ยงลูกได้เนื่องจากปัญหาด้านการเงิน
NH รับหลานสาวอักษรย่อ M มาเลี้ยงด้วยความเต็มใจและคอยปฏิบัติดูแลเหมือนกับเป็นลูกสาวของตนเอง ความคิดหลังจากที่รับหลานสาวมาเลี้ยงก็คือ เธอกับสามีจะมีลูกสาวแล้วจริงๆ อย่างที่เคยหวังไว้และครอบครัวน่าจะมีความสุขมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าหลานสาวคนนี้จะกลายมาเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความร้าวฉานของความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา
สิ่งที่ NH ไม่เคยรู้ตลอด 10 ปีกว่าที่ผ่านมาจากการเลี้ยงหลานสาวเหมือนลูกสาว ก็คือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันจนมากเกินไปกับสามีของเธอ ลูกสาวบุญธรรมคนนี้เริ่มโตเป็นสาวและมีรูปร่างที่สมส่วน และสานสัมพันธ์เกินเลยเชิงชู้สาวกับสามีของเธอในขณะที่เธอไม่อยู่
หลานสาว M กับสามีของ NH
M มักจะเรียก NH ว่าแม่อยู่เสมอ มีความเป็นมิตรสนิทสนมกับพี่ชายทั้ง 4 คน ซึ่งก็นับญาติเป็นลูกพี่ลูกน้องด้วย เพราะเหตุนี้จึงทำให้ NH ไม่รู้สึกกังวลกับ M จนวันหนึ่งสังเกตเห็นรูปร่างที่เปลี่ยนไปของลูกสาวบุญธรรม และสามีก็เริ่มตีตัวออกห่างจากลูกสาวบุญธรรม
หลังจากตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว NH ก็ได้พบกับความจริงอันน่าสะพรึงที่ว่า M ตั้งท้องกับสามีไปแล้ว…
“ฉันเพิ่งรู้ว่าสามีถูกหลานสาวขโมยไป ฉันทนมันต่อไปไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจเผชิญหน้ากับ M เพื่อคุยเรื่องนี้และตัดขาดกับสามีให้รู้เรื่องกันไป”
สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะรู้ว่าหลานสาวตั้งท้องกับสามี แต่ผู้เป็นแม่แท้ๆ ของ M หรือน้องสาวของ NH รับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด และคอยพยายามช่วย M ปกปิดไม่ให้เธอรู้
และหลังจากที่ได้ปรึกษากับทนายความแล้ว NH สรุปได้ว่า M มีเหตุจูงใจทำไปเพื่ออยากมีชื่อในทะเบียนบ้านและมีบัตรประชาชนออสเตรเลีย
แน่นอนว่ามันนำไปสู่การแตกหักภายในครอบครัวที่ไม่มีใครคาดคิด ว่าจะเป็นฝีมือของคนใกล้ตัวขนาดนี้…
ที่มา.https://www.ettoday.net/dalemon/post/52720