ล้างรถที่นี่คิดค่าบริการแค่คันละ 3.5 แสน เท่านั้น

ศูนย์ บริการล้างรถ “แพงที่สุดในโลก” ที่นำมารายงานในวันนี้ ไม่ใช่ศูนย์คาร์วอชขนาดใหญ่ที่ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา หรือใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล แต่เป็นศูนย์บริการที่อยู่ภายในโรงจอดรถของบ้านหลังหนึ่งในแถบดาร์บี้เชอร์ ประเทศอังกฤษ


เจ้า ของศูนย์บริการล้างรถแห่งนี้เป็นหนุ่ม หล่อชาวอังกฤษ วัย 30 ปี ที่มีชื่อว่า นายกูร์จาร์น ซาโฮต้า (Gurcharn Sahota) เขาอาศัยอยู่ในบ้านของพ่อแม่ แถมยังยึดโรงรถของทางบ้านมาเปิดเป็นศูนย์ล้างรถที่มีชื่อว่า “อีลีท ดีเทลลิ่ง” โดยออกแบบพื้นที่สำหรับขัดใต้ท้องรถให้มีลักษณะเดียวกับพิตของรถแข่งฟอร์มู ล่า วัน  ทั้งยังลงทุนปูพื้นและผนังศูนย์บริการแห่งใหม่ในเมืองวูซสเตอร์ (Worcester) ด้วยกระเบื้องชนิดพิเศษจากประเทศอิตาลี ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยสะท้อนผงฝุ่นที่เกาะอยู่บนตัวรถ



ซา โฮต้า เริ่มต้นธุรกิจล้างรถเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่ผ่านมาเขาล้างรถซูเปอร์คาร์มาแล้วเป็นร้อยๆ คัน ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์รารี่, ลัมโบร์กินี, บูกัตติ เวย์รอน, โรลสรอยซ์, พากานี่ ซอนด้า ฯลฯ  รวมทั้งรถแข่งที่เคยคว้าแชมป์เลอมังส์ อย่าง “แมคลาเรน เอฟ 1 จีทีอาร์” ซึ่งมีเพียง 5 ใน 28 คันเท่านั้นที่ถูกดัดแปลงให้สามารถนำมาวิ่งบนท้องถนนได้


ล่า สุด เขากำลังดูแลรถยนต์พอร์ช 911 ให้ลูกค้ารายหนึ่ง ซึ่งลงทุนขับรถมาจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสด้วยตนเอง และเข้าพักในโรงแรมใกล้บ้านนายซาโฮต้าเพื่อรอรับรถกลับ ซึ่งต้องใช้เวลาในการรอคอยทั้งสิ้น 2 วัน



บรรดา ลูกค้าที่ส่งรถยนต์คันโปรดมาให้เขา ดูแล ประกอบด้วยมหาเศรษฐีและเหล่าคนดังมากมาย อาทิ ร็อคสตาร์ นักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นักแสดง ทนายความ และนักค้าหลักทรัพย์ ที่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะตกสะเก็ดแค่ไหน และค่าบริการจะแพงแสนแพงเพียงใด พวกเขาก็ยังส่งรถยนต์หรูมาให้นายซาโฮต้าดูแลกันอย่างไม่ขาดสาย เพราะเมื่อเทียบกับมูลค่ารถยนต์ที่พวกเขามีไว้ในครอบครองแล้ว ค่าบริการของนายซาโฮต้ายังถือว่า “เล็กน้อย” มาก


สำหรับค่าบริการมาตรฐานที่ศูนย์ล้างรถแห่งนี้ เริ่มต้นที่ราคา 700 ปอนด์ (กว่า 3.4 หมื่นบาท) โดยรถที่ใช้บริการดังกล่าวจะผ่านการขัดใน 2 ขั้นตอน เพื่อลบรอยขีดข่วน และทำให้สีรถใสสว่างมากยิ่งขึ้น


ส่วนรถยนต์ที่เจ้าของยอมจ่ายค่าล้างสูงถึง 7,200 ปอนด์ (กว่า 3.5 แสนบาท) ก็ จะได้รับการดูแลทำความสะอาดแบบล้ำลึก  รวมทั้งการขัดสีโดยใช้กระดาษทรายชนิดที่มีความละเอียดสูง เพื่อให้สีมีความหนาเท่ากันตลอดทั้งคัน จากนั้นก็ขัดซ้ำด้วยเครื่องมืออีก 3 ขั้นตอน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สีสว่างสดใสแล้ว  ยังทำให้พื้นผิวมันวาวและสะท้อนเป็นเงาได้อย่างสมบูรณ์สวยงามอีกด้วย


บริการดังกล่าวยังรวมถึงการเคลือบสีรถด้วยปาล์มแวกซ์ “คานาอูบา” (carnauba) ชนิดที่มีความเข้มข้นสูง (นำเข้าจากบราซิล) ถึง 3 ชั้น (ถ้าเลือกใช้บริการแบบมาตรฐานจะเคลือบให้ชั้นเดียว) ซึ่งระหว่างดำเนินการในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ชิ้นส่วนที่ทำจากพลาสติกจะถูกปิดทับด้วยเทปชนิดพิเศษที่มีราคาสูงถึง 2,500 บาทต่อ 15 มิลลิเมตรเลยทีเดียว


นาย ซาโฮต้า เปิดเผยว่า ลูกค้าที่นำรถยนต์มาใช้บริการระดับพรีเมี่ยม มักเป็นนักสะสมรถยนต์ที่เห็นรถเป็นเหมือนเครื่องประดับล้ำค่าหายาก และมีไว้สำหรับจัดแสดงหรือนำออกโชว์ตามงานสำคัญต่างๆ  แทนที่จะนำไปขับตามท้องถนน ซึ่งรถยนต์ที่ถูกเจ้าของดูแลประคบประหงมในลักษณะนี้จะต้องการการดูแลแบบล้ำ ลึกจากเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยรถแต่ละคันจะใช้เวลาในการดูแลทำความสะอาดนาน 250 ชั่วโมงหรือประมาณ 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ลงมือทำงานไม่ว่าจะเป็นบริการแบบมาตรฐานหรือบริการแบบ (ที่มีราคาแพงเป็น) พิเศษ เขาจะเริ่มต้นทำความสะอาดรถทุกคันภายใต้วิธีการและเทคนิคเดียวกัน ทั้งการใช้ถุงมือสำหรับทำความสะอาดที่ผลิตจากขนแกะ  น้ำอุ่นที่อุดมไปด้วยฟองของน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่าพีเอช (Ph) เป็นกลาง และใช้น้ำยาล้างไขมัน/คราบสกปรกที่ผลิตจากสารสกัดจากส้ม


มอง เผินๆ อาจเป็นเรื่องพื้นๆ แต่ลำพัง “น้ำอุ่น” ที่เขานำมาใช้ในการล้างรถก็ถือว่าสลับซับซ้อนและยุ่งยากพอสมควร เพราะแต่ละส่วนของรถยนต์จะถูกล้างด้วยน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน (ตั้งแต่ 40-140 องศาเซลเซียส) นี่ยังไม่นับรวมการใช้น้ำยาทำความสะอาดอีกประมาณ 100 ชนิด และขั้นตอนต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน รวมทั้งการอบไอน้ำบริเวณล้อรถที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส (ด้วยเครื่องอบไอน้ำที่ซื้อมาจากองค์กรด้านสาธารณสุขของรัฐบาล ที่ออกแบบมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย “เอ็มอาร์เอสเอ” โดยเฉพาะ)



เขา กล่าวว่า “ก่อนเริ่มต้นทำงานทุกครั้งผมจะทำให้รถสะอาด ปราศจากขึ้ฝุ่น สิ่งสกปรก และสิ่งปนเปื้อนเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นผิวเป็นรอย จากนั้นผมจะทำความสะอาดรถทุกคันอย่างพิถีพิถัน แม้ว่าวิธีการล้างรถยนต์ตามแบบฉบับของผมจะค่อนข้างยุ่งยากและเต็มไปด้วยขั้น ตอนต่างๆ มากมาย แต่ผมก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ในทุกๆ ขั้นตอนโดยไม่มีการปล่อยปละละเลย มีบ่อยครั้งที่ผมต้องทำงานแบบโต้รุ่งเพราะต้องการให้รถยนต์เหล่านี้ถูกขับ ออกไปในสภาพที่ดูดีที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จำได้ว่าครั้งแรกที่ทำความสะอาด “เฟอร์รารี่ เอนโซ่” ผมใช้เวลาในการทำงานนานราว 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นทุกครั้งหลับตาผมจะเห็นแต่ภาพรถยนต์เฟอร์รารี่สีแดง”



สุด ยอดบริการของเขายังรวมถึงขั้นตอนการขัด พื้นผิวทุกตารางนิ้วไม่ว่าจะเป็นด้านใน-ด้านนอก ด้วยกรรมวิธีการขัดและขัดเงารวมทั้งสิ้น “5 ครั้ง” เขาใช้แม้กระทั่งกล้องจุลทรรศน์คอมพิวเตอร์ (ที่ปกติมักใช้กันในหมู่นักนิติวิทยาศาสตร์) เพื่อนำมาตรวจสอบรอยด่างหรือริ้วรอยขีดข่วนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เปล่าบริเวณตัวถัง


อีก ทั้งยังใช้เครื่องสแกนอีเล็กทรอนิกส์สำหรับวัดความหนาของสี เพื่อให้รู้ว่าสามารถใช้กระดาษทรายชนิดที่มีความละเอียดสูงขัดลึกลงไปได้ เท่าใด ซึ่งบรรดาอุปกรณ์ เครื่องมือ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เขาเลือกนำมาใช้งานล้วนแล้วแต่มีคุณภาพสูงและมีราคาแพงที่สุดในโลกแทบ ทั้งสิ้น(เฉพาะแว็กซ์ธรรมชาติจากประเทศบราซิลก็มีราคาสูงถึงถังละกว่า 4 แสนบาท)
 



เห็น เขาทำงานแบบมือโปรอย่างนี้ ต้องบอกว่าเกิดจากพรแสวงและใจรักล้วนๆ เพราะนายซาโฮต้าเรียนจบทางด้านการบัญชีที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และเทคนิคในการล้างรถเลยสักนิด


เขา เล่าว่าสมัยที่ยังเป็นเด็ก เขามักจะถือถังและฟองน้ำคอยอาสาล้างรถให้พ่อและเพื่อนบ้านฟรีๆ เสมอ พอเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มศึกษาค้นคว้าเทคนิคและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการล้างรถด้วยตัวเองอย่างจริงจัง หลังเรียนจบได้ไม่นานเขาก็สมัครเข้ารับการอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจคาร์วอชโดยหวังว่าจะนำความรู้ที่ได้มาประกอบกิจการส่วนตัว แต่เรียนได้ไม่นานก็เลิก เพราะเขาดันรู้ลึกรู้จริงกว่าช่างเทคนิคและวิทยากรที่มาสอน


หลัง จากนั้น เขาจึงขอใช้โรงรถของที่บ้านเปิดเป็นศูนย์บริการล้างรถ โดยเริ่มจากการเข้าไปติดต่อดีลเลอร์รถยนต์แอสตัน มาร์ติน เพื่อขอล้างรถหรูรุ่น “DB9″ ให้ฟรีๆ  เมื่อได้เห็นฝีมือล้างรถขั้นเทพของนายซาโฮต้า เจ้าของดีลเลอร์ดังกล่าวรู้สึกประทับใจมากจึงนำรถหรูมาให้เขาดูแลเป็นประจำ แถมยังช่วยแนะนำศูนย์ล้างรถของเขาให้กับบรรดาลูกค้าและคนรู้จักอีกด้วย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มีลูกค้าระดับมหาเศรษฐีและเหล่าคนดังมาใช้บริการเรื่อยๆ

 



แต่ การทำงานของเขาไม่ได้จำกัดอยู่ภายในโรง รถที่บ้านเท่านั้น ที่ผ่านมาเขาต้องเดินทางไปทำความสะอาดรถยนต์ให้ลูกค้าในแถบยุโรปพร้อมกับ น้ำยาและอุปกรณ์ชุดใหญ่หลายครั้ง และชื่อเสียงของเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในยุโรปเท่านั้น  แม้แต่ลูกค้าในแถบตะวันออกกลางก็เคยเรียกใช้บริการเขามาแล้วเช่นกัน


ปัจจุบัน เขากำลังจะย้ายศูนย์บริการจากโรงรถที่บ้านพ่อแม่ไปยังอาคารแห่งหนึ่งในเมือง วูซสเตอร์ (Worcester) เพื่อให้การทำธุรกิจแลดูเป็นกิจลักษณะมากขึ้น เขากล่าวว่า  “ถ้าคุณนำรถใหม่มาให้ผมทำความสะอาด ผมจะทำให้รถของคุณแลดูใหม่ยิ่งกว่า  แต่ถ้าเป็นรถเก่าแทนที่จะนำ (รถราคาหลายสิบล้าน) ไป พ่นสีใหม่ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเกือบ 5 ล้าน สู้จ่ายค่าบริการและให้เวลาผมแค่ไม่กี่อาทิตย์ แล้วผมจะทำให้รถของคุณดูดีกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยทีเดียว”



ข้อแนะนำในการล้างรถจากนายซาโฮต้า:

1. ล้างด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาทำความสะอาดแล้วตีให้เป็นฟอง

2. ผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่า PH เป็นกลาง 1 ถัง  ส่วนอีกถังใช้น้ำอุ่นล้วนๆ

3. ควรใช้ถุงมือทำความสะอาดที่ทำจากขนแกะแทนฟองน้ำ

4. ล้างจากด้านบนลงล่างเสมอ

5. ในการเช็ดตัวถังและล้อ ควรแยกใช้ผ้าคนละผืน

6. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดล้อที่มีส่วนผสมของกรดและด่างในปริมาณ สูง  รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของซิลิโคนเพราะจะทำให้เกิดคราบ

7. ใช้ผ้าขนหนูแทนหนังชามัวร์ในระหว่างการเช็ดรถ

8. ตรวจสอบอุปกรณ์ทำความสะอาดให้ปราศจากฝุ่นผงก่อนนำมาใช้

9. เช็ดตัวถังเป็นรูปวงกลมเล็กๆ เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอย

10. ค่อยๆ ล้างอย่างตั้งใจและสนุกไปกับมัน

Credit: http://atcloud.com/stories/86018
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...