ปัจจุบัน การจัดฟันที่ เรานิยมทำกันไม่ใช่ เพื่อการรักษาฟันแล้ว แต่กลายเป็นการจัดฟันตามแฟชั่นที่เป็นกระแสฮิตมากในหมู่วัยรุ่น นำมาเป็นเครื่องประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามกิ๊บเก๋โดยหารู้ไม่ว่า มีภัยร้ายแอบซ่อนอยู่มากมาย ล่าสุดได้เกิดเหตุสลดขึ้นกับน้องนักเรียนหญิงคนหนึ่งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ใส่อุปกรณ์จัดฟันแฟชั่นในร้านที่ไม่ได้มาตiฐานจนติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด
โดยปกติแล้วการจัดฟันเป็นการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ฟันเรียงสวยเป็นระเบียบสร้างความมั่นใจและสามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันตแพทย์ไพศาล กังวลกิจ เลขาธิการทันตแพทยสภา อธิบายและให้ข้อบ่งชี้สำหรับ ผู้ที่จำเป็นต้องจัดฟัน คือ ผู้ที่มีฟันเกหรือฟันซ้อนมาก เพราะทำความสะอาดฟันได้ยากมีผลทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบ ผู้ที่มี ฟันห่างมาก มีผลทำให้มองดูไม่สวยงาม เสียบุคลิกภาพและ ผู้ที่มีปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เช่น ฟันบนหรือล่างยื่นทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดฟันเพื่อรักษาอาการดังกล่าว
แต่ขณะนี้พบว่ามีการใช้ลวดจัดฟันปลอมในกลุ่มวัยรุ่นเป็นแฟชั่นเพื่อความสวยเก๋และที่น่าเป็นห่วงคือสามารถหาซื้อได้ง่ายตามตลาดนัดหรือร้านค้าขายของแฟชั่นทั่วไปในราคาที่ถูกกว่าร้านจัดฟันจริงหลายเท่าตัว โดยมีการนำลวดเส้นเล็ก ๆ มาร้อยลูกปัดสีสันต่าง ๆ ตกแต่งให้สวยงามขายในราคาเส้นละ 50-120 บาทและหากต้องการให้ผู้ขายใส่ให้ราคาจะแพงขึ้นมาเล็กน้อยประมาณ 150-200 บาท ซึ่งผู้ขายจะใช้กาวทาที่เหล็กและติดที่ฟันให้ลูกค้าโดยผู้ที่ทำไม่มีความรู้ความชำนาญด้านทันตกรรมการจัดฟันแต่อย่างใด
“อุปกรณ์ที่ใช้ก็ไม่ได้มาตร ฐาน ไม่ใช่เครื่องมือแพทย์ เนื่องจากลวดสเตนเลสที่ใช้เป็น เครื่องมือแพทย์นั้นจะต้องเป็นเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศเพราะในประเทศไทยไม่มีผลิตหรือจำหน่ายจึงมีราคาแพงแต่ปลอดภัยและรักษาได้ผลอย่างมี ประสิทธิภาพ ส่วนลวดจัดฟันแฟชั่นตามร้านค้าที่นำมาจำหน่ายเป็นลวดธรรมดาที่เมื่อใช้ไปแล้ว จะเป็นสนิมและสกปรก มีสารหนู สารตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียมและอื่น ๆ หากเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกาย เช่น ตับ ไตและเมื่อนานเข้าก็จะก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็ง”
นอกจากนี้ลวดหรือลูกปัดต่าง ๆ ที่อยู่ในปากซึ่งมีน้ำลาย หากทานอาหารจะทำให้พวกสารต่าง ๆ เหล่านี้ละลายไหลลงไปสู่กระเพาะอาหารและถ้ารับประทานของเปรี้ยว ๆ ก็จะยิ่งทำให้สารเหล่านี้ละลายมากขึ้น จึงไปสะสมมากมีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีจุดอ่อนเป็นโรคหัวใจเหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับน้องนักเรียน หญิงที่ตกเป็นเหยื่อและเสียชีวิต สำหรับผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวก็เกิดผลเสียในแบบเดียวกันได้แต่เป็น ในระยะยาว
ข้อสำคัญการใส่ลวดจัดฟันแฟชั่นมีผลเสียทำให้แปรงฟันลำบาก กักเก็บเศษอาหาร เกิดฟันผุ เหงือกอักเสบ ถ้าใส่นอนหรือใส่กินอาหารอาจหลุดเข้าลำคอทำให้เสียชีวิตได้ บางคนถูกลวดเกี่ยวกระพุ้งแก้มเป็นแผลและเกิดหนองทำให้ปากเหม็น อีกทั้งอาจทำให้ฟันที่เรียงสวยอยู่แล้วเกิดบิดเบี้ยว เกและห่างไปคนละทิศละทางเพราะเมื่อติดเหล็กที่ฟันแล้วจะทำให้รู้สึกเจ็บเนื่องจากฟันเคลื่อนที่ ซึ่งผู้ทำไม่มีความชำนาญและไม่ได้ทำตามขั้นตอนของแพทย์ที่ถูกต้อง จึงไม่สามารถติดเครื่องมือจัดฟันแบบบังคับทิศทางของฟันให้เคลื่อนที่ในตำแหน่งองศาที่ควรจะเป็นได้ ผลที่ได้รับจึงไม่คุ้มค่ากับความสวยงามที่แลกมาด้วยความเจ็บปวดและอาจถึงขั้นเสียชีวิตด้วยทางที่ดีอย่าไปใส่เลยถ้าไม่มีความจำเป็น
จากการตรวจสอบพบว่าต้นกำเนิดลวดจัดฟันแฟชั่นน่าจะเริ่มเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะจากการประชุมร่วมกับทันตแพทย์ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไม่มีประเทศใดมีปัญหาการใช้ลวดจัดฟันแฟชั่นนี้ โดยจากการสำรวจสถานที่จัดฟันแฟชั่นพบว่ามีคลินิกเถื่อนประมาณเกือบ 10,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่นที่มีผู้เสียชีวิตนั้นมีจำนวนกว่า 400 แห่ง ซึ่งกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทางทันตแพทยสภาได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อดำเนินการกับผู้จำหน่ายสินค้าดังกล่าวรวมทั้งการใส่ลวดจัดฟันปลอมจากวัสดุที่เป็นอันตรายในช่องปาก เนื่องจากทันตแพทยสภาไม่มีอำนาจไปจับกุมผู้ผลิตจำหน่ายลวดจัดฟันแฟชั่น
แฟชั่นรักสวยรักงามหากรู้จักตามอย่างมีสติและใช้ความคิด จะมีประโยชน์ ไม่ตกเทรนด์และปลอดภัย แต่หากละเลยที่จะคำนึงถึงความถูกต้องและความเสี่ยง เราอาจตกเป็นเหยื่อที่แลกความสวยเก๋ด้วยชีวิตก็เป็นได้.
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนจีดฟันอย่างถูกต้องและปลอดภัย
หากมีความจำเป็นต้องรับบริการทางการจัดฟัน ทันตแพทย์ไพศาล กังวลกิจ เลขาธิการทันตแพทยสภา แนะนำว่า เครื่องมือจัดฟันมี 2 ชนิด คือ ชนิดถอดได้มักใช้กรณีมีความผิดปกติเล็กน้อยเคลื่อนฟันบางซี่ สามารถถอดออกได้ และชนิดที่ 2 เป็นแบบติดแน่น เรียกว่า “เหล็กจัดฟัน” วัสดุเป็นโลหะไร้สนิมขนาดเล็ก ๆ ติดบนด้านหน้าของฟัน ใช้ในกรณีที่ต้องเคลื่อนฟันหลาย ๆ ซี่พร้อมกัน
ขั้นตอนแรกต้องเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟันเพื่อปรึกษาและวินิจฉัย ตรวจสภาพช่องปาก โดยเริ่มจากการเอกซเรย์ฟันทั้งปากและศีรษะ พิมพ์ฟันทำแบบจำลองฟัน จากนั้นนำมาวิเคราะห์ วางแผนการรักษาและวินิจฉัยหาสาเหตุความผิดปกติของฟันและวิธีการแก้ไข หากพบว่ามีความผิดปกติและมีความจำเป็นต้องรักษาแพทย์จะทำการรักษาให้ ส่วนค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับอาการของฟันว่าซ้อน เกและยื่นมากหรือน้อย ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐราคาประมาณ 10,000-20,000 บาท ส่วนเอกชนจะอยู่ที่ 30,000-40,000 บาท
ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมตัวก่อนติดเครื่องมือโดยผู้ป่วยที่จะทำการรักษาจะต้องตรวจสุขภาพฟันก่อน โดยผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจช่องปาก หากมีฟันผุต้องอุดให้เรียบร้อยและขูดหินปูนให้สะอาด หากมีโรคเหงือกต้องได้รับการรักษาจนถึงระดับที่ควบคุมโรคเหงือกได้และในกรณีที่ฟันซ้อนเกมากหรือฟันยื่นมาก การถอนฟันจะทำให้มีช่องว่างเพื่อที่จะเรียงฟันที่ซ้อนเกหรือดึงฟันเข้าเพื่อลดความยื่น โดยส่วนใหญ่คนไข้จะถูกถอนฟันออกประมาณ 3-4 ซี่ หรือแล้วแต่ความผิดปกติของฟันซึ่งมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป
ขั้นตอนระหว่างการจัดฟัน ผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจและทำความสะอาดฟันเป็นระยะ ๆ โดยทันตแพทย์ประจำตัวจนกว่าจะจัดฟันเสร็จ ในระหว่างนี้ผู้ป่วยควรดูแลทำความสะอาดฟันและใช้แปรงสีฟันสำหรับผู้ป่วยจัดฟันตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหลังจัดฟันเสร็จแล้วอาจมีปัญหาฟันผุตามมา ซึ่งใช้เวลาในการจัดประมาณ 2 ปี แพทย์จึงจะถอดเหล็กออก จากนั้นผู้ป่วยจะต้องใส่รีเทนเนอร์ครอบฟันเพื่อคงสภาพฟันไว้ เพราะฟันเคลื่อนที่จากที่เดิมมาจัดเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วอาจจะเคลื่อนกลับที่เดิมได้ เนื่องจากกระดูกที่รากฟันจะละลายกลับที่เก่า จึงต้องใส่ไว้อีกประมาณ 3-4 ปี รอจนกระทั่งกระดูกเข้าที่แล้วจึงหยุดใส่
ทั้งนี้เราสามารถทำการรักษาได้ที่คลินิกทั่วไปหรือโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหรือถ้าไม่มั่นใจว่าแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือมีทะเบียนหรือไม่ให้นำชื่อ-นามสกุลเข้ามาตรวจเช็กได้ที่สถาบันทันตแพทยสภา หรือที่เว็บไซต์ www.dentalcouncil.or.th