กุมารทอง

ไม่ต้องบอกละนะว่าโปรดใช้วิจารณญาณ เพราะนี่เป็นเรื่องรู้ไว้ใช่ว่าล้วนๆ มิได้ชวนเชื่อ ชวนเช่าแต่อย่างใด

กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตวิญญาณและเครื่องรางของขลัง ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูตผีปีศาจไว้ใช้งาน เชื่อกันว่ามีวิญญาณของเด็กผู้ชายสิงสถิตอยู่ และสามารถแสดงตัวให้คนในบ้านเห็น หรือดูแลบ้านในยามที่เจ้าของบ้านไม่อยู่


กุมารทองนั้นแรกเริ่มเดิมทีมาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่ หรือที่เรียกว่าตายทั้งกลม ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำพาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูก จากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่า ต้องหาศพที่ตายทั้งกลม แล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกในท้องนั้นมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ แล้วจึงลงรักปิดทองให้ทั่ว จึงเรียกว่า กุมารทอง ต่อมาสภาพสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริงๆ ได้ กรรมวิธีการสร้างจึงดัดแปลงโดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้รักซ้อนหรือไม้มะยมบ้าง ไปจนถึงโลหะ มาสร้างเป็นรูปกุมาร แล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้ง 4 และเรียกอาการสามสิบสองให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา

กุมารทองนิยมสร้างเป็นรูปเด็ก ลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณ กลายเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่าเสมือนมีวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตน ต้องให้ข้าวน้ำเซ่นสรวงและต้องเรียกให้กินข้าวด้วย ผู้เชื่อถือกล่าวว่า หากปฏิบัติดูแลดีกุมารทองจะช่วยค้ำคูน อาทิ คุ้มครองป้องกันเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้ทำมาค้าขึ้น ไปจนถึงเตือนภัยล่วงหน้า และจะคอยติดตามเฝ้าระวังบ้านเรือนจากโจรผู้ร้ายและศัตรูไม่ให้มากล้ำกราย ปัจจุบันผู้บูชานิยมไหว้ด้วยน้ำแดง


กุมารทองที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดคือตำนานกำเนิดกุมารทองในวรรณคดี ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ขุนแผนจับได้ว่านางบัวคลี่ผู้เป็นเมียคิดวางยาพิษเพื่อจะฆ่าตน จึงลงมือฆ่านางบัวคลี่เสียก่อน แล้วผ่าท้องของนางเพื่อเอาบุตรชายภายในท้องมาทำพิธีย่างศพเด็กและปิดทองคำเปลวจนกระทั่งกลายเป็นผีกุมารทอง แล้วใส่ห่อผ้าไว้ กุมารทองนั้นสำคัญกับขุนแผนมาก เพราะก็เป็นบุตรคนหนึ่งเช่นเดียวกัน และกุมารทองถูกจัดให้เป็นของวิเศษอย่างหนึ่ง สันนิษฐานว่าได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยขุนแผนซึ่งอยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยา แต่การสร้างกุมารทองไม่สามารถทำแบบขุนแผนได้ เนื่องจากผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม

ตำรากุมารทอง เป็นไสยศาสตร์ในยุคที่เรียกว่ากรรมฐานนิพพานสูตร มีอยู่ในสมุดข่อยสมัยกรุงศรีอยุธยา แบ่งกุมารทองเป็น 2 ประเภท คือ

 

1.กุมารทองทำร้าย มีฤทธิ์ทางทำร้ายศัตรู มีความดุร้ายอยู่มาก แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ 1.เพชรมั่น 2.เพชรดับ 3.เพชรคง และ 4.เพชรสูญ รวมเรียกว่า เพชรภูติงาน หรือ เพชรปราบ ซึ่งแต่ละชนิดมีวิธีทำร้ายศัตรูต่างกัน เพชรสูญมีฤทธิ์ทำให้เป็นบ้า เพชรคงและเพชรมั่นดีจัดการคนที่มาบุกรุกบ้าน โดยเพชรคงมีอำนาจไล่ตามศัตรูได้ ขณะที่เพชรมั่นอยู่แต่ภายในอาณาเขตบ้านเท่านั้น ส่วนเพชรดับสามารถหักคอศัตรูอย่างรวดเร็วฉับพลัน มีไว้สำหรับปลิดชีวิตโดยเฉพาะ

2.กุมารทองใช้งาน หรือกุมารทองเมตตามหานิยม ไม่มีชื่อเรียกโดยเฉพาะ โดยทั่วไปผู้บูชาจะตั้งชื่อเอง เลือกเอาชื่อที่เป็นมงคลเรียกทรัพย์ต่างๆ กุมารทองชนิดนี้จะไม่ดุร้าย ไม่มีอันตรายเหมือนอย่าง 4 เพชรดังกล่าว

 

Credit: น้าชาติ
18 ก.ค. 53 เวลา 10:09 5,457 1 64
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...