อับรา ฮัม ลินคอล์น เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เป็นประธานาธิบดีที่มีชื่อเสียง เป็นที่รักและนิยมของผู้อื่น ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขณะดำรงตำแหน่งผู้นำคือการเลิกทาส มอบอิสระและเสรีภาพให้แก่คนผิวดำซึ่งเป็นทาสมายาวนานตราบทุกวันนี้
เชื่อหรือไม่ว่า ขณะที่ลินคอล์นทำการปลดปล่อยทาสเหล่านี้ แต่เขาไม่สามารถปลดปล่อยชีวิตส่วนตัวของเขาได้ เขาตกเป็นทาสของความระทมเนื่องจากภรรยาแสนสาหัส ความทุกข์ระทมได้ปรากฏอยู่ในจดหมายไปถึงวิลเลี่ยม เอ็ช.เฮอร์ตัน เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ข้อความจดหมายมีอยู่ว่า
"ในเวลานี้ฉันเป็นคนที่มีความทุกข์ยิ่งกว่ามนุษย์ คนใดในพิภพ ถ้าหากว่า ความรู้สึกของฉันถูกมอบแก่มนุษย์ทุกๆคน ในโลกนี้จะไม่มีมนุษย์ที่มี หน้าตายิ้มแย้มเลยแม้แต่คนเดียว อาการของฉันมีหวังดีขึ้นบ้างหรือไม่ เป็นสิ่งซึ่ง ฉันไม่สามารถบอกได้ ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะไม่มีวันดีขึ้นเป็น อันขาด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าอาการของฉันไม่ดีขึ้นฉัน คงจะต้องตาย"
อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln)
1809-1865
ดำรงตำแหน่ง 4 มีนาคม ค.ศ. 1861 - 15 เมษายน ค.ศ. 1865
สมรสกับ แมรี่ ทอดด์ ลินคอร์น
เชื่อ หรือไม่ว่าอับราฮัม ลินคอล์น เป็นผู้แพ้มาทั้งชีวิต 40 กว่าปี แพ้ตลอด แต่มาชนะเอาเมื่อ 7 ปีสุดท้ายของชีวิตนี้เอง
ลินคอล์น เกิดมาก็แพ้แล้ว ด้วยชีวิตที่ยากจนค้นแค้นสุดๆ เขาเกิดในกระท่อมเล็กๆ ที่รัฐเคนตักกี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1809 ชีวิตวัยเด็กลำบาก มาก เพราะพ่อแม่ยากจน พื้นบ้านเป็นดินชื้น และบ้านไม่มีหน้าต่างหรือช่องลม สิ่งที่ผลักดันนิสัยติดตัวคือรักการอ่าน อ่านหนังสือได้ทุกที่และยอมเดินเป็นระยะทางไกลๆ เพื่อไปขอยืมหนังสืออ่านเพียงแค่เล่มเดียว แต่กระนั้นก็ถูกเพื่อนบ้านด่าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน เพราะลินคอล์นไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำไร่ นั่งฝันกลางวันอยู่ตลอดเวลา พออายุ 9 ขวบ แม่เขาก็เสียชีวิต พ่อก็สำมะเหร่เทเมา และแต่งงานใหม่โชคดีที่ลินคอล์นเข้ากับแม่ใหม่ได้ดี
เรื่องการเรียน ลินคอล์นไม่ได้เข้าโรงเรียนแบบคนปกติ ทั้งชีวิตเขาก็เรียนด้วยตนเอง
ชีวิตของลินคอล์นมีแต่เรื่องเศร้าๆ เช่น รักแรกของลินคอล์น กับสาวน้อยที่น่ารัก แต่ไม่ทันไร เรื่องก็จบลงด้วยการจากลาแฟนสาวอย่างไม่วันกลับ เธอตายไปในอ้อมกอดของลินคอล์น การตายของแฟนสาวทำให้ลินคอล์นอยากฆ่าตัวตายตาม จนเพื่อนๆต้องคอยเป็นห่วง ดูแลไม่ให้เขาคิดสั้น
ลินคอล์น เห็นว่า ไอ้การเป็นชาวไร่นี้ถ้าจะไม่มีอนาคต พร้อมกับได้แรงดลใจจากการอ่านหนังสือคำบรรยายกฎหมาย เขาจึงจะตัดสินใจเรียนกฎหมาย อายุ 19 ลินคอล์นล่อง เรือแจวจากแม่น้ำโอไฮโอไปที่รัฐนิวออร์ลีน ที่นั่นเขาได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพวกทาสที่ถูกขายทอดตลาดเป็นครั้งแรก ทำให้เขาเกิดความคิดที่จะปลดปล่อยทาส เขาจึงเริ่มเบนเข็มมาเป็นทนายความ โดยเริ่มงานที่สปริงฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ ว่ากันว่าเขามีบุคลิกเฉพาะตัวที่มักจะพกเอกสารติดตัวมากมายด้วยการซุกไว้ใน หมวกทรงสูงสีดำ
แต่ การเรียนกฎหมายของลินคอล์นมีอุปสรรคมาก เพราะว่าเขาไม่มีเงินค่าเล่าเรียนจึงอาศัยหยิบยืมหนังสือมาอ่านแล้วไปสอบ เป็นทนายความ ไม่ก็ร่วมทุนกับเพื่อนทำร้านโชวห่วย แต่ก็ไปไม่รอด ร้านเจ๊งไปตามระเบียบ
ก็ยังดีที่ ลินคอล์นเป็นคนที่มีคารมคมคาย แต่ไม่ใช่เรื่องพรสรรค์ แต่เป็นการทำงานหนักของเขาที่จะต้องศึกษาหาความรู้เพื่อจะนำมาร่างเป็น สุนทรพจน์ และด้วยแรงยุของเมียที่มีความทะเยอทะยานสุดๆ ผลัดดันให้คนเฉื่อยแฉะอย่างลินคอล์น ก้าวสู่วงการการเมือง
แต่ชีวิตการเมืองของลินคอล์นก็ไม่ ราบรื่นเลย ลงสมัครเป็น ส.ส. ของรัฐก็แพ้ แพ้หลายครั้ง จนไม่อยากจะจำ ซึ่งสาเหตุที่ลินคอล์นมักสอบตกก็เนื่องมาจากเขาพยายามชูนโยบายเรื่องการปลด ปล่อยทาส ซึ่งตอนนั้นคนอเมริกาไม่เห็นด้วย แต่ ลินคอล์นก็สู้สมัครไปเรื่อยๆ จนเป็น ส.ส. รัฐ ในที่สุด
จาก ส.ส. ลินคอล์น ก็นึกสนุกอยากจะเป็น ส.ว. บ้าง ลินคอล์นเลยสังกัดรีพับลิกันแต่เขาเจอกับคู่ต่อสู้คือ สตี เฟน ดักลัส ที่อดีตเคยเป็นคู่แข่งในชีวิตรัก แย่งแมรี่ ทอดด์ ซึ่งดักลัสคนนี้เรียนสูง ร่ำรวย เรียกว่าเทียบลินคอล์นนี้คนละเรื่องเลย ปรากฏว่า ลินคอล์นพยายามต่อสู้อย่างดุเดือด สุดท้าย ลินคอล์นก็แพ้
แต่แล้วชีวิตลินคอล์นก็พลิกผันเมื่อพรรครี พับริกันจะเลือกผู้สมัครท้าชิงประธานาธิบดี ที่จริงพรรคเขาจะเลือกวุฒิสมาชิก ชิวเวิร์ด อยู่แล้ว แต่มีปัญหาทางเทคนิคนิดหน่อย เลยเลื่อนเวลาอีก 12 ชั่วโมง เพื่อลงคะแนนเสียง
ตอนนั้น กรีลีย์ มีแค้นเก่ากับชิวเวิร์ด ก็ออกล็อบบี้ สร้างภาพน่ากลัวว่าเลือกชิวเวิร์ดละก็แย่แน่ๆ สู้หันมาเทคะแนนเลือก ลินคอล์น ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของ ดักลัส ซึ่งจะเป็นตัวแทนของเดโมแครตดีกว่า
แล้วที่สุด ลินคอล์นก็ได้รับเลือก แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ปี 1860 ลินคอล์นตัดสินใจลงแข่งขันชิง ตำแหน่งประธานาธิบดี และได้รับเลือกในวันที่ 4 มีนาคม 1861 เนื่องมาจากตอนนั้น เดโมแครต ทะเลาะกัน แทนที่จะส่งแต่ดักลัสคนเดียว ก็มีพวกที่แยกออกมาลงอีก 2 คน เรียกว่าคะแนนเสียงแตก ฟ้าบันดาลให้ ลินคอล์น เป็น ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ในที่สุด
หลังลินคอล์น เป็นประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ความโชคร้ายของเขายังไม่หมด เพราะเส้นทางสายผู้นำไม่แจ่มใสนักเนื่องจากนโยบายปลดปล่อยทาสของลินคอล์นไม่ ได้รับการสนับสนุนจากบรรดารัฐต่างๆ ทางตอนใต้ของอเมริกา ซึ่งภายหลังระอุกลายเป็นสงครามกลางเมือง ในเดือนเมษายน ปี 1861 มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดระหว่าง ฝ่ายเหนือให้เลิกทาส ฝ่ายใต้ไม่ยอม ซึ่งตอนแรกๆฝ่ายใต้ชนะมาเรื่อย จนประธานาธิบดี เกือบประกาศยอมแพ้อยู่แล้ว โชคดีสุดท้าย นายพล แกรนต์ มาเป็นนายทัพ ทำให้ฝ่ายเหนือชนะสงครามในที่สุด และมีประกาศปลดปล่อยทาสในปี1863
ในด้านชีวิตครอบครัว ลินคอล์นทุกข์ระทมมาก มันเริ่มต้นเมื่อในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1842 อับราฮัม ลินคอร์น แต่งงานกับ แมรี่ ทอดด์ ลินคอร์น ทั้งคู่มีบุตรด้วยกับ 4 คนแต่ตาย 3 คน โรเบิร์ต ทอดด์ เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1843 ซึ่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่อยู่รอดมาจนถึงวัยบรรลุนิติภาวะ ส่วนบุตรคนอื่นๆเสียชีวิตเมื่อวัยเด็ก เอ็ดวาร์ด แบ็งเกอร์ ลินคอร์น เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1846 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1850 วิลเลียม วอลเลส ลินคอร์น เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่สปริงฟิลด์ ค.ศ. 1850 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1962 ที่ วอชิงตัน ดี.ซี. โทมัส แทด ลินคอร์น เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1853 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1871 ในชิคาโก
นอกจากนี้ว่ากันว่าอัมบราฮัม ลินคอล์นเป็นโรคกลัวภรรยา แมร์รี่ ถึงขนาดว่ากันว่า อัมบราฮัม ลินคอล์น และแมรี่ ทอดด์ ตอนสมรสกันใหม่ๆ ที่เมืองสปริงฟีลด์ รัฐอินลินอยส์ พยานหลายคนประจักษ์ว่าเป็นคู่สมรสที่ดูโชคร้ายที่สุด และไร้ ความสุขที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา
เฮอร์นดัน เพื่อนรักของ ลินคอล์นกล่าวว่า " ถ้าลินคอล์นมีความสุขสักครั้ง ใน 20 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่นอกเหนือความรู้ ของข้าพเจ้า"
หลังจากการแต่งงานกับแมรี่ ทอดด์ไม่นาน ลินคอล์นเริ่มสำนึกว่า เขากับหล่อนอยู่ในฐานะที่ตรงข้ามกันทุกๆด้าน และ ต่างจะไม่ได้รับความสุข เป็นอันขาด คนทั้งสองอยู่ในลักษณะขัดแย้งในด้านนิสัยใจคอ รสนิยม การอบรม และความปราถนา
แมรี่ ทอดด์ สำเร็จการศึกษามาจาก โรงเรียนผู้ดีในรัฐเคนตักกี้ หล่อนสามารถพูด ฝรั่งเศสสำเนียงคนปารีส และเป็นหญิงที่ได้รับการศึกษา มากที่สุดของรัฐอินลินอยส์ ส่วนลินคอล์นเคยเข้าเรียนโรงเรียนทั้งชีวิต ไม่ถึง 12 เดือน
ในเรื่องวงศาคณาญาติของแมรี่ ทอดด์เป็นลูกสาวของเจ้าของทาสที่มีชื่อ เสียงจากเคนทักกี ตระกูลผู้ดียันรุ่นคุณปู่ทวดที่แต่ละคนมีฐานะทางสังคมสูงๆ เท่านั้น นายพล ข้าหลวง บางคนเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการทหารเรือสหรัฐก็มี แต่ลินคอล์นมีญาติเพียงคนเดียว และถูกหาว่าเป็นขโมย
แมรี่ ทอดด์มีความสามารถเหนือกว่าลินคอล์นทุกด้าน นั้นเองที่ทำให้แมรี่มักดูถูกสามีตลอดเวลา แม้ว่าลินคอล์นจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐแล้วก็ตาม แมรี่ก็ยังไม่เลิกดูแคลนลินคอล์น และเชื่อว่าเธอเป็นผุ้ผลักดันให้เขามีชีวิตรุ่งเรืองดังกล่าว
แม รี่ ทอดด์ เป็นคนที่ใฝ่สูง ทะเยอทะยานไม่ขีดจำกัด และวางตัวเป็นผู้ดีตลอดเวลา ชอบอวดโฉม หรูหราสนใจในเรื่องเครื่องแต่งกาย การอวดรูปโฉม และการทำโก้ ในวันที่ลินคอล์นเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำหน่งประธานาธิบดีสมัย ที่สอง เมื่อปี ค.ศ.1865 แมรี่แต่งกายเวยเสื้อผ้าชุดยาวราคาถึง 2000 ดอลลาร์(ค่าเงินสมัยก่อนนั้นสูงมากฉ ตรงกันข้ามกับลินคอล์นที่ไม่เอาใจใส่เรื่องการแต่งกาย ชอบใส่เสื้อผ้าง่ายๆ ไม่พิถีพิถัน ใช่แต่เท่านั้น บางครั้งเขาเดินไปตาม ถนนทั้งๆที่ขากางเกงข้างหนึ่งอยู่นอกเกือกบูต และขา อีกข้างหนึ่งอยู่ข้างเกือกบูต
แมรี่ ทอดด์ ได้รับการอบรมอย่างเข้มงวดในเวลาการรับประทานอาหาร จนแทบเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่ง แต่ลินคอล์นไม่คำนึงถึงข้อนี้จึงรับประทานอาหารแบบสบายๆ ทำให้แมรี่เดือดดาลแทบทุกมื้อ และด่าว่าทุกครั้ง ทั้งชีวิตสมรสสองสามีภรรยาคู่นี้มีแต่เรื่องขัดแย้งเป็นประจำ โดยกระนั้นลินคอล์นก็ไม่ปริปากโต้เถียงหรือแสดงกริยาไม่พอใจ คงเงียบและอดทนเท่านั้น
หล่อนหยิ่งและถือตัว และขี้หึงอย่าง ร้ายกาจ และจะต้องเกิดเรื่องเป็นเป้า สายตาขึ้น ถ้า เขาเพียงแต่มองหญิงอื่น ความหึงของหล่อนเป็นไปอย่าง รุนแรง ปราศจากเหตุผล และน่าขนลุกขนพอง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลินคอล์นเป็นทนายความอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ขณะกินอาหารเช้ากันหลายคน ลินคอล์นพูดพาดพิงผู้หญิงคนอื่น ทำให้นางลินคอล์นไม่พอใจลินคอล์นมากๆ ถึงกับเอากาแฟใน ถ้วย สาดหน้าลินคอล์นขณะที่อยู่ต่อหน้าแขกและธารกำนัล และไม่ใช่เพียง ครั้ง หรือสองครั้ง แต่เกิดขึ้นบ่อยๆทีเดียว
แต่สิ่งที่น่ายกย่องลินคอล์นคือ เขาสามารถอดทนต่อชีวิตที่ไร้ความสุขภาย ใน บ้านเป็นเวลาถึงยี่สิบสามปีโดยไม่ได้แสดงออกถึงอาการขมขื่นปวดร้าว มิได้แสดงความขุ่นเคืองและมิได้ปริปากพูดเรื่องนี้แก่ใครเลยแม้ แต่คำเดียว จนเกือบไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแล้ว
ดังนั้นชีวิตส่วนตัวของลินคอล์น จึงจมอยู่ในความระทมทุกข์ตราบถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงในโรงละครฟอร์ด เมื่อเวลา 22.00 น. ขณะนั่งชมละครกับภรรยา และเขาถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเวลา 07.20 ของวันรุ่งขึ้น
http://www.thaichristians.net/content/index.php?option=com_content&task=view&id=56&Itemid=112
http://www.prairieghosts.com/ph_history.html