โพลเตอร์ไกสท์ (Poltergeist)
โพลเตอร์ไกสท์เป็นคำที่มาจากภาษาเยอรมัน 2 คำ คือ Polter แปลว่าเสียงดัง และ Geist แปลว่าผี ดังนั้นถ้ามารวมๆ กันก็แปลว่าผีที่ทำให้เกิดเสียงดัง เพราะปรากฎการณ์เหล่านี้มักทำให้เกิดเสียงดัง เช่น เคาะ ผนัง ขว้างปาสิ่งของ เป็นต้น
ผี กับโพลเตอร์ไกสท์เป็นสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติที่คนส่วยใหญ่มักเข้าใจผิดเสมอ แม้ทั้งสองจะมีส่วนคล้ายๆ กัน แต่โพลเตอร์ไกสท์นั้นเมื่อมันปรากฏตัวเต็มรูปแบบเมื่อไหร่จะเกิดอันตรายและ ความน่าสะพรึงกลัวจนผีธรรมดาเทียบไม่ติด
ต่อ ไปนี้เราได้ทำการจัดอันดับ โพลเตอร์ไกสท์ VS ผี ดูว่าอันไหนจะน่ากลัวกว่ากัน
โพ ลเตอร์ไกสท์ VS ผี (อันดับ 5 จุดกำเนิด)
ผี ถือกำเนิดจากวิญญาณของสิ่งมีชีวิต(ส่วนใหญ่ก็คนอ่ะนะ)และปรากฏ ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึงโดยเฉพาะ
โพ ลเตอร์ไกสท์ กรณีของโพลเตอร์ไกสท์นั้นไม่จำเป็น ต้องเกิดจากผีเสมอไป ตามทฤษฎี โพลเตอร์ไกสท์คือพลังงานที่สิ่งมีชีวิตปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัว อันเป็นผลจากสถาวะจิตใจถูกกดดันหรือถูกทำร้ายร่างกาย ประมาณพลังจิต พลังงานเหล่านี้เราเรียกว่า ไซโคไคนีซีส(Psycho kinesis)ซึ่งเป็น พลังงานพิเศษทางจิตที่สามาระเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนแปลงองค์ประกอยของวัตถุ โดนไม่ต้องสัมผัส และด้วยพลังงานนี้เองที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ดูแล้วเหมือนเกิดจากฝีมือ ภูต ผี ปีศาจ เช่นไฟฟ้าเปิดปิดเอง ข้าวของถูกปาจนเสียหาย ผนังประตูถูกเคาะโดยมือที่มองไม่เห็นเป็นต้น นอกจากนี้จากการศึกษาพบว่าบุคคลที่เป็นต้นเหตุเรื่องเหล่านี้มักเป็นเด็ก ผู้หญิงอายุย่างเข้าวัยรุ่น เหตุผลเพราะเด็กเหล่านี้มักมีความอ่อนไหวทางจิตใจและทางอารมณ์มากกว่าคนปกติ ทั่วๆ ไป ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
แอ งเจลิก โคแตง(Angelique Cottin)เด็กหญิงชาวนอร์มังดี ในปี1856 ขณะที่อายุได้ 14 ปี เธอก็สัมผัสพลังลึกลับบางอย่าง พลังนี้ทำให้วัตถุที่เธอเข้าใกล้มีอันต้องถูกผลักกระเด็น ไม่ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่โต๊ะหนักกว่า 60 ปอนด์ก็ยังลอยขึ้นจากพื้นเพียงสัมผัสเบาๆ
เอ เลอเนอร์ ซูกัน(Eleonore Zugun)เด็กหญิงจากโรมาเนีย เกิดปี 1913 ตอนเธออายุ 11 ปี เกิดพลังลึกลับขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุต่างๆ เคลื่อนที่ด้วยอำนาจลึกลับ เช่นเหยือกที่มีน้ำเต็มถูกยกลอยขึ้นในอากาศโดยไม่มีน้ำกระเด็นออกมาแม้แต่ หยดเดียว วัตถุถูกกระเด็นออกไปเมื่อเธอเข้าใกล้ บางครั้งพลังนี้ก็ออกอาการก้าวร้าวด้วยการปาสิ่งของเข้าใส่คนอื่นจนบาดเจ็บ หรือแม้กระทั้งทำร้ายตัวเอง (คลิปของเธออยู่ข้างล่างครับ ส่วนรูปเธออยู่ด้านบน)
ใน ปี ค.ศ.1900 ธุรกิจบาร์เหล้าในตูริน ประเทศอิตาลีเกิดเรื่องประหลาดขึ้นเมื่อขวดเหล้ากระทบกระแทกเกิดขึ้นประจำ ทุกคืนโดยไม่มีใครแตะต้อง เฟอร์นิเจอร์ลอยไปลอยมารอบห้อง เสื้อผ้าและรองเท้าสูญหายไปต่อหน้าต่อตา แต่เมื่อ
อย่าง ไรก็ตาม แม้ว่ากรณีของโพลเตอร์ไกสท์จะกำเนิดจากพลังลึกลับจองคน แต่ทว่าก็มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกันที่ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่บอกว่ามีความเกี่ยวข้องกับเด็กหญิงที่มีพลังลึกลับสำแดงเดช ซึ่งคงเป็นที่ปริศนาต่อไปว่าแท้จริงมันเกิดขึ้นอะไรกันแน่
โพลเตอร์ไกสท์ VS ผี (อันดับ 4 สิ่งผูกพัน)
ผี มักจะผูกพันกับสถานที่บางแห่งเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ที่พบเป็นบ้านที่อยู่อาศัยและสถานที่ที่เคยมีคนตาย
โพ ลเตอร์ไกสท์ ไม่ยึดติดกับสถานที่ แต่กลับผูกพันกับคนหรือสิ่งของบางอย่างโดยเฉพาะ
โพลเตอร์ไกสท์ VS ผี (อันดับ 3 การสำแดงอิทธิฤทธิ์)
ผี การสำแดงอิทธิฤทธิ์ของผีเรียกว่าการสิงสู่(Haunting) ซึ่งปรากฏในรูปของการหลอกหลอนให้เห็นภาพหรือให้ได้กลิ่น ณ สถานที่ที่ผู้ตายมีความผูกพันอยู่ก่อนเสียชีวิต การหลอกหลอนของผีมักปรากฏในร่างที่โปร่งใสหรือมองเห็นเนื้อหนังมังสาเหมือน คนปกติ บางทีเป็นกลุ่มหมอกควัน เป็นลูกไปล่องลอยไปมา หรือทำให้เกิดกลิ่นแปลกๆ ส่วนมากมักปรากฏมาโดยไม่ค่อยได้ยินเสียง
โพ ลเตอร์ไกสท์ การสำแดงเดชของโพลเตอร์ไกสท์เรียกว่าการรบกวน(Disturbance) เกิดขึ้นเมื่อคนผู้เป็นผู้สื่อเกิดความกดดันในจิตใจโดยไม่เลือกเวลาและสถาน ที่ โพสเตอร์ไกสท์สามารถทำอะไรน่ากลัวหลายอย่าง เช่น ขว้างปาสิ่งของ เขียนตัวหนังสือบนผนัง ทำร้ายร่างกายคนด้วยการข่วน ผลัก หรือทับตีเป็นต้น โดยปรากฏแต่ละครั้งจะเกิดเสียง
โพลเตอร์ไกสท์ VS ผี (อันดับ 2 พลังงาน)
ผี พลังงานของผีจะคงที่อย่างต่อเนื่องช่วงระยะเวลาของการสำแดงอิทธิฤทธิ์
โพ ลเตอร์ไกสท์ต่างจากผี เพราะในช่วงเวลาของการสำแดงเดช พลังงานจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็จะสงบลงก่อนที่กลับมาขึ้นต้นรอบใหม่
โพลเตอร์ไกสท์ VS ผี (อันดับ 1 อันตราย)
ผี อันตรายที่เกิดจากผีไม่รุนแรงมาก นัก ส่วนมากทำให้ตกใจกลัว แต่ไม่ค่อยทำร้ายมนุษย์บางคน ส่วนทีหักคอนั้นก็บอกไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของผี
โพ ลเตอร์ไกสท์ นี้ คือตัวอันตรายตัวจริง!! แต่จะอันตรายแค่ไหน อย่างไร ก็ต้องแบ่งปรากฏการณ์ลำดับการเกิด 5 ขั้นตอน โดนขั้นที่ 5 จะเป็นขั้นที่อันตรายสุดๆ เพราะเกความน่าสะพรึ่งกลัวและเป็นอันตรายต่อคนมากมาย
ขั้น ที่ 1 ประสาทสัมผัส การสำแดงอิทธิฤทธิ์จะเริ่มต้นแบบเบาๆ ด้วยก่อให้เกิดการรับรู้โดยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของคนก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งได้แก่ความรู้สึกหนาวเย็นเมื่ออยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งในห้อง การได้ยินเสียงแปลกๆ เช่นเสียงเท้า ความรู้สึกเหมือนจ้องมอง
ขั้นที่ 2 การสื่อสาร เป็นขั้นตอนที่มักได้ยินเสียงหรือได้กลิ่นแปลกๆ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนมากเป็นเสียงกระซิบครวญคราง หรือเสียงลมผ่านๆ ทั้งๆที่อยู่ในห้องมิดชิด
โดย สองขั้นแรกที่ผ่านมาของโพลเตอร์ไกสท์จะเหมือนผีมากจนแยกไม่ออก แต่ในขั้นที่ 3 โพลเตอร์ไกสท์จะเริ่มเปิดเผยตนอย่างชัดเจนเป็นลักษณะเฉพาะ คือการใช้พลังกับวัตถุกับมนุษย์โดยตรง เช่น ไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเปิดปิดได้เอง การสัมผัสด้วยมือที่มองไม่เห็น ประตูเปิดปิดเอง การเคาะประตูหรือหน้าต่างเป็นต้น
ขั้น ที่ 4 หลอกหลอน โดยมีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นโดยทำให้วัตถุเคลื่อนที่หรือบินไปบินมาใน อากาศ วัตถุหายไปจากที่ระยะหนึ่งแล้วไปปรากฏอีกที่หนึ่ง เฟอร์นิเจอร์สั่นขึ้นมาเอง นอกจากนี้อาจทำให้กระจกหน้าต่างหรือวัตถุอื่นๆ แตกโดยไร้สาเหตุ
ขั้น ที่ 5 อันตราย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นสุดท้ายของโพ ลเตอร์ไกสท์ที่มาถึงสูงสุด และเป็นขั้นตอนอันตรายเพราะนอกจากจะสำแดงอิทธิฤทธิ์แล้วมันยังกระทำการโดยทำ ร้ายร่างกายคนอีกด้วย เช่น กัด ข่วย ตบ ปรากฏรอยเลือดบนผนัง พื้น หรือเพดาน มีดหรือของมีคมลอยไปมา หลังจากนั้นมันจะสงบลงชั่นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะเริ่มรอบใหม่อีกครั้ง วนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป
จาก ที่ปรากฏตัวโพลเตอร์ไกสท์ผ่าน 5 ขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนจะมีการสะสมพลังงานของขั้นตอนที่ผ่านมาและส่งผลให้พลังงาน ที่ใช้สำแดงเดชของขั้นตอนต่อๆไปสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนนั้นไม่แน่นอน รู้ว่าต้องนานกี่วันกี่ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดกำเนิดและอิทธิพลอื่นๆ ภายนอกด้วย
เออ.....เกือบลืม ยังมีอีกอันดับ นั้นคือการกำจัด โดยหากเป็นผีก็ให้ใช้พิธีกรรมทางศาสนาหรือพิธีไล่ผี ส่วนโพลเตอร์ไกสท์ง่ายกว่านั้นคือต้องสืบว่าต้นต่อมาจากคนหรือสิ่งของหากพบ ต้นตอให้ไล่ออกหรือกำจัดออกไป หากเป็นบุคคลที่มีปัญหาทางจิตก็ใช้การบำบัดหรือจับส่งโรงพยาบาลบ้าซะ เพียงเท่านี้ก็หมดปัญหา
ต่วยตูนพิเศษกรกฎาคม 2549 ฉบับ