http://www.catdumb.com/steven-pladl-717/
สืบเนื่องจากเรื่องที่คุณพ่อ Steven Pladl วัย 42 ปี มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ Katie Fusco วัย 20 ปี ลูกสาวในไส้ของตัวเองที่พลัดพรากจากกันไปจนเธอท้อง ทำให้ทั้งคู่ถูกจับในข้อหาร่วมประเวณีกันในครอบครัวตัวเอง (Incest) ต่อมานาย Steven จะถูกประกันตัวออกมาในภายหลังด้วยวงเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 31 ล้านบาท โดยมีข้อแม้ว่าต้องเลิกติดต่อกับ Katie โดยเด็ดขาด และให้ส่ง Bennett ลูกชายวัย 7 เดือนที่เกิดมาจากเธอไปให้แม่ของ Steven เลี้ยงดู
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่านาย Steven Pladl ได้ลงมือฆ่า Katie และพ่อบุญธรรมของเธอ ก่อนที่จะฆ่าลูกชายที่เกิดจาก Katie ในภายหลัง สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวเมืองเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านแม่แท้ๆ ของนาย Steven Pladl โดยเธอเป็นฝ่ายโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐนอร์ธแคโรไลนาด้วยตัวเอง เธอบอกว่านาย Steven ได้โทรมาสารภาพกับเธอว่าเขาได้ลงมือฆ่า Katie Pladl และ Anthony Fusco วัย 56 ปี พ่อเลี้ยงของ Katie
“ลูกชายของฉันโทรมา เขาบอกฉันว่าเขาฆ่าลูกชายและอยู่ในบ้านของตัวเอง เขาฆ่าเมีย (Katie) และพ่อของเธอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ” แม่ของ Steven Pladl ให้สัมภาษณ์
เธอยังกล่าวเสริมถึงประเด็นที่อาจกลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นว่า “Katie บอกเลิกกับเขาผ่านโทรศัพท์เมื่อวาน (11 เมษายน)” นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้นาย Steven ขาดสติจนลงมือฆ่าทุกๆ คน หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกตามหาทั้งคู่ ก่อนจะพบศพของพวกเขานอนไร้วิญญาณอยู่ภายในรถกระบะคันหนึ่งที่มีสภาพกระจกเสียหาย ในช่วงเช้าของวันที่ 12 เมษายน และเจอร่างของเด็กน้อย Bennett ตามลำดับ
สภาพรถที่เจ้าหน้าที่ตำรวบพบในที่เกิดเหตุ
ก่อนวันเกิดเหตุ นาย Steven ได้เดินทางไปรับลูกชายจาก Katie และบอกว่าเขาจะพาลูกชายไปพบกับแม่ของเขาในนิวยอร์ก แต่ทั้งหมดไม่เป็นความจริง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้พบร่างของนาย Steven ที่บริเวณเมืองโดเวอร์ รัฐนิวยอร์ก ในรถมินิแวนคันหนึ่ง โดยมีสภาพคล้ายกับการใช้ปืนยิงเข้าที่ศีรษะเพื่อฆ่าตัวตาย
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ Lawrence Capps หัวหน้าชุดสืบสวนในคดีนี้ได้ออกมากล่าวแสดงความเสียใจว่า “พวกเราแทบใจสลาย และโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของเด็กคนนี้ไม่ต่างจากพวกคุณ พวกเราพยายามที่จะทำความเข้าใจถึงปัจจัยทั้งหมดที่นำไปสู่การฆ่าตัวตายครั้งนี้”
ที่มา http://www.bbc.com/news/world-us-canada-43747225