2 วายร้ายสวมชุดลายพรางทหาร ควงปืนอาก้า บุกปล้นร้านทองกลางเมืองอุดรธานี
ยิงปืนขู่ลูกสาวเจ้าของร้านก่อนหยิบถาดใส่ทองรูปพรรณ 4 ถาด น้ำหนักรวม 600 บาท มูลค่าร่วม 12 ล้านบาท วิ่งหนีไปขึ้นรถเก๋งขับหลบหนี ตำรวจปิดเมืองตามล่า พบนำรถไปจอดทิ้งไว้ในซอยห่างจากร้านทองที่เกิดเหตุราว 800 เมตร ทิ้งหลักฐานไว้ในรถหลายรายการ ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในซอย พบพากันหนีไปขึ้นรถเก๋งอีกคันมีหญิงสาวเป็นคนขับ จึงวิทยุตามล่าจนสกัดจับไว้ได้ ข้ามจังหวัด 2 คน ส่วนหญิงสาวอีก 2 คนหนีรอด ยึดทอง รูปพรรณของกลางได้คืนหนัก 421 บาท ยังสูญหายหนักอีกเกือบ 200 บาท สอบสวนอ้างเป็นหนี้พนันบอลโลก เลยวางแผนปล้นหาเงินใช้หนี้
เหตุการณ์คนร้ายใช้ปืนสงครามบุกปล้นร้านทองสุดอุกอาจ กวาดทองรูปพรรณมูลค่าร่วม 12 ล้านบาท แต่ไปไม่รอดถูกสกัดจับจนมุมข้ามจังหวัด
เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 15 ก.ค. ร.ต.ท.พิษณุ สุริยะ ร้อยเวร สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ที่ร้านทองเอ็งน่ำฮวด ห้าแยกน้ำพุ ถนนทหาร เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.สนั่น ชวาลธรรม รอง ผบก.รักษาการ ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี และ พ.ต.ท.สุวัฒนชัย มะลิทอง รอง ผกก.สส. นำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ร้านทองเกิดเหตุตั้งอยู่กลางตลาด พบ น.ส.ธนัชพร เฮงอุทัยรันต์ อายุ 24 ปี ลูกสาวเจ้าของร้าน ผู้เสียหายยืนรออยู่
ตรวจสอบในร้านพบถาดใส่ทองในตู้โชว์หน้าร้านหายไป 4 ถาด ผนังหลังร้านมีร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนอาก้าเป็นรูโบ๋ 1 รู บนพื้นในร้านพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 1 ปลอก สอบสวน น.ส.ธนัชพรให้การว่า ขณะยืนขายทองอยู่หน้าร้านเพียงลำพังยังไม่มีลูกค้า มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 2 คน สวมชุดลายพรางทหาร ใส่หมวกปีกลายพรางทหารปิดบังใบหน้า นั่งรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ขับจากวงเวียนห้าแยกน้ำพุมาจอดหน้าร้าน
น.ส.ธนัชพรให้การอีกว่า หลังจอดรถสนิทแล้วทั้งสองรีบปิดประตูรถวิ่งเข้ามาในร้านทันที โดยคนหนึ่งถือปืนอาก้า ส่วนอีกคนถือปืนพก
หลังเข้ามาในร้านคนที่ถือปืนอาก้าได้ยิงปืนข่มขู่ 1 นัด ตนจึงก้มศีรษะนั่งหลบอยู่หลังตู้โชว์ด้วยอาการหวาดกลัวตัวสั่น ส่วนคนร้ายที่ถือปืนพกกระโดดข้ามตู้โชว์เข้าไปด้านหลัง หยิบเอาถาดใส่ทองรูปพรรณ 4 ถาด ประกอบด้วยถาดสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 ถาด หนัก 3 บาท 2 ถาด และหนัก 2 บาท 1 ถาด รวมน้ำหนักประมาณ 600 บาท มูลค่าราว 12 ล้านบาท วิ่งไปขึ้นรถเก๋งขับหลบหนีไปทางห้าแยกกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม โดยกล้องวงจรปิดในร้านจับภาพคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจนทุกขั้นตอน คนร้ายใช้เวลาปฏิบัติการปล้น 40 วินาที
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
หลังทราบเรื่องตำรวจวิทยุสกัดจับทุกเส้นทาง กระทั่งพบรถเก๋งมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน กฉ 7720 ชลบุรี เป็นรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ
จอดติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ กลางซอยบุญชัย ถนนโภคาณุสรณ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ห่างจากร้านทองที่เกิดเหตุราว 800 เมตร ตรวจสอบภายในรถพบหมวกปีกลายพราง ผ้าขนหนูสีฟ้า ป้ายทะเบียนรถยนต์ วางอยู่เบาะคนขับ ส่วนเบาะหลังพบถาดใส่ทอง 4 ถาด หมวกปีกลายพรางอีกใบ กับเสื้อเชิ้ตสีขาววางอยู่ นอกจากนี้ยังพบสร้อยคอทองคำตกอยู่ในรถ 2 เส้น กับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกัน ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในซอย พบคนร้าย 2 คน
ขับรถเก๋งคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้แล้วลงจากรถอย่างเร่งรีบ พากันวิ่งไปขึ้นรถเก๋งอีกคัน ตบแต่งคล้ายรถซิ่งติดสเกิร์ตกับสปอยเลอร์หลัง แต่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีผู้หญิงผมยาวเดินเข้าไปในรถก่อนคนร้ายจะมาถึง จากนั้นพากันขับรถหลบหนีมุ่งหน้าจังหวัดขอนแก่น ทั้งนี้ พ.ต.อ.สนั่น ชวาลธรรม รักษาการ ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เผยภายหลังตรวจสอบหลักฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนต่างถิ่น และวางแผนปล้นร้านทองมาอย่างดี แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้ทำหลักฐานตกไว้หลายอย่าง ได้วิทยุประสานทุกท้องที่ช่วยสกัดจับแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเกิดเหตุ พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.4 เดินทางไปตรวจราชการที่ จ.อุดรธานี พอดี
หลังรับรายงาน พล.ต.ท.สันติเดินทางไปตรวจร้านทองที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง โดยมี พ.ต.อ.สนั่น ชวาลธรรม รักษาการ ผบก.ภ.จ.อุดรธานี รายงานให้รับทราบแล้ว พล.ต.ท.สันติสอบถามนายอุ้ยมิ้ง เฮงอุทัยรันต์ อายุ 63 ปี เจ้าของร้าน กับ น.ส.ธนัชพร เฮงอุทัยรันต์ ลูกสาวนายอุ้ยมิ้ง ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างละเอียด จากนั้น พล.ต.ท.สันติเผยว่า ได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ตามล่าจับกุมคนร้ายให้ได้ พร้อมสั่งให้นำเฮลิคอปเตอร์ร่วมบินตรวจหาคนร้ายด้วย
ต่อมาเวลา 16.45 น. พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ป.สภ. เมืองอุดรธานี นำกำลังตามล่าคนร้ายไปทันในตัวเมืองขอนแก่น จึงประสานกับตำรวจท้องที่สกัดจับ
พร้อมกดดันเต็มที่จนคนร้ายขับรถเสียหลักชนเบียดกับรถจักรยานยนต์ บริเวณสี่แยกศรีจันทร์ ถนนรอบเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น หนีไม่รอด ยอมให้จับกุมโดยดี 2 คน พบคนร้ายใช้รถเก๋งนิสสัน เซนทรา สีขาว ทราบชื่อนายธนิต โสมภีร์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 7 ต.เขาชนไก่ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ กับนายธวัชชัย น้อมมนัส อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 6 ต.อูบมุง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พร้อมของกลางทองรูปพรรณหนักรวม 421 บาท ปืนอาก้าพร้อมกระสุน 4 นัด กับปืนพก 9 มม. กระสุน 20 นัด มีดสปาร์ตา 2 เล่ม มีดปลายแหลมทำครัว 2 เล่ม และเสื้อผ้าของผู้หญิงอัดเต็มท้ายรถ นำตัวพร้อมของกลางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองขอนแก่น
พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายธนิตหนึ่งในผู้ต้องหา ยอมรับว่าเคยถูกจับข้อหาลักทรัพย์ที่ จ.นครสวรรค์
และหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาลไปอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี จนได้รู้จักกับหญิงสาวชื่อเจ๊ติ๊ก ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เจ้ามือโต๊ะบอลรายใหญ่ใน จ.อุบลราชธานี โดยเจ๊ติ๊กรับแทงและเล่นเสียพนันบอลโลกหลายแสนบาท ส่วนนายธนิตเล่นเสียเป็นหนี้ 3 หมื่นบาท เจ๊ติ๊กเลยชักชวนนายธนิต กับนายธวัชชัย ซึ่งเป็นกิ๊กเก่าเจ๊ติ๊ก วางแผนปล้นร้านทองหาเงินใช้หนี้ หลังเดินทางถึง จ.อุดรธานี มีการซ้อมแผนปล้นกัน 2 รอบ และขณะหลบหนีผ่านถนนบายพาสขอนแก่น ผู้ต้องหาได้แบ่งสร้อยทองคำส่วนหนึ่งให้กับเจ๊ติ๊กและแฟนสาวของนายธวัชชัย ก่อนลงรถหลบหนีไป ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 หนีไม่รอด ถูกตามล่าจับกุมจนมุมในที่สุด จะได้นำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมตามล่าตัวเจ๊ติ๊กและทองรูปพรรณของกลางที่หายไปหนักอีกเกือบ 200 บาท มาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับพื้นที่ จ.อุดรธานี ยังเป็นพื้นที่ที่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ เนื่องจากยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ขณะเดียวกัน กลับมีคนร้ายใช้อาวุธสงครามเข้าไปในพื้นที่ก่อเหตุ บุกปล้นร้านทองกลางเมืองอย่างอุกอาจ โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สามารถป้องกันหรือตรวจสอบได้
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
Credit:
teenee.com