หลังแม่หายตัวไป 52 ปี ผู้หญิงคนนี้ลงโฆษณาออกตามหา จนกระทั่งความจริงถูกเปิดเผย

http://petmaya.com/lucy-ann-johnson-missing

เรื่องราวที่ชวนเป็นปริศนานี้เป็นสิ่งที่ค้างคาใจเด็กหญิงตัวน้อยเป็นอย่างมาก เมื่อแม่ของเธอได้หายตัวไปอย่างลึกลับ โดยทิ้งสามีและลูกๆ 2 คนเอาไว้เบื้องหลัง จนกระทั่งเธอเติบโตขึ้นและยอมรับในชะตากรรมว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าแม่อีกแล้ว แต่ในที่สุดเธอก็พบหลักฐานเล็กๆ ที่นำไปสู่เรื่องราวที่เธอคาดไม่ถึงมาก่อน

นี่คือ ลูซี่ แอน จอห์นสัน หญิงสาวธรรมดาชาวอลาสกัน ที่ย้ายไปตั้งถิ่นฐานในเมืองเซอร์เรย์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา

 เป็นเวลาหลายปีที่ครอบครัวของลูซี่ สามี และลูกๆ ทั้งสองคนคือ ลินดา และแดเนียล อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข จนกระทั่งวันหนึ่ง ชีวิตของครอบครัวธรรมดาๆ นี้ ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล

 ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1961 ลูซี่ คุณแม่ลูกสองวัย 25 ปีได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย สิ่งที่แปลกที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ มาร์วิน จอหร์นสัน ผู้เป็นสามีไม่เคยแจ้งตำรวจเกี่ยวกับการหายตัวไปของภรรยา จนกระทั่งเกือบ 4 ปีต่อมา ด้วยเหตุนี้ตำรวจจึงสันนิษฐานว่านี่อาจเป็นคดีฆาตกรรม

 ทุกๆ คนในระแวกบ้านถูกสอบสวนจนหมดโดยเฉพาะมาร์วิน แต่ไม่มีการพบหลักฐานใดๆ เลยแม้แต่น้อย มาร์วินไม่เคยถูกจับ ไม่มีการพบศพของลูซี่ ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะบ่งบอกได้เลยว่าเธอหายไปไหนกันแน่

 โศกนาฏกรรมของครอบครัวนี้ยังคงไม่จบ เมื่อแดเนียลผู้เป็นลูกชายได้เสียชีวิตจากการจมน้ำตอนอายุ 20 ปี ส่วนมาร์วินเองก็จากโลกนี้ไปในช่วงทศวรรษที่ 90 จนกระทั่งในปี 2013 ลินดา ในวัย 59 ปี รู้สึกว่าการหายตัวไปของแม่เธอคงเป็นปริศนาไปจนวันตายของเธอมาถึง

 “ฉันจำเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ไม่ได้มากนัก” ลินดาอธิบาย “ตอนที่พ่อแต่งงานใหม่ ฉันกับแดเนียลไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อแม่อีก ทั้งหมดที่ฉันมีคือภาพของแม่เล็กๆ 2 ภาพ และภาพที่ใหญ่กว่าอีก 1 ภาพ นั่นเป็นทั้งหมดที่ฉันรู้เกี่ยวกับแม่”

 แต่จู่ๆ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแคนาดาก็รื้อฟื้นคดี “การหายตัวไปของลูซี่” พร้อมกับยกให้เป็นหนึ่งในโครงการ “Missing of the Month” โดยเป็นการรื้อฟื้นคดีการหายตัวของผู้คนที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1950 เป็นต้นมา

 หลังจากที่ลินดาเห็นข่าวของแม่อีกครั้ง เธอก็มีแรงฮึดที่จะค้นหาความจริงด้วยตนเองอีกครั้ง ข้อมูลใหม่ที่เธอได้มาคือใบจดทะเบียนสมรสของแม่ ซึ่งทำให้เธอทราบว่าที่อยู่เดิมของแม่เธอคือเขตยูคอน ดินแดนทางตะวันตกของประเทศแคนาดา

 “ฉันกำลังมองหาญาติๆ ของฉัน” เธอเขียนไว้ในประกาศโฆษณาของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Yukon News “ตายายของฉันชื่อ มาร์กาเร็ต และ แอนดรูว์ คาร์เวลล์ แม่ของฉันชื่อ ลูซี แอน คาร์เวลล์ เธอเกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 1935 ในเมือง Skagway”

 ไม่น่าเชื่อว่าประกาศในหนังสือพิมพ์ได้ผล! เธอได้รับแจ้งจากผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในยูคอน เธออ้างว่าเธอเห็นภาพประกาศคนหายในหนังสือพิมพ์ และคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่แท้ๆ ของเธอ!

 และนั่นทำให้ลินดาได้พบกับน้องสาวร่วมมารดาเดียวกัน ชื่อของเธอคือ รอนดา เกล็นน์ แถมสิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คือ รอนดาอ้างว่า ลูซี่ยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่ได้หายไปไหน แต่ย้ายกลับไปอลาสกาและเริ่มชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ แถมลูซี่ยังมีลูกๆ อีก 4 คนอีกด้วย

 ลินดาช็อค! แถมรอนดาเองก็สับสนกับเรื่องนี้เช่นกัน “ฉันไม่รู้เลยว่า แม่เป็นบุคคลที่หายสาบสูญ” รอนดากล่าว “ฉันเคยอยากมีพี่สาวมาตลอด ฉันมีความสุขมากที่ลินดารู้ว่าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่”

 ลินดาได้รับเบอร์โทรศัพท์แม่ของเธอมาจากรอนดา สิ่งที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิตกำลังเกิดขึ้นแล้ว

 ลินดาโทรหาแม่ของเธอ แม้ว่าเธอจะถูกทอดทิ้ง แต่เธอก็รู้สึกซาบซึ้งที่ได้พูดกับแม่เป็นครั้งแรก “ฉันไม่โกรธเธอเลย ฉันร้องไห้ตลอดตอนที่เราคุยกันครั้งแรก” ลินดากล่าว “ฉันเรียกเธอว่า ‘แม่’ ฉันเกือบคิดไม่ออกแล้วว่าจะพูดอะไรกับเธอบ้าง” หลังจากวางสาย ลินดารู้ว่าเธอยังมีสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำอยู่

 ในเดือนกันยายน ลินดาได้บินไปยังเมืองไวท์ฮอส เขตยูคาน เพื่อพบกับญาติๆ ที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานาน รวมถึงรอนดา และบุคคลที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ ลูซี่

 “ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงดี มันเหมือนกับฉันเห็นใบหน้าของฉันอยู่บนใบหน้าของเธอ ดวงตาของเธออยู่ในดวงตาของฉัน” ลินดากล่าว แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างเธอกับแม่เพียงอย่างเดียวก็คือ “ฉันจะไม่ทิ้งลูกๆ ไปในแบบที่เธอทำ” แล้วทำไมล่ะ ทำไมลูซี่ถึงต้องทิ้งเธอไป ?

 ตลอดสัปดาห์นั้น ลินดาได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวของแม่ และในที่สุดเธอก็ได้รับรู้ความจริงที่ว่า พ่อของเธอต่างหากที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูซี่ต้องทิ้งลูกๆ ไป เขาทั้งทำร้าย ทุบตี ใช้ความรุนแรง รวมถึงออกไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น

 ลูซี่เล่าว่า มาร์วินไล่เธอออกจากบ้าน และเมื่อเธอกลับไปที่บ้านอีกครั้ง เขาก็พูดว่า “ผมไม่มีทางให้คุณเอาลูกๆ ไป” และนั่นก็เป็นจุดสิ้นสุดของเรื่องนี้ การกลับมาพบกันอีกครั้งของทั้งคู่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความสะเทือนใจและอิ่มเอมใจไปพร้อมๆ กัน

 ที่มา http://boredomtherapy.com/missing-mother-mystery/?as-source=src799

Credit: http://boredomtherapy.com/missing-mother-mystery/?as-source=src799
3 มี.ค. 61 เวลา 06:32 1,709 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...