https://variety.thaiza.com/horror/348564/
เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่า เวลาที่มีเหตุคดีฆาตกรรมในสถานที่ต่างๆ หลังจากบรรดาเจ้าหน้าที่ได้มาเก็บร่องรอยหลักฐานแล้ว ใครจะผู้ทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ สำหรับที่เม็กซิโก ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีอัตราการฆาตกรรมสูงที่สุดในโลกนั้น จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่าใครจะรับหน้าที่ขจัดคราบเลือด และร่องรอยจากเหตุสะเทือนขวัญเหล่านี้
"โดนาแวน ทาเวรา" คือ เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดด้านนิติเวชคนแรกของเม็กซิโกที่ได้รับการรับรองจากทางการ เจ้าตัวเผยว่าไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าตนเองจะประกอบอาชีพนี้ แต่ความหลงใหลส่วนตัวนำพาให้เขามาทำงานที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำ เขาเล่าว่า จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้ เกิดขึ้นตอนเขาอายุ 12 ปี ซึ่งในละแวกบ้านได้เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น ตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นศพคนตายเป็นครั้งแรก และต้องตกตะลึงที่เห็นเลือดไหลนองไปตามถนนโดยที่ไม่มีใครเข้าไปจัดการ จนแม่ของเขาต้องเอาน้ำมาล้างคราบเลือดออกไป ส่วน ทาเวรา ได้แต่สงสัยว่าใครมีหน้าที่ทำความสะอาดคราบเลือดนี้กันแน่
ทาเวรา เฝ้าถามเรื่องนี้กับพ่อ แต่เมื่อไม่ได้คำตอบ เขาจึงเข้าห้องสมุดและได้พบหนังสือด้านนิติเวชศาสตร์ ซึ่งช่วยให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นกับศพ โดยเฉพาะเหตุฆาตกรรมที่มักมีเลือดในที่เกิดเหตุมากกว่าปกติ และเลือดเหล่านี้อาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ ดังนั้นเขาจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำความสะอาดเลือดในสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมโดยเฉพาะ ความหลงใหลในเรื่องนี้ทำให้ ทาเวรา เริ่มศึกษาและทดลองหาวิธีล้างคราบเลือดด้วยตนเอง ตอนที่เขาอายุได้ 17 ปี ทาเวราไปซื้อตับและกระดูกวัวจากร้านขายเนื้อ เอากลับมาทดลองดูว่าจะทำความสะอาดคราบเลือดของมันได้อย่างไร
จนในที่สุดเขาก็ได้เข้าไปทำอาชีพทำความสะอาดที่เกิดเหตุฆาตกรรม ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทาเวรา คิดค้นสูตรการขจัดคราบเลือดกว่า 300 สูตร เพราะการทำความสะอาดเลือดที่เปื้อนสิ่งของต่าง ๆ มีกรรมวิธีที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ ระยะเวลาการเสียชีวิต หรือสภาพอากาศตอนที่มีการเสียชีวิตก็เป็นปัจจัยที่ทำให้การทำความสะอาดในแต่ละครั้งแตกต่างกันออกไปด้วย ในฐานะเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดด้านนิติเวช ทาเวรา ถือเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปทำงานในที่เกิดเหตุ และบ่อยครั้งครอบครัวผู้เสียชีวิตมักระบายความเศร้าโศกสะเทือนใจให้เขาฟัง ทาเวรา บอกว่า งานของเขาไม่ใช่แค่ขจัดคราบเลือดจากที่เกิดเหตุ แต่ยังช่วยขจัดความทุกข์บางส่วนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย เพราะเมื่อคราบและกลิ่นคาวเลือดได้ถูกชะล้างออกไปก็ทำให้บรรยากาศแห่งความตายจางหายไปด้วย จนทำให้รู้สึกเหมือนเหตุการณ์สะเทือนขวัญเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
ที่มา BBC / BBC Thai