9 การละเมิดสิทธิผู้หญิงที่โหดร้ายจากทั่วโลก

 เรื่องต่อไปนี้เป็นรายงานเรื่องการละเมิดผู้หญิงจากทั่วโลกที่เป็นเรื่อง จริง และมันช่างน่ากลัวจนยากจะอธิบายด้วยการเขียนหรือพูดได้

                   9.Man Can Marry a girl Without Unlawful

                      

พวกโลลิคอนคงดีใจกับเรื่องนี้ ทันที เมื่อประเทศเยเมนมีกฎหมายว่า “ผู้ชายสามารถแต่งงานกับเด็กผู้หญิงได้โดยไม่ผิดกฎหมาย” ประเทศเยเมนเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดบนโลกอาหรับ ในคาบสมุทรอาหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ปกครองแบบประชาธิปไตยแต่ใช้กฎหมายอิสลามเป็นแม่บทในการปกครองประเทศ โดยมีกฎหมายวิวาห์ของนั้น บัญญัติว่า “ผู้ชายสามารถแต่งงานกับเด็กน้อยได้ แต่ต้องขอให้โตก่อนที่จะมีมนุษย์สัมพันธ์” หากส่วนใหญ่ผู้ชายมักละเลยข้อห้ามลง เพราะพวกเขามัก XXX เด็กก่อน วัยอันควรเกือยทุกราย แน่นอนว่ามันผิดกฎหมาย แต่กระนั้นบทบัญญัตินี้กลับไม่ได้เขียนบทลงโทษฝ่ายชายที่ผิดกฎนี้เลย ดังนั้นเราจึงได้พบเห็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีท้องอยู่บ่อยๆ ในประเทศแห่งนี้

                13 กันยายน ปีที่ผ่านมา ว่า เกิดเหตุสลดกับ ด.ญ.เฟาวซิยา อับดุลเลาะห์ ยูซเซฟ ชาวเยเมนอายุ 12 ปี ซึ่งเสียชีวิต เพราะอาการตกเลือดหลังพยายามเบ่งลูกอยู่นานเป็นเวลา 3 วัน ที่โรงพยาบาลในอ.อัล-ซาฮ์รา จ.โฮเดอิดา ห่างจากกรุงซันอาไปทางตะวันตกราว 223 ไมล์ โดยด.ญ.ยูซเซฟ ตกเป็นเหยื่ออีกรายหนึ่งที่ถูกพ่อจับแต่งงานตั้งแต่อายุ 11 ปี กับผู้ชายอายุ 24 ปี ทำงานเป็นชาวไร่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพราะชาวเยเมนด้อยการศึกษาและไม่ตระหนักถึงปัญหาการกดขี่เด็ก พ่อแม่เด็กมักยกลูกสาวตัวเองเพื่อแลกกับค่าสินสอดทองหมั้น หรือบางชนเผ่ามีประเพณีที่จับเด็กแรกเกิดทั้งหญิงและชายเป็นญาติเกี่ยวดอง กันเพื่อกันสัมพันธ์เชิงชู้สาวซึ่งผิดจารีต นอกจากนี้ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน มีเด็กหญิงอายุ 8 ปี กล้าขึ้นศาลเพื่อร้องขอให้ศาลตัดสินการแต่งงานของเธอกับผู้ชายวัยประมาณ 30 ปี เป็นโมฆะ ทำให้หนูน้อยชนะคดีได้รับการหย่า

 

                                                8.Sutee Self-Immolation

 

การเผาตัวตายบูชายัญตามสามี (หรือสุที) คือพิธีกรรมทางศาสนาของชาวฮินดูที่สืบทอดต่อๆกันมาในประเทศอินเดีย โดยให้หญิงม่ายที่กำลังเศร้าโศกเสียใจทำใจสามีตนเองไม่ได้มานอนนั่งลงข้างๆ สามีของเธอในกองฟืนที่ใช้ฌาปนกิจศพชองเขา และเธอก็จะถูกเผาทั้งเป็นเคียงข้างศพสามี.......(เผาขณะเป็นๆนี้แหละ)

...แล้ว ทำไมถึงทำแบบนี้ละ? เมื่อก่อน หญิงม่ายในอินเดียเคยถูกจัดอยู่ในฐานะที่ต่ำ แสนต่ำในชนชั้นทางสังคม ทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงม่ายจะถูกตัดสินว่าไม่บริสุทธิ์ ทั้งการสัมผัส เสียง และการเข้าร่วมในทุกสิ่งทุกจนเรียกได้ว่าน่ารังเกียจ ดังนั้นจึงมีคำถามเกี่ยวกับหญิงม่ายว่า พวกหล่อนควรทำอย่างไรเพื่อกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา และก็มีใครบางคนตอบว่า “ทำไมเธอไม่เผาตัวเธอเองใน กองไฟซะล่ะ? ว่ายังไง?” นอกจากนี้ก็ยังมีความเชื่ออีกว่าสามีและภรรยาจะกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจาก ตายไปแล้วอีก ทำให้เกิดพิธีดังกล่าวในที่สุด

สุตที ถูกสืบทอดต่อๆกันมาในประเทศอินเดียต่อเนื่องมาอีกหลายศตวรรษ จนกระทั่งพิธีนี้ถูกจัดให้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ในช่วงการยึดอาณานิคมของอังกฤษในปี 1829 (แต่ทุกวันนี้พิธีนี้ยังทำอยู่ ทำให้มีสั่งห้ามอีกครั้งในปี 1956 และอีกครั้งในปี 1981 แต่น้อยคนจะสน ตรูจะทำสักอย่าง ใครจะทำไม)

ก็อย่างที่คุณๆจินตนาการกันแหละ เมื่อไฟมันเริ่มลาม จึงเป็นธรรมดาที่บรรดาหญิงม่ายคิดว่าสงสัยเราตัดสินใจผิดทำพิธีบ้าๆ แบบนี้ว่าแล้วพยายามที่จะวิ่งหนีสุดชีวิต ซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่อัปยศเป็นอย่างยิ่ง  ทำ ให้ผู้คนที่ยืนมุงอยู่รอบๆ ต้องช่วยกันแทงหญิงม่ายด้วยท่อนไม้ไผ่ แล้วมัดเธอเอาไว้เพื่อให้เธอถูกเผา

มีกรณีหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่อแม่ม่ายหนีพ้นพวกคนที่คอยแทงและดับไฟได้ที่แม่น้ำใกล้ๆ พวกอินเดียมุงจึงจับเธอยกใหญ่แล้วจับหักขาและแขนของเธอก่อนที่จะโยนเข้ากอง ไฟใหม่
 

                7. Bride kidnapping

        

(ไม่รู้ผมแปลถูกเปล่า ถ้าผิดก็อย่าว่ากันนะ) การลักพาตัวเจ้าสาวเป็นการปฏิบัติโดยทั่วไปในคีร์กีซสถาน เติร์กเมนิสถาน เมื่อถึงเวลาแต่งงาน ชายหรือครอบครัวเขาจะเลือกผู้หญิงคนไหนก็ได้และเธอจะถูกลักพาตัวให้เป็นเจ้า สาวแก่เจ้าบ่าวในอนาคต (ผู้หญิงอาจโดนลักพาตัวจากหลังม้าหรือรถยนต์) และนำเธอไปยังครอบครัวของเจ้าบ่าว และบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่ได้รักเลยสักนิด บางครอบครัวของหญิงสาวสามารถแก้ปัญหานี้โดยหาตัวประกันซึ่งเป็นหญิงสาวอีก คน(หรือหลายคนไว้ให้เจ้าบ่าวเลือก)มาแลกไถ่คืน นอกจากนี้ผู้หญิงที่ถูกลักพาอาจมีส่วนร่วมในการแนะนำผู้หญิงที่ดีกว่าตนมา ให้เจ้าบ่าวเลือกในการตัดสินใจ หรือบางทีผู้หญิงที่ถูกลักพาอาจไม่โดนจับแต่งงานและถูกปล่อยตัวก็ได้หากครอบ ครัวคัดค้านการแต่งงาน ในเอธิโอเปียและรวันดานั้นโหดร้ายกว่านั้น คือเจ้าบ่าวจะลักพาและข่มขื่นก่อนที่จะแต่งงาน หากไม่พอใจก็ปล่อยไป
 

                                           6.Honor Killing

    

สังคมนี้ก็มีเรื่องที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจยากเหมือนกัน นั่นก็คือฆ่าด้วยเกียรติยศ เป็นการฆ่าผู้หญิงที่กระทำโดยสมาชิกในครอบครัวหรือชุมชนโดยความผิดพวกเธอ เหล่านั้นคือเป็นตัวการที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียในครอบครัวและชุมชน เช่น ปฏิเสธการแต่งงาน, โดนข่มขืน, เป็นเหยื่อความรุนแรงและขอหย่า(จากสามีที่ไม่ดี) หรือล่วงประเวณีหรือผิดประเวณี ซึ่งครอบครัวมีสิทธิตัดสินพวกเธอว่าจะรอดหรือตายก็ได้ โดยวิธีจัดการก็อย่างที่เห็นในภาพนั้นคือการปาหินจนขาดใจตาย(ความจริงมีหลาย วิธี เช่น ยิง, รุมแทง) มีรายงานว่าในประเทศอินเดียหญิงกว่า 5000 คนถูกฆ่าทุกปีเพราะสาเหตุเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆ อีกมากที่มีเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นแอลเบเนีย, บราซิล, แคนาดา, เอลวาดอร์ เยอรมัน, อินเดีย, อิรัก, อิสราเอล, อิตาลี, ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย, สวีเดน, ยูกันดา, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ในอิรักมีรายงานว่า 80 ผู้หญิงในอิรักต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีความอับอายจากการถูกข่มขืน ในจอร์เดนคนรักร่วมเพศก็ถูกรุมฆ่าโดยคนในครอบครัว
 

                                        5.Bride burning

        

เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความรุนแรงในครอบครัวที่พบเห็นโดยทั่วไปใน อินเดีย, ปากีสถาน, บังกลาเทศ และประเทศอื่นๆ ในรอบๆ ประเทศอินเดีย โดยผู้หญิงจะถูกไฟเผาทั้งเป็นจะถูกกล่าวหาว่าไม่มีเจ้าสาวจ่ายสินสอดทอง หมั้นไม่ครบหรือไม่จ่าย จึงต้องฆ่าเจ้าสาวเพื่อให้เจ้าบ่าวมีโอกาสสมรสใหม่หรือเป็นการลงโทษเจ้าสาว หรือครอบครัวของเธอโดยเจ้าสาวจะถูกชุ่มลงน้ำมันก๊าดน้ำมันเบนซินหรือของเหลว ติดไฟอื่นๆ และก็ชุดไฟพร้อมชุดให้ติดไฟ ซึ่งส่วนมากผู้หญิงมักตายท่ามกลางกองเพลิงนั่นเอง

และ เชื่อหรือไม่ว่าประเทศไทยก็เคยมีบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ด้วย(วีกีพีเดีย) ในประเทศอินเดียมีรายงานหญิงกว่า 600-700 คนตายในแต่ละปีและเพิ่มขึ้น มีรายงานจาก CNN ว่าทุกปีตำรวจจับบุคคลที่ทำผิดดังกล่าว กว่า 2500 ราย และทางการอินเดียถือว่าการฆ่าเจ้าสาวแบบนี้เป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงของ ประเทศ
 

                                                4.Acid attacks

  

หรือ vitriolage การโจมตีด้วยกรดเป็นปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถาน นอกจากนี้ยังพบมากในกัมพูชา, อินเดีย, บังกลาเทศ, ปากีสถาน และประเทศใกล้เคียงอื่นๆ  โดยการโจมตีเหล่านี้จะทำ โดยโยนกรดตกเป็นที่เหยื่อของพวกเขา(โดยพวกเขาจะโยนกรดที่หน้าเหยื่อ) ทำให้เกิดบาดแผลที่ใบหน้าและร่างกาย อาจทำให้ตาบอด ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนมากเป็นเพศหญิงเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ และอายุ 18 ปี โดยในเอเชียใต้ทำเพราะเหตุว่าเป็นการแก้แค้นในลัทธิเท่าเทียมด้านเพศ และการคบผู้ชายแบบไม่รักนวลสงวนตัว
 

           3.Female genital mutilation

        

ตัดอวัยวะเพศหญิง(เรียกย่อว่า FGM) หรือที่มักจะเรียกกันว่าการขริบอวัยวะเพศ หญิง  หมายถึง การตัดส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด หรือทำอันตรายต่ออวัยวะเพศภายนอกของสตรีไม่ว่าจะเป็นการกระทำตามขนบ ธรรมเนียมประเพณี หรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เพื่อการรักษาพยาบาล

การ กระทำนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติในหลาย ๆ ประเทศ สาเหตุเนื่องจากบางประเทศ บางวัฒนธรรมและศาสนา มีความเชื่อที่ ว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ขริบ อวัยวะเพศอาจมีอารมณ์ทางเพศเมื่อออกไปข้างนอก จนอาจไปขืนใจผู้ชายได้ จึงต้องตัดต้นตอจุด ที่ถือว่าไวต่อความรู้สึกทางเพศนั้นทิ้งเสีย โดยในทวีปแอฟริกา(นอกจากนี้ยังมีเอเชีย)หญิงอายุ 4 และ 8 จะถูกตัดอวัยวะเพศภายนอกโดยต้องรับความยินยอมจากผู้ใหญ่ก่อน(หากแต่สาวเจ้า ไม่มีสิทธิออกความเห็น) ขั้นตอนเต็มไปด้วยความโหดร้ายเพราะไม่มีการใช้ยาชา กระทำโดย การเฉือนอวัยวะเพศด้านนอกบางส่วน หรือทั้งหมด และเย็บรวมไว้ด้วยกัน โดยเหลือช่องเล็กๆ ไว้ สำหรับให้เลือดประจำเดือน และปัสสาวะไหลออกมาได้เท่านั้น วิธีการเหล่านี้ทำให้นำไปสู่ความตาย จากความเจ็บปวดสุดแสนสาหัสหรือเลือดตกในมากไป นอกจากนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ผ่านการขริบอวัยวะเพศมัก จะมีปัญหาด้านสุขภาพหลายประการ รวมถึงการ เลือดออกอย่างรุนแรง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นหมัน การเกิดโรคแทรกซ้อนตอนคลอดลูกจน ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อเด็กทารกได้ จากสถิตองค์กรสตรีโลกพบว่ามีหญิงกว่า 3 ล้านคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหลังจากตัดอวัยวะเพศเพิ่มทุกปีใน เซเนกัล, เอธิโอเปีย, ซูดาน, มาลี, อียิปต์(เอเชียก็มี อีรัก, ซาอุดีอาระเบีย, จอร์แดน) แม้ว่าพิธีกรรมที่ว่านี้จะ เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ยังพบเห็นได้ทั่วไปองค์การอนามัยโลกถือว่า การตัดอวัยวะเพศหญิง เป็นการกระทำรุนแรงต่อสตรีและเป็นปัญหาหนึ่งของงานด้านอนามัยเจริญพันธุ์ ดังนั้น จึงตั้งเป้าหมายที่จะกำจัดการกระทำนี้ให้หมดไป
 

              2. Human trafficking

       

 

ใครว่าการค้ามนุษย์จะหมดไปจากโลก ปัจจุบัน เพราะจากสถิต(ที่ไม่รู้ใครจัด) พบว่าประเทษแถบรัสเซียอย่าง แอลเบเนีย, มอลโดวา, โรมาเนีย, บัลการเรีย, รัสเซีย, เบรารุส และยูเครนถูกระบุว่าเป็นประเทศที่มีแหล่งค้ามนุษย์ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้หญิง และเด็ก ผู้หญิงเหล่านี้มาต่างประเทศโลกที่สามที่โดนสัญญาบีบบังคับให้มาทำ งาน(นรก)และเป็นโสเภณี โดนมีจำนวนถึง 500,000 คนที่ค้าประเวณีในยุโรปอย่างเดียว โดยบุคคลที่เป็นสินค้าในการค้ามนุษย์นั้น นอกจากจะตกอยู่สภาพของทาส เป็นหนี้เป็นสิน และถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศแล้ว ยังต้องเผชิญกับการจำกัดพื้นที่ที่ผิดกฎหมาย การถูกยึดเอกสารสำคัญต่างๆ การถูกจับกุมการถูกบังคับขู่เข็ญ การถูกบังคับให้ทำงานเกินเวลา และสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด ไม่ปลอดภัย และทารุณ ส่วนประเทศไทยถูกจัดในกลุ่ม ที่ 2 บัญชีราย ชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง

                 1. Ritual servitude

                             

 

ภาวะจำยอมพิธีกรรม มีหลายพิธีกรรมโบราณโดยเฉพาะแถบแอฟริกาคือ กานา, โตโก และเบนิน ที่ดังเดิมศาสนา ภูตผี ที่มักมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง นักบวชจะมีการสมสู่หญิงสาวอายุน้อยและบริสุทธิ์)เพื่อให้การดำเนินพิธีกรรม ดำเนินไปด้วยดี  โดยถือว่าหญิงสาวเป็นรับใช้ตัวแทน ของพระเจ้า(ประมาณนั้น) ทั้งๆ ที่หญิงสาวไม่ยินยอมเลย

ใน เอเชียก็มีเพราะสมัยก่อนมีพิธี มีพิธีกรรมการทำลายพรหมจารีสตรีด้วย โดยพิธีกรรมที่ว่านี้เป็นพิธีกรรมสำคัญสำหรับเปลี่ยนวัยเด็ก (หญิง) ไปสู่การเป็นวัยรุ่น (สาว) ที่พร้อมจะออกเรือน โดยให้นักบวชได้ XXX สาวบริสุทธิ์อย่าง

 

http://listverse.com/2008/06/10/7-terrible-abuses-suffered-by-women-around-the-world/

Credit: Cammy
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...