ซิ่ง ระห่ำโลก

model of
 Circus Maximus
                                                                   สนามแข่งม้าโบราณ

 

อันว่าการแข่งขันที่เกี่ยวกับความเร็วนั้น ที่มันส์สะใจที่สุด น่าจะเป็นการแข่งรถที่ซิ่งกันลืมโลก และไม่น่าเชื่อหรือไม่ว่า ว่าการแข่งรถซิ่งนั้นไม่ได้เพิ่งมามีกันในตอนที่โลกเราเกิดการคิดประดิษฐ์รถ ยนต์มาได้หรอก แต่มีมานานตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจนั่นเลย

ในยุค โรมันเป็นศูนย์กลางของกีฬาท้าความเร็วมาแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่ใช่ รถยนต์ที่วิ่งด้วยน้ำมัน เขาแข่งกันด้วยรถเทียมม้า ที่ดูๆแล้วคล้ายรถศึก แต่ดัดแปลงจากการผลิตรถด้วยโลหะให้เป็นไม้ เพื่อได้น้ำหนักเบา วิ่งได้เร็ว

นัก ประวัติศาสตร์บอกว่า กีฬาแข่งรถ อาจจะเป็นหนึ่งในกีฬาที่ตระการตาที่สุดในโลก อดีตโดยชาวโรมันชื่นชอบ กีฬาท้าความเร็วชนิดนี้มาตั้งแต่ราวๆ 600 ปีก่อนคริสตกาล โน่นทีเดียว

แรกเริ่มเดิมที ชาวโรมันจัดการแข่งขันรถกันในพิธีงานศพ หรือไม่ก็พิธีกรรมที่เกี่ยวกับการบูชาเทพเจ้าต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายองค์ โดยเฉพาะเพื่อการบูชาเทพทางด้าน การเกษตร แต่ไปๆมาๆน่าจะมันส์กันมากขึ้น เลยจัดแข่งเป็นเรื่องเป็นราวกันทุกเทศกาลในสนามแข่งที่ถูกสร้างขึ้นเป็นการ เฉพาะ เรียกว่าเซอร์คัส ซึ่งเป็นสนามแข่งรถรูปวงรี


 

 

สนามแข่งรถที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโรม คือ เซอร์คัส แมกซิมัสนั้น ได้รับการบันทึกว่าเป็นสนามแข่งที่สวยงามมาก แห่งหนึ่งเลยทีเดียว เพราะมันถูกสร้างไว้หว่างกลางของภูเขาสองลูก ซึ่งในระยะแรกๆก็เป็นสนามแบบกำหนดตำแหน่งกันคร่าวๆ แต่ต่อมาก็เกิดการสร้างอาคาร สร้างที่นั่งผู้ชม จนเป็นเหมือนสนามกีฬาสมบูรณ์แบบ คล้ายๆปัจจุบันนี้แหละค่ะ

ในยุค ของจักรพรรดิออกัสตัสผู้โด่งดังของโรมันนั้น ส่วนอัฒจันทร์ที่ให้ผู้ชมนั่งดูการแข่งขันนี้ มีความยาวตั้ง 620 เมตร กว้าง 140-150 เมตร จุคนดูได้ไม่น้อย คือตั้งราวๆ 150,000 คน เรียกว่ามีการแข่งรถเมื่อไหร่ ก็งานช้างเลยทีเดียว

กีฬารถแข่งได้รับความนิยมจากทุกชนชั้นของโรม ตั้งแต่จอมจักรพรรดิยันข้าทาส แล้วก็เหมือน ปัจจุบันอีกอย่างคือ มีการพนันขันต่อว่าใครจะชนะ แถมยังมีการแบ่งฝ่ายกันเป็นทีม เหมือนที่ยุคนี้มีการเข้าสังกัด หรือสโมสร โดยในยุคกระโน้นมี 4 สโมสรหลัก แบ่งเป็นสีประจำ 4 สี คือ ทีมสีแดง ขาว น้ำเงิน และเขียว ที่ต่างก็มีแฟนคลับไปตามเชียร์กันตามใจชอบ

ความนิยมในกีฬารถแข่งของชาวโรมันนี้ เห็นได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นภาพโมเสคต่างๆ รูปแกะสลัก รูปวาด ของเล่น ฯลฯ โดยนักแข่งส่วนใหญ่จะเริ่มต้นอาชีพมาจากการเป็นทาสก่อน และเมื่อประสบความสำเร็จในกีฬาชนิดนี้ แล้ว ก็จะได้เงินและชื่อเสียงตามมา จนสามารถไถ่ถอนตนเองให้เป็นอิสระ และกลายเป็นคนที่ถูกยอมรับนับถือ

แต่ กว่าจะถึงขั้นนั้นได้ก็ไม่ง่าย เพราะกีฬาท้าความเร็ว จะยุคโน้น หรือยุคนี้ก็ไม่แตกต่างกัน คือมีอันตรายอยู่เสมอ แม้รถเทียมม้าจะวิ่งช้ากว่ารถใช้น้ำมัน แต่อุปกรณ์เพื่อรักษาความปลอดภัยต่างๆก็ไม่มีค่ะ นักแข่งรถมีเพียงหมวกเบาๆ คลุมศีรษะ ทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย นอกจากนั้น การที่นักแข่ง รถต้องเอาสายเชือกบังเหียนม้าทั้ง 4 ตัว ผูกเข้าไว้กับเอว เพื่อ ให้สะดวกในการบังคับม้า ก็กลายเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อเกิด อุบัติเหตุ ก็มักจะสลัดตัวออกจากเชือกพวกนี้ไม่หลุดง่ายๆ จนอาจจะตกรถ และถูกม้าลากไปอีกตั้งไกล ทำให้ซี้ม่องเท่งกันบ่อยๆ เรียกว่าส่วนมากเข้าแข่งกันได้ไม่กี่มากน้อย ก็ซิ่งไปหาเทพพลูโต ซึ่งเป็นเทพแห่งยมโลกของโรมันกันแล้วล่ะค่ะ

แต่ท่านเทพพลูโตคงจะไม่ค่อยอยากได้ตัวกระทาชายที่ชื่อ Gaius Appuleius Diocles เพราะ อยู่ยงคงกระพันเหลือเกิน พี่แกเป็นนักแข่งรถชื่อดังสุดๆในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 2 ซึ่ง เริ่มต้นอาชีพนักแข่งรถตั้งแต่อายุ 18 กับทีมสีขาว แต่อยู่ได้แค่ 6 ปี ก็ย้ายไปสังกัดทีมสีเขียว อยู่ 3 ปี จากนั้นมาอยู่ยงกับสโมสร สีแดงนานถึง 15 ปี ก่อนจะปลดเกษียณตัวเองตอนอายุ 42 ปี เรียกว่าซิ่งเป็นอาชีพได้นานตั้ง 24 ปีแน่ะ

ในรอบยี่สิบกว่าปีนี้ พ่อฮีโร่คนดังเข้าแข่งขันมากถึง 4,257 ครั้ง เรียกว่าแทบจะแข่งวันเว้นวันกันเลยนั่นแหละ และในจำนวนนี้ก็เข้าเส้นชัย เป็นผู้ชนะไปตั้ง 1,462 ครั้ง ทำเงินได้มหาศาล จนมีผู้จารึกเรื่องราวไว้ให้เราได้รู้กัน

สำหรับการแข่งรถแต่ละครั้งนั้น ชาวโรมันทำเป็นเรื่องใหญ่มากเลยทีเดียว เพราะจะมีขบวนแห่นักกีฬาเข้าสนามกันอย่างคึกคัก นำโดยผู้สนับสนุนการแข่งขัน ซึ่งบางทีเป็นองค์จักรพรรดิเอง หรือไม่ก็เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ นอกจากนั้น ยังมีนักดนตรี นักเต้นรำ และนักบวชร่วมขบวนแห่มาด้วย

นัก บวชที่มานี้ เป็นผู้อัญเชิญรูปปั้นของเหล่าทวยเทพที่มาทอดพระเนตรการแข่งนั่นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นมหาเทพจูปิเตอร์ที่ (นักบวชบอกว่า) เสด็จมา เป็นองค์ประธาน

ก่อน เริ่มการแข่งขัน ผู้สนับสนุนการแข่งขันจะเป็นผู้หย่อนผ้าขาวลงมาทำพิธีเปิด จากนั้นก็เปิดประตูให้รถม้าวิ่งออกมาแข่งได้ และแม้ในการแข่งขันจะมีเทพเจ้ามาทอดพระเนตรด้วย แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคนพยายามโกงล่ะค่ะ โดยมีกลโกงกันสารพัด เช่น ทำร้ายคู่แข่งก่อนแข่ง ใส่ยาพิษ หรือยาโด๊ปให้ม้า หรือนักขับรถ รวมไปถึงใช้ไสยศาสตร์มาสาปแช่งคู่แข่งด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งในสีสันของการแข่งรถยุคโบราณ

ส่วน การแข่งรถสมัยใหม่นั้น เริ่มขึ้นหลังจากมีการประดิษฐ์รถที่ใช้น้ำมัน โดยหัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสาร Le Velocipede ในปารีสเป็นคนแรก ที่คิดจัดการแข่งรถขึ้น ว่าแล้วก็ออกสตาร์ตกันครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของนักซิ่ง เมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ.1887 ด้วยระยะทาง 2 กิโลเมตร และ ได้ผู้ชนะในครั้งแรกนี้มา คือ Georges Bouton

             

แต่นักประวัติศาสตร์หลายท่านก็ไม่นับว่านั่น เป็นการแข่งรถครั้งแรกของโลกหรอกค่ะ ก็แหม จัดการแข่งทั้งที มีรถเข้าแข่งแค่คันเดียว แล้วจะเรียกว่าแข่งได้ยังไงล่ะเนี่ย

จน กระทั่งอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ.1894 นิตยสารในปารีสอีกฉบับหนึ่ง คือ Le Petit Journal ได้ จัดการแข่งที่ดูจะเรียกว่าเป็นการแข่งขัน จริงๆได้ เพราะมีรถเข้าชิงชัยหลายคัน และงานนี้ Panhard et Levassor ก็ได้ขึ้นแท่นรับรางวัล ในฐานะผู้ชนะ หลังจากนั้น การแข่งรถก็กลายเป็นกีฬา ที่มีการจัดต่อเนื่อง และมีผู้ให้ความนิยมเรื่อยมาจนปัจจุบัน

ถึงตอนนี้ การแข่งรถมีมากมายหลายประเภท เช่น การแข่งที่เราๆ ท่านๆ เห็นกันบ่อยที่สุด คือการแข่งในสนามแข่ง ซึ่งการแข่งที่ดังที่สุดในโลก เห็น จะเป็นการแข่งรถสูตร 1 หรือฟอร์มูล่าวัน นอกจากนั้น ก็มีการแข่งแรลลี่ ซึ่งก็มีทั้งแบบที่แข่งกันเป็นเกมสนุกๆ หรือแข่งกันเอาจริงเอาจังแบบข้ามวัน ข้ามคืน ข้ามประเทศ ข้ามทวีปกันเลย

สำหรับการแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายการหนึ่ง คือ ดาการ์ แรลลี่ ซึ่งจัดขึ้นโดย Amaury Sport Organization ตั้งแต่ ค.ศ.1978 มาจนปัจจุบัน โดยในระยะแรกเป็นการแข่งที่เริ่มจากปารีส ฝรั่งเศส ไปจบที่ดาการ์ ประเทศเซเนกัล คือข้ามจากยุโรปไป แอฟริกา ผ่านภูมิประเทศหลากหลาย รวมทั้งทะเลทราย แต่ในระยะหลังๆการแข่ง ขันรายการนี้ก็ไม่ได้เริ่มที่ปารีสและไปจบที่ดาการ์ เสมอไป เรียกว่าเกิดการหาสถานที่ใหม่ๆ แต่คงแนวคิดเดิมในเรื่องของความทรหด ยาวไกล และ กันดารไว้

   

นอกจากการแข่งที่วัดกันที่ความเร็วแล้ว ปัจจุบันนี้ก็ยังมีการแข่งที่เน้นความสามารถในการขับ เรียกว่าเป็นการแข่งแบบเทคนิค เช่น การแข่งรถที่เรียกว่าดริฟท์ คือการขับสไลด์รถไปบนผิวสนาม แข่งในจังหวะเข้าโค้ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นเทคนิคที่นักขับรถเก่งๆใช้กันมานานแล้ว โดยเฉพาะกับการขับซิ่งบนถนน แต่เกิดมาดัง สุดๆเอาที่ญี่ปุ่น ตอนที่มีนักแข่งดริฟท์ในสนามแล้วเหวี่ยงรถผ่านโค้งไปได้อย่างสวยงาม จนเป็นต้นกำเนิดของคำว่าดริฟท์

การดริฟท์นั้น มีการแข่งขันที่เรียกว่าฟอร์มูล่า ดี ในสหรัฐอเมริกามานานกว่า 30 ปีแล้ว เริ่มต้น จากการแข่งแบบใต้ดินที่ไม่ถูกกฎหมาย เนื่องจากเป็นการแข่งที่อันตราย และหลายครั้งเป็นการแข่งบนถนนสาธารณะที่ทำให้ผู้คนหวาดเสียวเล่นๆ

แต่หลังจากที่นักแข่งชาวแดนอาทิตย์อุทัยทำให้การดริฟท์โด่งดังใน วงกว้างมากขึ้น ก็ทำให้ การแข่งดริฟท์ในแดนมะกันกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย โดยมีบริษัทฟอร์มูล่า ดริฟท์ อินช์ เป็นผู้จัดการแข่งขัน ทำให้ฮิตติดลมบนมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 แต่ที่มา เฟื่องสุดๆก็ตอนที่ภาพยนตร์ The Fast and The Furious เร็วแรง...ทะลุนรก เข้าฉาย ทำให้กระแส ดริฟท์ดังไปทั่วโลก ซึ่งตอนนี้ก็สร้างกันไปถึงภาค 4 แล้ว และในภาคล่าสุดนี้ ทำเลเวิ้งว้างแบบทะเลทรายกับการแข่งรถแบบนอกกฎเกณฑ์ ก็เป็นด่านสุดหินที่ใช้แสดงความแกร่งที่แท้จริง ทั้งของรถและคนขับ ที่ต้องเร็ว แรง และใจเกินร้อยเท่านั้น ที่จะเป็นบทพิสูจน์ความท้าทายความมันของการแข่งรถ!

 

http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday08&content=130169

Credit: Cammy
16 ก.ค. 53 เวลา 23:56 6,721 4 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...