ผู้เสียหายที่ถูกดาราหนุ่ม “นาธาน โอมาน” หลอกลวง และเชิดเงินไป ดาหน้าขึ้นโรงพักหัวหมากพร้อมกัน 3 รายซ้อน รายแรก ไปทวงถามคดีถูกฉ้อโกงเรือนแสน รายที่ 2 กลุ่มใหญ่ ไปรับเงินคืนหลังจากถูกดาราหนุ่มตุ๋นจนเปื่อย และรายสุดท้าย ถูกหลอกเงินเฉียดแสน อ้างฝากเข้าทำงาน ททท.ได้
ที่ สน.หัวหมาก น.ส.จามจุรี แคสเซอร์ หรือ “ดีเจ เจเจ” อายุ 33 ปี ได้เดินทางมา เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องที่เคยแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ “นาธาน โอมาน” ในข้อหายักยอกเงินค่ามัดจำร้าน จำนวน 69,000 บาท และค่าเช่าร้านล่วงหน้า จำนวน 60,000 บาท รวมทั้งสิ้น 129,000 บาท
หลังจากได้มีการแจ้งความและ นัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2552 แต่ก็ยังมีเงินบางส่วนที่ยังอยู่กับนาธา ตนจึงอยากทวงถามร้อยเวรเจ้าของคดีว่า ทำไมคดีนี้ยังยืดเยื้ออยู่ไม่มีการนัดหมายให้คู่กรณีมาชำระเงินคืนอีก โดยก่อนหน้านี้ตนได้เคยโทรศัพท์มาสอบถามร้อยเวรแล้วแต่กลับมีการโยนกันไปมา อ้างว่า ร้อยเวรคนนั้นคนนี้เป็นผู้ทำคดี
ขณะที่ น.ส.จามจุรี กำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มคู่กรณีของนาธาน ประกอบด้วย น.ส.รัตติกรณ์ เลิศปลิตานนท์ อายุ 37 ปี น.ส.จารุพรรณ วีระวัฒนาเดช อายุ 31 ปี น.ส.นิพิวรรณ รัตสุทธิกุล อายุ 30 ปี และน.ส.ศรัญญา สิทธิธีรรัตน์ อายุ 31 ปี โดยทั้ง 4 ราย พากันเดินทางมาเข้าพบ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หัวหมาก เพื่อรับเงินค่าเสียหาย จำนวน 77,000 บาทคืน ก่อนจะลงลายมือชื่อในบันทึกตกลงข้อความผิดอันยอมความกันได้และไม่ประสงค์จะ ให้ดำเนินคดีในความผิดทางแพ่งและอาญากับนายนาธาน
ก่อนหน้านี้ผู้เสีย หายทั้ง 4 ราย ได้เดินทางมาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นาธาน โอมาน ในข้อหายักยอกเงินค่าเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศเนปาล และเรียกร้องค่าเสียหายคืนจำนวนหลายแสนบาท แต่ในเวลาต่อมาคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย สามารถตกลงกันได้ จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางญาติผู้ใหญ่ของนาธาน ก็นำเงินมาฝากไว้ให้กับผู้เสียหายทั้ง 4 ราย จำนวน 77,000 บาท แบ่งเป็นเงินชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 19,000 บาท ให้กับผู้เสียหาย 3 ราย และอีก 1 ราย ชดใช้คืนให้ จำนวน 20,000 บาท ก่อนจะลงลายมือชื่อในบันทึกยอมความไม่ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อกัน
ต่อ มา น.ส.อรทัย ยิ้มละม้าย อายุ 27 ปี อดีตพนักงานบัญชี โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หัวหมาก เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายนาธาน ในข้อหาฉ้อโกง เพิ่มเติมอีก 1 ราย พร้อมนำหลักฐานเป็นใบโอนเงินและสำเนาใบเสร็จรับเงิน ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย
ก่อนหน้า นี้เมื่อช่วงเดือน ต.ค.2551 ได้พบกับนาธาน ผ่านการแนะนำของคนรู้จักอีกทอดหนึ่ง และเมื่อได้เจอกันนายนาธาน ก็อ้างว่า ตัวเขาเองสนิทสนมกับ คุณรจนา เจ้าหน้าที่หน้าห้องของผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสามารถช่วยเหลือให้ตนสอบเข้าทำงานในตำแหน่ง พนักงานฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจต่างประเทศการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งมีเงินเดือนสูงถึง 4 หมื่นกว่าบาทได้ ทำให้ตนหลงเชื่อลาออกจากงาน แล้วโอนเงินค่าดำเนินการจำนวน 69,000 บาท และ ค่าเข้าสอบจำนวน 9,780 บาท รวมเป็นเงิน 78,880 บาท ผ่านทางธนาคารกรุงเทพ เข้าบัญชีไปให้นายนาธาน
หลัง จากนั้น นายนาธาน ก็ได้นำใบเสร็จรับเงิน ซึ่งหัวกระดาษเป็นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาให้ตน โดยในใบเสร็จระบุว่า ได้รับเงินค่าดำเนินการและค่าเข้าสอบ จำนวน 75,600 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีตราประทับและลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ปรากฏอยู่ในใบเสร็จด้วย ทั้งที่ตอนแรกตนโอนเงินไปให้นาธาน จำนวน 78,880 บาท แต่ในใบเสร็จกลับระบุมาเพียงเท่านี้ เลยทราบว่า เงินหายไป 3,200 บาท แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งตนเดินทางไปสอบเมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แล้วรอฟังผลสอบในอีก 1 เดือนต่อมา แต่ปรากฏว่าผลออกมากลายเป็นตนสอบ “ไม่ผ่าน”
“ดิฉันเลยรีบโทร. ไปสอบถามนาธาน แต่เจ้าตัวตอบว่า กำลังติดงานถ่ายหนังอยู่ในต่างประเทศ หากกลับมาเมืองไทยแล้วจะรีบไปดำเนินการให้ หลังจากนั้น ดิฉันก็พยายามโทรศัพท์ไปทวงถามอีกเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จนเห็นว่ามีข่าวในเชิงเสียหายออกมาอยู่ตลอดเวลา จึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความเอาไว้ก่อน แต่ถ้านาธานสามารถหาเงินมาคืนได้ ก็พร้อมเจรจาและจะยุติเรื่องด้วยดี”