ช็อกโกแลตมีกี่ประเภท
ขนมอันแสนอร่อยนี้มีส่วนผสมหลักคือเมล็ดจากฝักถั่วโกโก้ มีให้เลือกหลายรูปแบบ โดยรูปแบบและรสชาติของช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันได้โดยส่วนผสมและปริมาณของส่วนผสม รวมถึงระยะเวลาและอุณหภูมิในการคั่วเมล็ดโกโก้ด้วย
เริ่มกันที่ น้ำช็อกโกแลต (chocolate liquor)เป็นการนำเอาเมล็ดโกโก้มาคั้นจนเป็นของเหลวข้นๆ ซึ่งจะนำเอาไปทำเป็นช็อกโกแลตต่อไป ส่วนช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate) คือช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น มักจะใช้ในการอบอาหาร และช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา
นอกจากนี้ ยังมีช็อกโกแลตนม (milk chocolate) ซึ่งก็คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน โดยต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์ 10% หรือ 25% ช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet) จะเป็นช็อกโกแลตเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วยมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate) จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 %
ส่วน ช็อกโกแลตขาว (white chocolate) จะเป็นส่วนผสมของน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ ลิควิด ช็อกโกแลต (liquid chocolate) เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน และไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ มีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้
สำหรับ ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์ (couverture) จะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือความเป็นมันเงา เพราะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อยที่สุด 32% ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กันเฉพาะในร้านทำขนมหวานเท่านั้น โดยมักจะนำมาเคลือบผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลต ขณะที่ Ganache เป็นช็อกโกแลตที่นำไปละลายด้วยความร้อนและผสมกับวิปปิงครีมจนข้น นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต และท้ายสุด Confectionery Coating เป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่นๆ มักใช้เคลือบลูกกวาด
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันว่า ช็อกโกแลตที่อร่อยที่สุดในโลกนั้นต้องเป็นช็อกโกแลตที่มาจากประเทศเบลเยียม ซึ่งหากคนใดไปเจอช็อกโกแลตที่เหมือนจะละลายได้ในมือ เชื่อได้เลยค่ะว่าช็อกโกแลตนั้นเป็นช็อกโกแลตที่คุณภาพดีจริงๆ