http://www.catdumb.com/9-times-people-die-by-clothes/
โลกนี้มีสาเหตุการตายอยู่มากมายก็จริงอยู่ แต่เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่า ในสมัยก่อนนั้นมีคนที่เสียชีวิตเพราะเครื่องแต่งกายอยู่เป็นจำนวนมากจนน่าเหลือเชื่อกันเลยทีเดียว ซึ่ง 9 สาเหตุที่เพื่อนๆ กำลังจะได้ชมนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุการตายจากเครื่องแต่งกายแปลกๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นขอเชิญรับชมได้เลย
ใช้เครื่องสำอางที่ทำจากสารตะกั่ว ในยุคของพระราชินี Elizabeth ที่หนึ่งนั้น ความขาวซีดคือสัญลักษณ์ของความงาม (คล้ายๆ กับบ้านเราตอนนี้เลย) ดังนั้นพวกชนชั้นสูงในตอนนั้นจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งผิวที่ขาวสวยกว่าคนอื่น จึงได้ซื้อสารที่ชื่อ Ceruse ซึ่งมีตะกั่วเป็นองค์ประกอบหลักในการแต่งหน้า แน่นอนว่ายิ่งรวยก็ยิ่งเอามาใช้เยอะ
ซึ่งคนที่น่าจะรวยและมีอำนาจที่สุดในตอนนั้นอย่างพระราชินี Elizabeth ก็ได้ใช้ไอ้เจ้าสารตัวนี้ในปริมาณที่มาก จนทำให้ผิวเธอดูดซึมสารตะกั่วเข้าไปมากจนเธอถึงกับล้มป่วยและถึงแก่ความตายนั่นเอง แถมให้ว่าในสมัยนั้นผู้หญิงอยากสวยกันมากขนาดหาต้น Belladonna หรือที่รู้จักในชื่อ Deadly Nightshade ซึ่งก็แน่นอนว่าพืชนี้มีพิษสมชื่อ โดยทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ และตาพร่ามัว มาบดผสมน้ำหยดใส่ตาเพื่อให้ตาดูสว่างสดใสกันอีกด้วย
โดนประหารเพราะเอาขนนกผิดชนิดมาติดหมวก ประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 16 นั้นพยายามสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แบ่งระดับชนชั้น ดังนั้นจึงได้ประกาศให้ คนทุกคนที่อายุเกิน 13 ปีต้องสวมหมวก
โดยที่หมวกจะมีขนสัตว์ปีกต่างๆ ติดอยู่ โดยที่คนที่อยู่ในชนชั้นต่ำจะต้องใช้ขน เป็ด ห่าน ไก่ หรือไก่ป่า ส่วนพวกชนชั้นสูงจะติดขน นกยูง นกกระจอกเทศ นกกระยาง หงส์ หรือขนสัตว์ปีก หากคนชั้นต่ำเอาขนของพวกชั้นสูงมาติดจะต้องพบกับโทษประหาร
ศีรษะติดไฟตาย ในช่วงยุค Georgian (ประมาณปี 1714-1830) คนในยุคนั้นจะชอบใส่วิกผมประหลาดๆ กันเป็นว่าเล่น ซึ่งส่วนมากก็จะทำมาจากผมที่ซื้อมา (ถ้าได้ผมของสาวพรหมจรรย์จะยิ่งดี) แล้วก็ยัดไส้ด้วยขนสัตว์และขึ้นรูปด้วยน้ำตาลเหลวและน้ำมันใส่ผม
แน่นอนว่าทั้งหมดติดไฟ และในยุคนั้นก็ยังชอบใช้แสงเทียนหรือคบเพลิงในการให้แสดงสว่างกันอีกด้วย และยังมีหลักฐานของหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นที่กล่าวถึงการตายเพราะโดนไฟไหม้ศีรษะอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย
เอาสารหนูมาใช้ ช่วงกลางๆ ศตวรรษที่ 18 มีกลุ่มคนที่เรียกว่า “ผู้กินสารหนู” โผล่ออกมาในแถบที่เป็นประเทศออสเตรียในปัจจุบัน พวกเขาเชื่อว่ากินสารหนูวันละเล็กวันละน้อยแล้วจะมีผิวพรรณสวยงาม มีร่างกายแข็งแรงและต้านพิษได้ ปัญหาคือถ้าเขาหยุดกินสารหนูเมื่อไหร่ ร่างกายพวกเขาจะย่ำแย่ในทันที
พวกคนในสมัยนั้นจึงคิดหาทางแก้ไข บ้างก็เอามาทาผิวทาหน้าแทนที่จะกิน บ้างก็อ้างว่าสามารถสกัดสารหนูออกมาเป็นยาเม็ด และมีกระทั่งอ่างอาบสารหนู แน่นอนว่ามีคนบาดเจ็บล้มตายตามมาจากเรื่องนี้เพียบ แถมยังมีรายงานออกมาบอกอีกว่าใครหยุดใช้ของพวกนี้อาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็วอีก จำนวนผู้เสียหายจึงยิ่งมาขึ้นไปอีกเพราะไม่กล้าหยุดใช้สารหนูนั่นเอง
ชุด Corsets รัดจนเครื่องในเคลื่อน
อันนี้อธิบายไม่ยาก ก็ตามภาพที่เห็นด้านบนนั่นเอง ในสมัยวิกตอเรียนั้นชุด Corsets รัดเอวคอดนั้นเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้หญิงในสมัยนั้น แย่หน่อยที่บางครั้งมันก็รัดมากจนเกินไป จนมีอยู่บางคดีที่ตัวชุดรัดมากจนเครื่องในเลื่อนไปจากที่ๆ ควรจะเป็น และบางครั้งยังรัดจนเครื่องในถูกซี่โครงแทงอีกด้วย
ชุด Crinolines ทำสาวๆ ล้มหรือติดไฟตาย เพื่อนอาจจะเคยเห็นกระโปรงบานๆ ที่เราเรียกกันเล่นๆ ว่ากระโปรงสุ่มไก่ กันมาบ้าง มันคือชุด Crinolines นั่นเอง เป็นชุดที่ทำมาจากขนม้าและเหล็กในช่วงศตวรรษที่ 19 แน่นอนว่าหนักและติดไฟง่าย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นสาวๆ ล้มแล้วโดนชุดทับหรือกระแทกจนตาย
และด้วยความใหญ่ของมันก็ทำให้สาวๆ ราว 3,000 คนเผลอทำชุดติดไฟจนลามไหม้ตัวเองได้ง่ายๆ แถมถ้ามีลมแรงๆ สาวๆ อาจจะปลิวไปเหมือนร่มจนตกจากที่สูงลงมาตายอีกด้วย
โดนคอเสื้อแบบถอดได้รัดคอตาย
คราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายกันบ้างในศตวรรษที่ 18 ผู้ชายมักจะชอบใส่ปกเสื้อแบบถอดได้หรือไม่ก็ปลอกคอ ซึ่งบางอันนั้นมีน้ำหนักมากหรืออาจจะแน่นเกินไปบวกกับการถอดที่ทำได้เองยากกว่าที่เห็น จนบางครั้งนั้นมีคนสลบไปเพราะขาดอากาศหายใจและในกรณีที่เลวร้ายมากๆ หรือไม่มีผู้พบเห็น พวกเขาเหล่านั้นก็ถึงกับเสียชีวิตเพราะโดนรัดคอเลยก็มี
เป็นไข้ตายเพราะใส่กระโปรงเปียกๆ ทั้งวัน ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ช่วงเวลาสั้นๆ แต่งกายแบบ Regency ได้รับความนิยมมาก โดยตัวชุดมีความคล้ายคลึงกับเสื้อคลุมสีเทาของชาวกรีก หรือการแต่งตัวเรียบๆ ตามแนวความเชื่อที่ว่าผู้หญิงต้องสวยด้วยร่างกายตามธรรมชาติ ปัญหาคือเพื่อให้เห็นส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้อย่างชัดเจนและดูเซ็กซี่ พวกเธอมักจะทำให้ชุดเปียกอยู่ตลอดเวลาจะได้แนบติดกับตัว
แน่นอนว่าการใส่ชุดเปียกๆ ทั้งวันในอากาศหนาวๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย และผู้หญิงจำนวนมากในสมัยนั้นก็เสียชีวิตไปด้วยโรคปอดบวมหรืออุณหภูมิร่างกายต่ำตามคาด
ชุดที่ทำให้เดินแทบไม่ได้ ในช่วงศตวรรษที่ 19 นักออกแบบชุด Paul Poiret ได้ออกแบบกระโปรงที่เรียกว่า กระโปรงฮ็อบบี้ ขึ้นมา มันเป็นกระกระโปรงที่จะรัดขาช่วงหน้าแข้งของสาวจนทำให้เดินได้ไม่สะดวกต้องก้าวเท้าทีละนิดๆ ไม่ก็กระโดดสั้นๆ ไป
ซึ่งแม้ว่าการเดินเขย่งโดดดึ๋งๆ แบบกระต่ายอาจจะดูน่ารักในสมัยนั้นแต่การออกแบบนี้ ก็ส่งสาวๆ ไปสู่ความตายเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะจากการสะดุดกระโปรงล้มจนโดนรถไฟทับ เรื่อยไปยันวิ่งหนีสัตว์ป่าไม่ได้กันเลยทีเดียว
และนั่นก็เป็นการแต่งตัวที่ทำให้มนุษย์เราต้องถึงแก่ความตายกันเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าเรื่องนี้สอนให้เรา ควรรู้จักที่จะทำอะไรแต่เพียงพอดีและรอบคอบอยู่เสมอๆ เพราะแม้แต่กางเกงเอวต่ำ หรือกางเกงรัดติ้วของทุกวันนี้นั้นก็อาจจะเป็นอันตรายได้เช่นกันหากพวกเราไม่ระวังตัวนั่นเอง
ที่มา https://www.buzzfeed.com/juliegerstein/9-times-people-literally-died-for-fashion?utm_term=.trVWEqYpG#.hsalZL8pm