ชีวิตผู้หญิงชาวอาหรับในสายตาคนทั่วโลกนั้นล้วนแล้วแต่มีทัศนคติที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะต่างมองว่าไม่มีความเสมอภาค แต่นี่เป็นเบื้องหลังชีวิตที่แท้จริงของภรรยาชาวอาหรับที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ลองอ่านดูแล้วคุณจะเข้าใจว่าคำว่า คำว่าเสมอภาคของแต่ละวัฒนธรรมนั้นแตกต่างกัน และดูเหมือนว่าชีวิตจริงๆ ของสาวอาหรับก็เท่าเทียมไม่ต่างจากคนอื่นเลย
1. แต่งงานแบบคลุมถุงชน
- การแต่งงานในประเทศอาหรับมักจะเป็นไปตามความต้องการของพ่อแม่ และคนส่วนใหญ่ไม่มีใครคิดว่าควรถามความคิดเห็นจากเด็กหญิง และในความเป็นจริงถ้าว่าที่เจ้าสาวไม่ชอบว่าที่เจ้าบ่าวเธอสามารถปฏิเสธข้อเสนอของเขาได้
- การลงนามในสัญญาการแต่งงานเป็นข้อังคับของชาวอาหรับ
- ผู้หญิงอาหรับไม่ค่อยแต่งงานกับผู้ชายต่างศาสนา เพราะพวกเขาจะถูกเนรเทศออกจากประเทศได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ชายจะมีสิทธิ์ที่จะได้รับอนุญาตให้แต่งงานกับหญิงชาวคริสเตียนหรือชาวยิวได้ แต่ลูกผู้หญิงที่เกิดมาจะไม่ได้รับสัญชาติและเด็กจะต้องอยู่กับพ่อหากพวกเขาหย่าร้างกัน
- อายุในการแต่งงาน สำหรับชาวอาหรับอายุขั้นต่ำของเจ้าบ่าวเจ้าสาวคือ 18 ปี ตัวอย่างเช่น พลเมืองตูนีเซียสามารแต่งงานได้เมื่ออายุครบบ 18 ปีตามกฎหมาย แต่อายุเฉลี่ยของเจ้าสาวคือ 25 ปี และเจ้าบ่าวคือ 30 ปี และบางประเทศอย่างเช่นซาอุดิอาระเบียและเด็กหญิงในเยเมนการแต่งงานเริ่มต้นที่อายุ 18 ปี
2. พิธีแต่งงาน - จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ
- งานแต่งงานของฝ่ายชาย จะมีการเฉลิมฉลองในวันอื่นๆ เพื่อจัดงานแต่งงานของเจ้าสาว ตามกฎแล้วจะมีชา กาแฟ อาหารเย็น และการสื่อสารไม่เกิน 4 ชั่วโมง งานแต่งงานของเจ้าสาวมีการเฉลิมฉลองเป็นอย่างมากในศาลากลางจังหวัดใหญ่ที่มีพนักงานเสิร์ฟและศิลปิน
- งานแต่งงานของฝ่ายหญิง - จะมีการดีไซน์ชุดในตอนเย็นเพราะพวกเธอจะไม่สวมฮิญาบ ดังนั้นคนที่เข้าร่วมงานต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น ถ้าเป็นผู้ชายก็จะอยู่อีกห้องแยกไป
- การเข้าหอของสามี เจ้าสาวจะเดินทางเข้าหอก่อนแล้วและอาบน้ำแต่งตัวรอสามีกับพี่ชายหรือพ่อของเจ้าสาว โดยเจ้าสาวจะใส่ชุดดั้งเดิมที่ถูกคลุมมิดชิด แม้แต่ญาตของสามีก็ไม่สามารถมองเห็นความงามของเธอได้
- ห้ามมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวน์ และแชมเปญในงานของชาวอาหรับ นอกจากนี้ผู้ชายยังห้ามแต่งเครื่องงประดับทองและผ้าไหมอีกด้วย
3. ประเพณีมีเมียหลายคน
- การแต่งงานส่วนใหญ่จะเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียว ไม่ใช่ผู้ชายอาหรับทุกคนจะมีเมียหลายคน ศาสนาอิสลามกำหนดให้มีเมียได้ถึง 4 คน แต่ควรมีบ้านและทรัพย์สินทุกอย่างให้เมียทุกคนเท่ากัน ดังนั้นชายอาหรับที่มีเมีย 4 คนได้จึงมีแต่คนร่ำรวยเท่านั้น
- การแต่งงงานครั้งแรกเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ไม่ว่าจะมีภรรยากี่คนก็ตามการแต่งงานครั้งแรกต้องยิ่งใหญ่เสมอ และภรรยาคนแรกคืออาวุโสสุด
- ถ้าผู้ชายไปหาภรรยาอีกคนหนึ่งภรรยาคนอื่นๆ ต้องยอมรับมัน มันเป็นกฎที่ต้องทำตามโดยต้องไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกโกรธหรืออิจฉา ซึ่งตามกฎแล้วภรรยาอาศัยอยู่คนละบ้าน ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ค่อยพบกันบ่อยๆ
4. การหย่าร้าง
- ตามประเพณีเก่าแก่ ผู้ชายที่เต็มใจจะหย่ากับภรรยาสามารถพูดว่า ผมจะหย่ากับคุณซ้ำๆ กัน 3 ครั้ง หลังจากนั้นภรรยาก็ให้ภรรยาอยู่ในบ้านระยะหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าภรรยาไม่ตั้งครรภ์ และในระหว่างที่รอ สามีสามารถเข้าไปหาภรรยาได้โดยพูดว่า "ผมกลับมาหาคุณ" โดยเขาต้องพูดซ้ำๆ กัน 3 ครั้ง และหลังจากการหย่า 3 ครั้งผู้ชายจะไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้
- ผู้หญิงสามารถยื่นขอหย่ากับสามีได้ หากเขามีเงินไม่มากพอ โดยในโลกของชาวอาหรับผู้ชายจะไม่สามารถแสดงความรักของพวกเขาด้วยดอกไม้ แต่เป็นเครื่องประดับและทองคำ ตัวอย่างเช่น สามีต้องพาภรรยาไปร้านอาหาร ซื้อของขวัญ และเสื้อผ้าราคาแพงให้กับเธอ และถ้าผู้ชายคนนั้นมีภรรยาหลายคนภรรยาทุกคนต้องได้รับของเท่าๆ กัน
- แม้ว่าผู้หญิงจะขอหย่าจากสามีได้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพราะส่วนใหญ่ศาสมักจะตัดสินเจ้าข้างสามี
5. สิทธิสตรี
- ผู้หญิงอาหรับสามารถแต่งงานตามความต้องการของตัวเอง หย่าร้าง และมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองได้
- วันสตรีประจำสัปดาห์ ในแต่ละสัปดาห์จะมีอยู่วันนึงที่สถานเสริมความงามในซาอุดิอาระเบียเปิดให้บบริการสำหรับผู้หญิงเท่านั้น และผู้ชายจะไม่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปใช้เด็ดขาด
- แต่ภรรยาชาวมุสลิมต้องปฏิบัติทุกอย่างด้วยความยินยอมของสามีเท่านั้น ถ้าเธออยากไปที่ไหนเธอต้องบอกสามีของเธอและให้เขาอนุญาตเสียก่อน
6. เสื้อผ้า
- ผู้หญิงควรซ่อนร่างกายไว้ภายใต้เสื้อผ้าหลวมๆ โดยที่สามารถใส่อะไรภายในก็ได้ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้นๆ แต่ถ้าต้องออกไปข้างนอกพวกเธอต้องใส่ชุดคลุมหลวมๆ ซ่อนส้นเท้าและใบหน้าของเธอเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นความงามของตัวเองได้นอกจากสามี
ข้อยกเว้นคือในงานฉลองที่มีแต่ผู้หญิงไม่มีผู้ชาย พวกเธอสามารถใส่อะไรก็ได้
- คูเวตเป็นประเทศเดียวในอาหรับที่ผู้หญิงสามารถสวมใส่เสื้อผ้าแบบยุโรปได้ แต่ก็ควรแต่งอย่างเหมาะสม
- ในขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่างเยเมนและซูดานยังคงยึดถือประเพณีเก่าๆ พวกเธอต้องสวมเสื้อคลุมสีดำพรางตังไว้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
7. การศึกษาและการทำงาน
- ผู้หญิงสามารถศึกษาได้เพราะไม่ได้มีข้อห้ามกำหนดไว้ จะเห็นได้ว่ามีผู้หญิงหลายคนเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เช่น ในจอร์แดนมีผู้หญิงเพียง 14% ที่ไม่รู้หนังสือ ในซาอุดิอาระเบียมีผู้หญิงเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยกว่า 77%
- งานหลักของผู้หญิงคือการเป็นแม่บ้าน คลอดบุตร และเลี้ยงดูบุตร
- อาชีพของผู้หญิง ในซาอุดิอาระเบียมีผู้บริหารหญิงกว่า 20% และผู้หญิงอีก 35% อยู่ในกลุ่มแรงงาน ในตลาดหุ้นมีนักลงทุนหญิงกว่า 43% นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงทำงานเป็นผู้พิพากษา ตำรวจ และหน่วยงานของรัฐบาลกว่า 26% ทั้งรัฐสภาในตูนีเซียยังมีผู้หญิงอีกด้วย แต่ผู้หญิงชาวอาหรับจะไม่สามารถทำงานนอกบ้านได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากสามีหรือผู้ปกครองของเธอ