https://www.meekhao.com/history/andes-survivors
บางครั้งการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่บีบคั้นและอันตรายก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสิ่งแวดล้อม สภาพจิตใจ และการเสียสละร่างกายของมนุษย์ด้วยกันเอง
วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 1972 เครื่องบินของสายการบินประเทศอุรุกวัยที่มีผู้โดยสารเป็นทีมรักบี้ “Old Christians” พร้อมเพื่อนและครอบครัว ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในเทือกเขาแอนดีส ประเทศอาร์เจนติน่า ท่ามกลางพายุหิมะอันหนาวเหน็บ
ในตอนแรกมีผู้โดยสาร 27 รายรอดชีวิตจากจำนวนทั้งหมด 45 ราย แต่พายุหิมะที่ถล่มลงมาก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 8 รายภายในคืนเดียว จนกระทั่งผ่านไปนานถึง 2 เดือนเต็ม ผู้รอดชีวิตที่เหลือเพียง 16 รายก็ได้รับความช่วยเหลือ เรื่องราวของพวกเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ สารคดี และหนังสือจำนวนมากมายหลายเล่ม หนึ่งในภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดคือ “Alive” ในปี 1993 ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกัน
Roberto Canessa หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในปี 1972 ได้ตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวผ่านการตีพิมพ์หนังสือ “I had to Survive“
เขาเล่าว่าช่วงแรกที่ประสบเหตุเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต “ผมจะไม่มีวันลืม 9 วันแรกหลังจากเกิดอุุบัติเหตุ รอบๆ ตัวของพวกเรารายล้อมไปด้วยร่างของผู้เสียชีวิตที่ถูกแช่แข็ง จนกระทั่งในที่สุดเราก็จำเป็นต้องแล่เนื้อของเพื่อนเราเองมาประทังชีวิต”
สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือการเอาชีวิตรอด แต่พวกเขาไม่สามารถหาพืชผักหรือเนื้อสัตว์ได้แม้แต่ชิ้นเดียวท่ามกลางพายุหิมะ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่อาจย้อนคืนกลับมา และการตัดสินใจบริโภคเนื้อมนุษย์ก็เป็นส่วนที่เลวร้ายที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนั้น “เป้าหมายที่เราเห็นพ้องต้องกันคือการเอาชีวิตรอดแต่เราไม่มีอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากผ่านไปไม่กี่วันพวกเราแต่ละคนก็เริ่มอ่อนแอและหมดเรี่ยวแรงจากการอดอาหาร ทุกคนนั่งรอให้ใครบางคนตัดสินใจลงมือทำอะไรบางอย่าง หลังจากมีคนเริ่มลงมือแล่เนื้อของเพื่อนที่เสียชีวิต พวกเขาก็หวาดผวาแต่รู้ดีว่ายังไงก็ต้องทำและอาจต้องทำแบบนี้ซ้ำอีกหลายครั้ง”
ในวันที่ 23 ธันวาคม 1972 ผู้รอดชีวิต 16 คนก็ได้รับความช่วยเหลือ Canessa เผยว่าเขารู้สึกหวาดกลัวและเครียดมากเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนทำลงไป ทันที่ที่พบหน้าพ่อกับแม่เขาก็รู้สึกเหมือนใจสลาย
“ผมบอกกับแม่ว่า ‘แม่ เราจำเป็นต้องกินเนื้อของเพื่อนที่ตายไปแล้ว’ และเธอก็ตอบกลับมาว่า ‘ไม่เป็นไรลูกรัก มันไม่เป็นอะไร'”
สิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจที่สุดคือความรู้สึกของครอบครัวผู้เสียชีวิต “ตอนนั้นผมพูดกับตัวเองว่า ‘ฉันไม่สนใจ สิ่งที่ต้องทำก็คือเดินเข้าไปหาครอบครัวของพวกเขาและบอกสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจแต่อย่างไรพวกเขาก็ต้องรู้ความจริง’ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ของพวกเราและทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี”
ที่มา http://www.businessinsider.com/plane-crash-survivor-pushed-to-cannibalism-recounts-his-experience-2016-2?utm_content=buffer1b8f8&utm_medium=social&utm_source=facebook.com&utm_campaign=buffer