1. ประเทศไทย....ทำไมมีสีประจำวัน ?
ขอบอกว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ จนวันหนึ่งซึ่งเป็นวันศุกร์ใส่เสื้อสีฟ้า ก็มีเพื่อนต่างชาติคนนึงถามว่าทำไมใส่เสื้อสีฟ้าล่ะ ก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร จริงๆ ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่ใส่แล้วสวย (กล้าพูด) เลยตอบไปว่า ก็วันนี้เป็นวันศุกร์ไงล่ะ เพื่อนก็งงใหญ่ว่า แล้วทำไมล่ะ วันศุกร์เกี่ยวอะไรกับสีฟ้า สรุปคุยกันยาวววจนสรุปได้ว่า ที่ประเทศอื่นๆ เค้าไม่ค่อยมีสีประจำวันเหมือนบ้านเรา ที่วันจันทร์สีเหลือง วันอังคารสีชมพู เอ๊ะ แล้วใครเป็นคนคิดริเริ่มให้มีสีประจำวันนะ ?
2. ประเทศไทย....ทำไมดื่มน้ำอัดลม/ เบียร์ต้องใส่น้ำแข็ง
อันนี้หลายคนคงอาจจะเคยได้ยินมาจากเดี่ยว 8 แล้ว (ฮา มาก) เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมต่างประเทศเค้าถึงดื่ม น้ำอัดลมกันแบบไร้น้ำแข็งได้ ซึ่งในทางกลับกับ คนต่างชาติ เค้าก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมคนไทยถึงต้องดื่มแบบใส่น้ำแข็ง ด้วยล่ะ ก็แหม...ประเทศเราเมืองร้อนนี่คะ เอะอะอะไรก็ใส่น้ำ แข็งไว้ก่อน 555+
3. ประเทศไทย .... ทำไมกินข้าวโพดเป็นของหวาน ?
ประเทศแถบตะวันตกพวกยุโรป อเมริกา เค้าไม่ถือว่าข้าว โพดเป็นของหวาน แต่ถือว่าเป็นของคาว น้อยคนมากๆ ที่จะ เอามานั่งแทะกินเปล่าๆ หรือหากเอาไปใส่ไอศกรีมนี่ถือว่าเป็น เรื่องแปลกมาก แต่คนไทยเราเอามานั่งแทะๆ กันจนฟันเหยินซะ งั้นแทะไป ดูหนังไป เพลินจะตาย
4. ประเทศไทย .... ทำไมอะไรๆ ก็ ต้องใส่ซอส ?
ไม่ว่าจะกินอะไร ตั้งแต่ไข่เจียว แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ไก่ ทอด คนไทยเราต้องมีซอสหรือมีน้ำจิ้มไว้เคียงคู่เสมอ แต่ สำหรับในบางประเทศเค้าถือว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพเพราะ คนทำอาจจะน้อยใจได้ว่า เอ๊ะ ทำไมต้องใส่น้ำจิ้มอีกล่ะ ที่ฉันทำไปมันไม่อร่อยเหรอ? โดยเฉพาะในร้านอาหารใหญ่ๆ เช่น ถ้าสั่งพิซซ่ามาแล้วดันไปขอซอสเพิ่ม พ่อครัวอาจจะค้อน ใส่ได้
5. ประเทศไทย .... ทำไมคนไทยเก่งเลขจัง ?
เพราะคนไทยชอบจั่ว ... เอ๊ย ไม่ใช่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ยิน มาหนาหูมากๆ ว่า ถ้าเทียบกับพวกฝรั่งแล้ว คนไทยถือว่าเก่ง เลขมากๆ โดยเฉพาะน้องๆ นักเรียนแลกเปลี่ยนชอบมาเล่าให้ พี่เป้ ฟังว่า 'เลข ม.ปลายที่นั่นง่ายประมาณ ม.1ของที่ ไทยเลยค่ะพี่ หนูชอบเรียนเลขเพราะมันง่ายมาก' เวลา เพื่อนฝรั่งเห็นเราแก้สมการซับซ้อนได้ ทุกคนก็จะ โอ้โห อู้หู amazing thailand จริงๆ !
6. ประเทศไทย .... ทำไมไม่คิดค่า ถุงหิ้ว ?
เวลาที่เราไปซื้อของในหลายๆ ประเทศทั้งในยุโรปและเอเชีย บางประเทศนั้น ตามร้านค้าต่างๆ เค้าคิดค่าถุงหิ้วกันด้วยนะคะ เช่น ถ้าในยุโรปก็จะประมาณ 10 เซนต์ ในเกาหลีใต้ก็จะ 10 วอน อะไรทำนองนี้ค่ะ (อะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด) แต่ทั้ง นี้ทั้งนั้นก็เป็นไปเพื่อรณรงค์การลดโลกร้อนนั่นเอง
แต่! เพราะตั้งแต่เดือนหน้าวันที่ 6 มิถุนายนเป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ จะเริ่มเก็บค่าถุงพลาสติกใบละ 1 บาท เพื่อเป็นการช่วยรณรงค์ลดโลกร้อน เพราะฉะนั้นใครไป เที่ยวห้างก็อย่าลืมพกถุงผ้ากันไปด้วยนะคะ
7. ประเทศไทย .... ทำไมมีวิธีอาบ น้ำสารพัด ?
อย่างที่รู้ๆ ว่าฝรั่งไฮโซอาบน้ำกันด้วยฝักบัว ไม่ก็รองน้ำใส่ อ่างแล้วลงไปแช่ แต่คนไทยไม่น้อยหน้าใคร นอกจากฝักบัว หรืออ่างแล้ว เรายังมีขันไว้ตักอาบ มีตุ่มไว้ลงไปแช่อีกด้วย 5555+ เย็นสบาย !!.....
มีเพื่อนคนนึงอยู่ต่างจังหวัด เคยรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน จากอเมริกามาที่บ้าน (สมมติว่าชื่อซูซี่) พอถึงเวลาอาบน้ำ ก็พาซูซี่ไปหลังบ้านซึ่งมีตุ่มใส่น้ำและขันวางไว้ ซูซี่ก็บอก OK I see Don't worry ไออาบน้ำได้เอง สบายมาก ยูไม่ ต้องห่วง จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ซักพัก 10 นาทีต่อมา เพื่อนก็เดินกลับไปตามซูซี่ ปรากฏ ว่า !! ภาพที่เห็นคือน้องซูซี่เล่นลงไปในว่ายน้ำอยู่ในตุ่ม ซะงั้น 55555 สรุปว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีในเมืองไทย ตุ่มนั้นก็ตกเป็นสมบัติของน้องซูซี่ไปโดยปริยาย
8. ประเทศไทย .... ทำไมคนไทยต่อราคากันเก่งจัง ?
เรื่องต่อราคานี่ต้องยกให้คนไทยเลยจริงๆ ต่อได้ต่อดี จาก 99 ต้องเป็น 90 .... จาก 49 ต้องเป็น 40 ....จาก 19 ก็ยังจะต่อให้ได้เป็น 2 อัน 35 ได้มั้ยพี่ ? จนฝรั่งหรือชาติอะไรต่ออะไรที่มาเที่ยวเมืองไทยก็เริ่มจะติดนิสัยนี้ไปด้วย แล้วล่ะค่ะ เผลอๆ เดี๋ยวนี้ฝรั่งต่อราคาเก่งกว่าคนไทยซะอีกแน่ะ ถือว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามคนไทยละกันนะ
9. ประเทศไทย..... ทำไมกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันเปล่าๆ แบบไม่ต้ม ?
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่คงฟังกันมาแล้วจากเดี่ยว 8 .... ขอย้ำกันให้ชัดๆ เลยว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยอร่อยที่สุดในโลก ต้มก็อร่อย กินเปล่าๆ ใส่พริกใส่น้ำมัน บีบให้แตกแล้วมาจกกินนี่ก็อร่อยสุดๆ เพราะบะหมี่ของเราเส้นเล็ก แต่บะหมี่ของพวกญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกงอะไรอย่างนี้เส้นมันจะใหญ่และหนามากๆ เอามากินเปล่าๆ ไม่ได้แน่นอน แถมยังมีจำกัดแค่ไม่กี่รส เช่น รสไก่ รสต้มยำ รสกิมจิ แต่ของเมืองไทยนี่มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ หมูสับ ต้มยำ เป็ดพะโล้ เย็นตาโฟ หมูน้ำตก สุกี้ ต้มโคล้ง พริกเผา โอ๊ยยย...สารพัด สามารถกินได้ไปเป็นเดือนๆ โดยไม่ซ้ำรส (ถ้าผมไม่ร่วงหมดหัวซะก่อน)