โรง เรียนสอนเอ็กซ์เมน เมืองไทย (X-Men เมืองไทย)

เอ็กซ์เมน เมืองไทย (X-Men เมืองไทย)


มนุษย์เราล้วนมีความสามารถพิเศษที่ แตก ต่างกันออกไป บางคนมีความสามารถในการจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ในขณะที่บางคนสามารถคิดเลขได้อย่างรวดเร็ว แต่เด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง กลับกลายเป็นบุคคลที่มีความสามารถพิเศษยิ่งกว่าที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้ นั่นก็คือพวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ แม้จะถูกปิดตาเอาไว้ ทำให้พวกเขาถูกเรียกขานว่า .. เอ็กซ์เมน เมืองไทย (X-Men เมืองไทย)




           เรื่องราวดังกล่าว กลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อรายการ ทูไนท์โชว์ ทางช่อง 3 เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้เปิดเผยเรื่องราวของเด็กที่มีความสามารถกลุ่มหนึ่งที่สามารถใช้ชีวิตได้ อย่างปกติ แม้จะถูกปิดบังการมองเห็นด้วยการผูกผ้าปิดตา รวมทั้งมีการตั้งฉายาให้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ว่า เอ็กซ์เมน เมืองไทย ตามภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง X-Men ที่เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์
           ซึ่งเด็ก ๆ X-Men เหล่านี้นั้น ถูกฝึกฝนความสามารถพิเศษดังกล่าวจาก พาวเวอร์ แคมป์ (Power Camp) ค่ายที่เปิดรับเด็กในวัย 6-12 ปี เข้าฝึกฝนความสามารถพิเศษ โดยเรียกหลักการนี้ว่า "ทักษะในการใช้สมองส่วนกลาง"





 


  สำหรับเจ้าของสถาบันดังกล่าวคือคุณ ตัน เคง ชวน ชาวจีน และภรรยาชาวไทย คุณดรุณี จันทกิจ หรือ ครูดาว ที่ร่วมมือกันเปิดโรงเรียนสอนพัฒนาสมอง พาวเวอร์ แคมป์ นี้ขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านจิตใจและสมอง โดยสามารถทำให้สมองส่วนซ้าย-ขวา สมดุลกันมากขึ้น โดยมีนักเรียนในโรงเรียนอยู่หลายร้อยคน
           ทั้งนี้ รายการทูไนท์โชว์ ได้มีการนำเอาตัวแทนเด็ก ๆ จาก พาวเวอร์ แคมป์ มาทดสอบความสามารถพิเศษที่ว่า โดยเริ่มต้นจาก น้องนาดีน  วัย 6 ขวบ สาวน้อยลูกครึ่งที่สามารถบอกตัวเลขและสีบนไพ่ได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ถูกผ้าปิดตาอยู่




   จากนั้นก็มาถึงคิว น้องน้ำผึ้ง วัย 11 ปี ที่บอกว่าตัวเองสามารถมองเห็นทุกอย่างได้จากการปิดตา โดยคราวนี้ทางรายการได้นำเอากระดาษทิชชู่ปิดซ้อนลงไปในผ้าปิดตาสีแดงที่น้อง น้ำผึ้งเตรียมมาอีกชั้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่สามารถมองลอดออกมาได้ และคุณไตรภพ พิธีกรของรายการ จึงเลือกเปิดหน้าหนังสือเพื่อให้น้องน้ำผึ้งอ่าน แล้วน้องน้ำผึ้งก็อ่านข้อความดังกล่าวอย่างฉะฉานและรวดเร็ว เมื่อเป็นอย่างนั้นคุณไตรภพจึงเขียนข้อความขึ้นมาเองสด ๆ เพื่อให้น้องน้ำผึ้งอ่าน โดยมีใจความว่า "คุณไตรภพ หล่อมาก ๆ" และ "หนูพูดจริง ๆ ค่ะ" และข้อความดังกล่าว น้องน้ำผึ้งก็สามารถอ่านได้อย่างฉะฉานและรวดเร็วเหมือนเดิม



 


           นอกจากนี้ยังมีการให้เด็ก ๆ คนอื่น ๆ ออกมาแสดงความสามารถที่หลากหลาย เช่น น้องเพลง ที่มาแสดงความสามารถในการปิดตาระบายสี, น้องเควิน แสดงความสามารถในการปิดตาเล่นรูบิค เป็นต้น
           ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้กลายเป็น ทอล์คออฟเดอะทาวน์ ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ โดยมีผู้ปกครองหลายคนที่สนอกสนใจอยากให้ลูกเข้าฝึกความสามารถที่ พาวเวอร์ แคมป์ แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายเสียงในอินเทอร์เน็ตแสดงความไม่เห็นด้วย และกล่าวว่าแท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่มายากล
           หลายทฤษฎีถูกนักท่องเน็ตหยิบยกขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ ยกตัวอย่างเช่น เด็กส่วนใหญ่ที่มาแสดงความสามารถ ต่างเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่สัมผัสกับสิ่งของ คล้ายกับการเงยขึ้นเพื่อให้มองลอดช่องใต้ผ้าได้ชัดเจนขึ้น เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นเหล่านี้ก็ยังเป็นเพียงความคิดเห็นที่แตกต่าง และยังหาบทสรุปไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว สมองส่วนกลาง มองเห็นแทนตาได้จริงหรือ?
ข้อมูลเพิ่มเติมของ "ทักษะในการใช้สมองส่วนกลาง"
            สมองส่วนกลาง จะอยู่ที่ปลายสุดของก้านสมอง ตรงศูนย์กลางของสมอง โดยทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลาง สะท้อนการมองเห็นและการได้ยิน มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า "เมสเอนเซฟฟาลอน" (Mesencephalon)
            การปิดตาอ่าน คือการใช้คลื่นสมองที่ถูกปล่อยออกมาจากสมองส่วนกลาง เป็นตัวแทนในการอ่านข้อความต่าง ๆ และสาเหตุที่ต้องปิดตาก็เพื่อเพิ่มสมาธิให้มากขึ้น
            ความสามารถนี้ไม่สามารถมองเห็นทะลุเสื้อผ้าได้ เนื่องจากคลื่นสมองที่ถูกปล่อยออกมา แตกต่างกับรังสีเอ๊กซเรย์ ดังนั้นหากสมองจะมองเห็นได้ นั่นหมายความว่าต้องเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
 
 

คลิ ปเด็ก ๆ Power Mind Camp กลุ่มเด็กมีพลังพิเศษ ใน ทูไนท์โชว์

|object height="385" width="640">

 

รายละเอียดของการ กระตุ้นสมองส่วนกลางนั้น เราลองมาดูภาพทำความเข้าใจกันก่อน

 

จุดสีแดงที่อยู่ตรงกลางคือสมอง ส่วนกลาง มันอยู่ในหมวดหยุดทำงาน(Sleeping mode) ก่อนที่จะมีการกระตุ้นสมองส่วนกลาง ความเศร้า และความกดดัน ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สมองส่วนกลางหยุดทำงาน

 

สมองส่วนกลางได้รับการพัฒนาขึ้น ก่อนสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวา เชื่อกันว่าตัวอ่อนในครรภ์สามารถ “เห็น” โลกภายนอกครรภ์ก่อนที่จะคลอดออกมาเสียอีก

 

 

คลื่นสมองแผ่ออกมา จากสมองส่วนกลางภายหลังการกระตุ้น การ ทดสอบการทำงานของสมองส่วนกลางในขณะที่ผู้ทดสอบถูกปิดตา ผลก็คือพวกเขาสามารถ “เห็น” ได้ด้วยคลื่นสมอง แต่บางคนก็ไม่สามารถจะ “เห็น” ได้เพราะว่าคลื่นสมองไม่แรงพอ อย่างไรก็ดีพวกเขาก็ยังสามารถแยกแยะสี และคำต่างๆ ได้ด้วยการสัมผัส ภายหลังการฝึกฝนพวกเขาก็จะสามารถ “เห็น” โดยใช้คลื่นสมองได้

 

เมื่อสมองส่วนกลาง ได้รับการกระตุ้นแล้ว เด็กๆ จะสามารถอ่าน เขียน วาดภาพ ในขณะที่ถูกปิดตาสมองมีสมรรถนะในการ “เห็น” เมื่อไหร่ก็ตามที่ตาสามารถมองเห็น คลื่นสมองไม่เหมือนกับรังสีเอ๊กซเรย์ (X-rays) ที่สามารถทะลุผ่านเสื้อผ้า และกำแพงได้.

 

ซึ่งการมองด้วยสมอง นี้เอง ที่เป็นที่มาของคำ่ว่าเอ็กซ์เมน เมืองไทย แต่ทว่าต่างกันตรงที่ เอ็กซ์เมน เมืองไทย เป็นที่ต้องการของคนรอบข้าง แต่ทว่า X-Men ในหนัง พวกเขากลับถูกต่อต้าน

 

 

และเมื่อพูดถึง X-Men หลายคนคงนึกไปถึงคนแก่หัวโล้นนั่งรถเข็น ศาสตราจารย์เอ็กซ์ หรือ ชาร์ลส ฟรานซิส ซาเวียร์ อัจฉริยะตัวจริง และเป็นมนุษย์กลายพันธุ์พลังจิตที่ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่งของโลก แต่ซาเวียร์เป็นอัมพาตครึ่งตัวตั้งแต่เอวลงไปจนต้องนั่งรถเข็น

 

 

เขาถูกยกย่องให้ เป็นผู้บังคับบัญชาทางด้านการกลายพันธุ์ของยีน พร้อมทั้งเป็นผู้สนับสนุนเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขระหว่างคนและ มนุษย์กลายพันธุ์อย่างจริงจัง โรงเรียนของซาเวียร์ก่อตั้งขึ้นสำหรับหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์ อันเป็นเสมือนแหล่งหลบภัยของมนุษย์กลายพันธุ์ที่ยังอ่อนหัดและเป็นที่ๆ พวกเขาจะได้เรียนรู้การควบคุมพลังที่มหัศจจรย์ของพวกเขาอย่างลับๆ

 

 

ที่ มาจริงๆ ของ เอ็กซ์เมน หรือ x-เม็น ส์ (อังกฤษ: X Men) ความจริงเป็นชุดหนังสือการ์ตูนของมา ร์เวลคอมิค ที่สร้างขึ้นโดย สแตน ลี และ แจ๊ค เคอร์บี้ ประกอบ ไปด้วยเรื่องราวของซุป เปอร์ฮีโร่มนุษย์กลายพันธุ์ เริ่มพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 เป็นต้นมา

 


 

จุด สำคัญที่ทำให้เอ็กซ์เมน แตกต่างจากการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่อื่นๆ นั่นก็คือเรื่องของการต่อต้านมนุษย์กลายพันธุ์ โดยตัวละครมนุษย์กลายพันธุ์ในเรื่องต้องถูกต่อต้านจากกลุ่มมนุษย์ปกติว่า เป็นภัยต่อมนุษย์และจะทำให้สายเลือดของมนุษย์ต้องแปดเปื้อน

 

ซึ่งในหนังอย่างที่ บอกไปแล้วว่า ดร.ชาร์ลส ฟรานซิส ซาเวียร์ ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อการอยู่ร่วมกัน ระหว่างมนุษย์ธรรมดากับมนุษย์กลายพันธุ์.

 

ข้อมูล เกี่ยวกับสมองส่วนกลาง : powermindcamp

                           http://movie.mthai.com/movie-news/69690.html

Credit: http://atcloud.com/stories/85734
14 ก.ค. 53 เวลา 14:42 13,709 58 536
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...