http://www.catdumb.com/old-satellite-still-orbit/
ในปัจจุบันดาวเทียมได้สร้างประโยชน์มากมายให้แก่โลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสื่อสาร การใช้ในด้านการทหารต่างๆ และการมีจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นบนโลกใบนี้ ทำให้มีการใช้ดาวเทียมเพิ่มขึ้นไปด้วย ทุกวันนี้จึงมีดาวเทียมจำนวนมากโคจรอยู่นอกโลกของเรา แต่รู้หรือไม่ว่าดาวเทียมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก็ยังคงโคจรรอบโลกอยู่เหมือนกัน!!
ภาพจรวดที่นำดาวเทียม Vanguard-1 ไปปล่อยยังอวกาศ
เมื่อกว่า 60 ปีก่อนมีดาวเทียมดวงหนึ่งที่ชื่อว่า Vanguard-1 ของกองกำลังสหรัฐอเมริกาได้ถูกส่งขึ้นไปในอวกาศในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.1958 โดยประมาณการ ไว้ว่าดาวเทียมดวงนี้จะสามารถโคจรรอบโลกไปได้อีกหลายร้อยปี โครงการ Vanguard เป็นโครงการดาวเทียมดวงแรกของสหรัฐอเมริกาที่ประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นหัวจรวดที่นำดาวเทียมขึ้นไปสู่อวกาศ ส่วนของตัวดาวเทียม และส่วนของสถานีการติดตาม ในวันที่ 6 ธันวาคม ปี 1957 เหล่านักการเมือง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งโลกได้มารวมตัวกันที่แหลม Canaveral รัฐ Florida เพื่อดูการทดสอบการปล่อยหัวจรวดของโครงการ Vanguard
นับจากการนับถอยหลังสิ้นสุดลงในเวลา 11.44 น. หัวจรวด Vanguard ได้ออกจากแท่นปล่อย และในไม่กี่วินาทีต่อมา ใครคนหนึ่งในห้องควบคุมได้ตะโกนออกมาว่า “ระวัง พระเจ้าช่วยด้วย ไม่!!” หลังจากสิ้นสุดเสียงตะโกน หัวจรวดก็ได้แตกออกกลางอากาศ และได้ร่วงลงสู่พื้นดินเหมือนลูกบอลที่กำลังติดไฟอยู่เลยทีเดียว และหลังจากที่ได้เคลียร์พื้นที่แล้ว ก็พบส่วนที่เป็นดาวเทียมที่ขึ้นไปพร้อมกับหัวจรวดยังคงใช้งานได้อยู่
ภาพการทดสอบปล่อยหัวจรวด
โดยหนังสือพิมพ์ New York Times ในขณะนั้นได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า “การที่หัวจรวดระเบิดเหมือนระเบิดศักดิ์ศรีของความเป็นอเมริกาไปด้วย” ขณะที่บางคนก็ได้บอกว่า “เป็นความอัปยศหดสูแก่สหรัฐอเมริกา” สำหรับทีมพัฒนาโครงการนี้พวกเขากลับคิดต่าง โดยบอกว่า “มีความล้มเหลวมากมายในงานวิจัยที่ประสบความความสำเร็จรวมทั้งการพัฒนาสิ่งต่างๆ ”
รูปร่างหน้าตาของดาวเทียม Vanguard-1
จนกระทั่งเดือน มีนาคมปี 1958 อเมริกาได้พยายามส่งเจ้า Vanguard-1 ขึ้นสู่อวกาศอีกครั้งและครั้งนี้ได้ประสบความสำเร็จ เจ้าดาวเทียมนาดจิ๋วนี้ได้ส่งส่งสัญญาณวิทยุกลับมาเป็นครั้งแรก และด้วยการที่ดาวเทียมดวงนี้ใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ทำให้มันยังคงสามารถส่งสัญญาณกลับมาได้จนกระทั่งปี 1965 เลยทีเดียว แม้ว่า Vanguard-1 จะไม่ใช่ดาวเทียมดวงแรกที่ออกสู่นอกโลก แต่โครงการนี้ก็ถูกจดจำในฐานะความสำเร็จหนึ่งในการพัฒนาการปล่อยหัวจรวด การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการพัฒนาเครือข่ายสถานีภาคพื้นดิน
ดาวเทียมดวงนี้ทำให้เราเห็นถึงความกลมของโลก ความหนาแน่นของชั้นบรรยากาศ และขนาดของโลกเมื่อไม่มีชั้นบรรยากาศปกคลุม โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกใช้พัฒนายานอวกาศในอนาคต นอกจากนี้โครงการนี้ยังทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจได้ถึงแรงดึงดูดของโลก และเข้าใจถึงระยะเวลาที่ดาวเทียมจะสามารถโคจรรอบโลกก่อนที่จะเสื่อมสภาพไป นั่นเอง
ที่มา http://www.bbc.com/future/story/20171005-the-worlds-oldest-scientific-satellite-is-still-in-orbit