http://www.catdumb.com/fake-disease-doctor-064/
เป็นที่ทราบกันดีกว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพนาซีได้สร้างค่ายกักกันชาวยิวและชนกลุ่มน้อยอันแสนโหดเหี้ยมขึ้นมาทั่วยุโรป จนมีผู้เสียชีวิตนับล้านคนจากค่ายกักกันเหล่านั้น แต่ท่ามกลางความโหดร้ายที่เกิดขึ้นโลกได้รู้จักฮีโร่ผู้ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น ออสการ์ ชินด์เลอร์ นายทหารนาซีผู้แอบช่วยชาวยิวนับพันให้รอดชีวิตจากค่ายกักกัน หรือ ชิอุเนะ ซุงิฮะระ เจ้าหน้าที่กงศุลญี่ปุ่นผู้ออกวีซ่าช่วยชาวยิวหลายพันคนให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนาซี
และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับนายแพทย์อีกท่านที่ช่วยชีวิตชาวยิวกว่า 6,000 คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยการสร้างโรคระบาดปลอมๆ ขึ้นมา เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า คุณหมอคนนี้มีชื่อว่า ยูจีน ลาซอฟสกี้ เขาเป็นนายทหารเสนารักษ์ประจำกองทัพโปแลนด์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาและเพื่อนทหารเสนารักษ์อีกคนชื่อว่า สแตนิสลอว์ มาตูเลวิช ค้นพบว่าหากพวกเขาฉีดแบคทีเรียที่ตายแล้วเข้าไปในตัวคนไข้ คนไข้จะมีผลเลือดเหมือนคนเป็นโรคไข้รากสาดใหญ่
โดยตอนแรกเขาใช้วัคซีนนั้นกับเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่อยากกลับเข้าไปทำงานในแคมป์นรกของพวกนาซี ซึ่งเมื่อกองทัพนาซีได้ทำการตรวจเลือดของเพื่อนคนดังกล่าว เขาก็ถูกสั่งห้ามไม่เข้าให้มาทำงานในแคมป์อีกต่อไปเพราะหวั่นเกรงว่านำโรคระบาดไปแพร่สู่แรงงานและทหารคนอื่นๆ หลังจากนั้นเขาก็ฉีดวัคซีนโรคปลอมให้กับคนไข้ทุกคนที่เข้ามารักษากับเขา ทำให้พวกเขาไม่ต้องกลับเข้าไปในค่ายนรก
ซึ่งสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้กับกองทัพนาซีเป็นอย่างมาก จนเมื่อจำนวน “ผู้ติดเชื้อ” เพิ่มสูงขึ้น ทางกองทัพนาซีก็สั่งปิดเมืองดังกล่าวทันทีทำให้ชาวเมืองไม่ต้องไปค่ายกักกันหรือเข้าแคมป์ทำงานอีก และกองทัพนาซีก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งกับเมืองดังกล่าวอีกด้วย
แม้ภายหลังกองทัพนาซีจะส่งทีมแพทย์เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง แต่ด้วยฝีมือการแสดงละครอันแสนแนบเนียนของคุณหมอทำให้แผนการนี้สามารถดำเนินไปได้เรื่อยๆ นอกจากนี้เขายังฝ่าฝืนคำสั่งของกองทัพนาซีที่ห้ามให้ความช่วยเหลือแก่ชาวยิว ด้วยการทำการรักษาชาวยิวที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เขาเกือบตายหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความดีที่เขาทำ ทำให้มีคนคอยช่วยเหลือเขาโดยตลอดแม้กระทั่งทหารนาซีเองก็ตาม
ว่ากันว่าเขาสามารถช่วยชีวิตชาวยิวได้มากกว่า 6,000 คนในช่วงที่มีการสู้รบ หลังสงครามจบลงเขาได้อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ที่มา http://www.holocaustforgotten.com/eugene.htm