10 อันดับที่ผมเอามาเสนอนั้น แต่ละเล่มแม้จะผ่านไป 100 กว่าปี มันกลับยิ่งมีคุณค่า ขึ้นหิ้วบูชา เพราะแต่ละเล่มนั้นทำให้โลกนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
อันดับ 10 Principia Mathematica
เนื้อหาจาก http://www.school.net.th/library/snet3/dr_sutat/princip.htm
Principia Mathematicaเป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษนาม เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นในปี 1665 ในช่วงเกิดกาฬโรคระบาดในประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัย ต่างๆ ต้องปิดการเรียนการสอน นิวตันจึงต้องกลับไปพักอยู่กับมารดา ช่วงเวลา 18 เดือน ที่นั่นเป็นระยะเวลาที่สำคัญมากที่สุดระยะหนึ่งของมนุษยชาติ เพราะในช่วงเวลานั้นนิวตันได้พบ สาเหตุที่ทำให้สรรพสิ่งต่างๆ ในจักรวาลเคลื่อนที่ได้
เซอร์ไอแซคนิวตันจึงลงมือเขียนในสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ใน หนังสือชื่อ Philosophie Naturalis Principia Mathematica หนังสือเล่มนี้เป็นที่รู้จักกันในนามสั้นๆ ว่า Principia และหนังสือเล่มนี้ถูกพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรกในปี 1687 มีจำนวนพิมพ์ 500 เล่ม คนที่ได้อ่าน Principia ในสมัยนั้นมีเพียงไม่กี่คน ที่เข้าใจ แม้กระทั่ง นักวิทยาศาสตร์บางคนที่อ่านมัน ก็ยังกล่าวถึง Principia ว่าอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
แต่ ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ยอมรับว่า Principia คือสิ่งมหัศจรรย์ ทางปัญญาได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่ สำคัญมากที่สุดชิ้นหนึ่งของวงการฟิสิกส์ และเป็นผลงานที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงแนวคิดโดยสิ้นเชิง เพราะสมัยก่อนนั้นความเข้าใจเกี่ยวกับโลกของเรานั้นยังผิดกับความจริงมาก เพราะหลายคนคิดว่าโลกแบน แต่หนังสือ Principia ได้ให้คำอธิบายที่ ชัดเจนเกี่ยวกับดวงดาว, แรงดึงดูดโลก, ดวงจันทร์โคจรรอบโลก สามารถอธิบายได้ด้วยกฎๆ เดียวกัน เขายังแสดงให้เห็นอีกว่าดวงจันทร์ทำให้ เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และดาวหางเป็นเพียงดาวดวงหนึ่ง ของสุริยจักรวาล รวมไปถึงโลกไปแบน สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้แบบจำลองจักรวาลของอริสโตเติลและปโตเลมี อีกทั้งความเชื่อเรื่องเทหวัตถุที่สืบทอดมาอย่างยาวนานต้องพบกับจุดจบ และก่อให้เกิดวิชาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ยุคใหม่ขึ้นมาแทน(ก่อให้เกิดวิชา Calculus) และส่งผลให้ คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้ประกาศยอมรับอย่างเป็นทางการว่า แนวคิดเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลของกาลิเลโอนั้นถูกต้อง ทำให้กาลิเลโอถูกล้างมลทิฐแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
อันดับ 9 The Analects
http://www.bangkokbookclub.com/product.detail.php?lang=th&cat=44994.52074&id=317105
The Analects หรือคำสอนของขงจื๊อ หรือ คัมภีร์หลุนอวี่เป็นหนังสือที่บันทึกคำสอน บทสนทนาและการปฎิบัติตนของขงจื๊อ ปรัชญาเมธีชาวจีน ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วง 551-479 ปี ก่อนคริสตกาล เนื้อหาเป็นบทประพันธ์ของบทสนทนา คำสอน และวาทะของขงจื๊อ ขณะที่ตอบคำถามของลูกศิษย์(ชั่วชีวิตของขงจื๊อมีลูก ศิษย์ทั้งสิ้นกว่าสามพันคน ในจำนวนนั้นมีศิษย์เอก 72 คน) ตอนนั้น เหล่าศิษยานุศิษย์ของขงจี๊อต่างมีบันทึกของตน เมื่อขงจื๊อถึงแก่กรรมแล้ว ศิษย์ขงจื๊อเหล่านี้ก็นำบันทึกของตนมารวบรวมกัน ซึ่งก็คือคัมภีร์หลุนอวี่ ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์หลุนอวี่จึงมิใช่บทประพันธ์ของขงจื๊อเอง แต่เป็นการรวบรวมบันทึกของลูกศิษย์ขงจื๊อหลังจากขงจื๊อถึงแก่กรรม ส่วนตัวขงจื๊อเองนั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านได้สร้างงานเขียนใดไว้หรือไม่
The Analects เป็น คัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนของขงจื่อได้สมบูรณ์ที่สุด เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลในความคิดและวัฒนธรรม การก่อตัวของความคิดทางการเมืองในสังคมศักดินาของจีน เป็นคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหลังความเจริญของจีนมากกว่า 2,500 ปี มีตำนานเล่าว่ามีผู้นำยิ่งใหญ่หลายคนปกครองแผ่นดินจีนโดยทั้งชีวิตเขาอ่าน แต่หนังสือ The Analects เพียงครึ่งเล่มเท่านั้น แนวความคิดของขงจื่อได้ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็น เวลาถึง 20 ศตวรรษ โดยหลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม และ ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจ ปัจจุบันจีนได้นำแนวคิดในหนังสือเรื่องนี้นำมาใช้จนทำให้ประเทศจีนเป็นมหา อำนาจยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบัน
อันดับ 8 The Interpretation of Dreams
เนื้อหาจาก http://deltadrive.exteen.com/category/Psychology/page/2
อ่าน เนื้อหาได้ที่ http://www.psywww.com/books/interp/toc.htm
The Interpretation of Dreams เป็นหนังสือเล่มแรกของผลงานของนักจิตวิทยานาม ซิกมันด์ ฟรอยด์ (ไม่นับ Studies in Hysterias ที่ เขียนร่วมกับโจเซฟ บรูเยอร์) เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลอย่างมากที่ก่อให้เกิดวิชาจิตวิเคราะห์ หรือจิตวิทยายุคใหม่ และภายหลังจากมันถูกตีพิมพ์ในปี 1899 มนุษยชาติจะมีความคิดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
The Interpretation of Dreams (วิเคราะห์ความฝัน) ซิกมันด์ ฟรอยด์เขียนขึ้น โดยใช้ประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ เอาความฝันของคนไข้มาวิเคราะห์ รวมไปถึงความฝันของตัวเองด้วย และคิดเป็นทฤษฎี จนเมื่อปี 1900 ฟรอยด์ได้ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกจำหน่าย ซึ่งจริงๆแล้วฟรอยด์เขียนหนังสือเล่มนี้เสร็จก่อนหลายปี แต่รอจังหวะขึ้นศตวรรษใหม่จึงได้ตีพิมพ์ โดยเนื้อหาหนังสือเล่มนี้มีกล่าวถึง การวิเคราะห์ความฝัน โดยใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับความฝันของฟรอยด์ ซึ่งอธิบาย วิเคราะห์ความฝันหลาย ๆ แบบ ตัวอย่างได้แก่ ความฝันเกี่ยวกับความตายของผู้เป็นที่รักหมายความว่าอย่างไร ความฝันที่เกิดจากความวิตกกังวลมีความสำคัญอย่างไร ความฝันเกี่ยวกับการว่ายน้ำ การตกลงมาจากที่สูง ความฝันที่มนุษย์ฝันถึงบ่อยที่สุดคืออะไรและเหตุใดเราจึงฝันเช่นนั้น
แน่ นอน The Interpretation of Dreams มีอธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่าง มาก เพราะปกติเรื่องของความฝันสมัยก่อนถือว่าเป็นเรื่องงมงาย ไสยศาสตร์ เวทย์มนตร์ สิ่งลึกลับ ไม่มีการศึกษาอย่างจริงจัง เก็บข้อมูลเป็นระบบ เพราะในสมัยก่อนนั้นมนุษย์ชาติไม่เข้าใจในเรื่อง “จิตวิทยา” เสียเลย พวกเขาไม่รู้เรื่องทำงานของสมอง และจิตใจ พวกเขาใช้เรื่องศาสนามาอธิบายในเรื่องต่างๆ เช่นบางเรื่องเป็นฝีมือของภูตผี บางเรื่องเกิดจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติเป็นต้น แต่ฟรอยด์กลับรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ ศึกษามันอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ เมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ขึ้นมาส่งผลให้มนุษย์มีแนวคิดใหม่มากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยต้องมีเหตุและผล
อันดับ 7 Canon Of Medicine
เนื้อหาจาก http://th.wikipedia.org
อวิเซนนา (Avicenna) (ค.ศ. 980-1037) เป็นนักปราชญ์ชาวเปอร์เซียที่ได้ชื่อว่า "บิดาของการแพทย์แผนใหม่" ที่มีบทบาทด้านสาธารณสุข เขายังเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของเจ้าชายต่าง ๆ ในช่วงบั้นท้ายชีวิตเขาได้เป็นรัฐมนตรีของรัฐ เขายังเขียนหนังสือปทานุกรมคำศัพท์, สารานุกรมศัพท์ ในหัวข้อต่างๆ เช่นการแพทย์, ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ, ดนตรี, เศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ ยังเป็นกวี ที่มีผลงานได้รับความนิยมในโลกอาหรับ ผลงานที่สำคัญที่สุดคือ ชุด Canon of Medicine ที่นำรากฐานมาจากฮิปโปเครติส, อริสโตเติล,ไดออสครอไรด์, กาเลน และบุคคลสำคัญวงการแพทย์อื่น ที่มีแทรกทฤษฏีและการสังเกตของเขา
Canon of Medicine (ราวทศวรรษที่ 1020) มีเนื้อหาทางด้านเภสัชวิทยาต้นไม้สมุนไพร นอกจากนั้นยังมีเนื้อหา ว่าได้พบการติดต่อกันได้ของวัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการกระจายของโรคผ่านทางน้ำและดิน เขายังเสนอวิธีการกักกันแยกผู้ป่วยไม่ให้โรคติดต่อแพร่กระจาย และเขายังใช้วิธีการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง และเสนอแนวคิดของกลุ่มอาการในการวินิจฉัยโรคเฉพะ
Canon of Medicine ถือเป็นตำราพื้นฐานแพทย์ที่สำคัญของโลกมุสลิมและคริสเตียน ในการศึกษาเภสัชวิทยา และการวินิจฉัยโรคเฉพาะ ที่ใช้สอนในโรงเรียนแพทย์ยุโรปจนถึงปี 1650 แต่ทฤษฎีของเขาก็ดูด้อยความเชื่อถือลงเมื่อลีโอนาร์โด ดา วินชี ปฏิเสธตำรากายวิภาคของเขา, พาราเซลลัส เผาสำเนาตำรา Canon of Medicine ที่ใช้สอนกันในสวิสเซอร์แลนด์ และวิลเลียม ฮาร์วีย์ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ล้มทฤษฎีของเขาในเรื่องการค้นพบระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายคน
อันดับ 6 The Histories
เนื้อหา http://th.wikipedia.org
เฮ โรโดตุสจาก (Herodotus)เป็นนักประวัติ ศาสตร์ชาวกรีกซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 500 ปีก่อน ศริสต์กาล (484 -425 B.C.E) เขาได้รับสมญาว่า "บิดาแห่งประวัติศาสตร์"เขาได้เขียนหนังสือ "The Histories "ออกเป็นเก้าเล่ม โดยมีเนื้อหาสาระเน้นสงครามระหว่างกรีกกับเปอร์เซีย ในปีที่ 490 ก่อนคริสต์กาล ที่สมรภูมิมาราธอน นอกจากนี้ยังเขียนเขียนพรรณนาถึงสถานที่และบุคคลต่าง ๆ ที่เขาพบในขณะเดินทาง(เฮโรโดตุสได้เดินทางท่องเที่ยวศึกษาทั่วดินแดนในเอ เชียไมเนอร์และตะวันออกกลาง)
หนังสือ "The Histories "ของเฮโรโดตุสได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือของบุคคลแรกของยุโรป ที่บันทึกประวัติศาสตร์เป็นร้อยแก้ว ในขณะที่คนอื่นในยุคนั้น เช่น โฮเมอร์บันทึกเรื่องราวเป็นกาพย์กลอน งานของเฮโรโดตุสนอกจากเป็นการบันทึกอย่างมีศิลปะชั้นเยี่ยมแล้ว ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกบันทึกประวัติศาสตร์ ไม่เฉพาะแต่ประวัติศาสตร์ของกรีกแต่รวมถึงประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันตกและ อียิปต์ และในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหา ภูมิศาสตร์ และมนุษยวิทยาของประเทศที่เขาเดินทาง รวมทั้งการพรรณาถึงป่าแอฟริกาตอนใต้ที่ได้พบเห็นสัตว์นานาชนิด ทั้งสิงโตและช้าง ในระหว่างการเดินทางเฮโรโดตุสได้จดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบเห็นไว้ อย่างละเอียด จึงนับเป็นรายงานการสำรวจดินแดนชิ้นแรกของโลกได้ด้วย
ใน ทางกลับกัน มีการถกเถียงกันมากในภายหลังถึงวิธีการวางโครงบันทึกประวัติศาสตร์สงครามของ เฮโรโดตุส ว่าเขาเป็นนักหลอกลวง เนื่องเพราะเขาพรรณาที่มีการเสริมแต่งเกินจริงและการบันทึกรายละเอียดที่เขา พบเห็นสิ่งแปลกใหม่บ้างที่เหลือเชื่อเกินควร เช่น ความเป็นอยู่ที่แปลกประหลาดที่เห็นผู้หญิงทำงานนอกบ้าน ผู้ชายทำงานบ้านเย็บปักถักร้อย การอ่านหนังสือที่อ่านจากขวาไปซ้าย วัวเดินถอยหลังขณะก้มกินหญ้าเพื่อไม่ให้เขาของมันปักลงในดิน เป็นต้น
อันดับ 5 On Liberty
จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill, 1806-1873 เป็นนักปรัชญาการเมืองชาวสก็อต และเป็นนักเขียนคนหนึ่ง ที่เป็นเจ้าของผลงาน “ว่าด้วยเสรีภาพ (On Liberty)” ตี พิมพ์ออกมาในปี ค.ศ. 1859 เป็นหนังสือที่ชื่อว่า เป็นหนังสือสำคัญในชีวิตของเขาและของโลก เนื่องจากเนื้อหานั้นเป็นงานวรรณกรรมทางปรัชญาทางกฎหมาย สิทธิเสรีภาพของพลเมือง ที่สนับสนุนเสรีนิยมของปัจเจกชน หนังสือนี้ได้แพร่หลายอยู่ทั่วไปในประเทศอังกฤษ มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวความคิดทางการเมืองสมัยใหม่และถูกใช้อ้างอิงมากที่ สุดเล่มหนึ่ง นอกจากนี้เขายังสนับสนุนให้ตลาดทำงานเสรีโดยปราศจากการแทรกแซง เรียกร้องให้ทุกคนมองเห็น "ความจำเป็น" ในการมีเสรีภาพส่วนบุคคล คุณธรรมในคริสต์ศาสนาจะปราศจากคุณค่าต่อมนุษย์
อันดับ 4 The Republic
http://www.horhook.com/section/sec3science/scientist/Plato.htm
เปลโต (Plato) เป็นลูก ศิษย์ของโซคราตีส (Socrates) เป็นนักปรัชญากรีกที่มีแนวคิดโดดเด่น และซับซ้อน ส่งผลต่อปรัชญาตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน เขาได้เขียนหนังสือเรื่องชื่อภาษา ไทยว่า “สังคมอุตมรัฐ” The Republic ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำให้โลกรู้จักเขาจนถึง ปัจจุบัน ที่รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือสำคัญทั้งในด้านปรัชญา รัฐศาสตร์ กฎหมาย การศึกษา และวรรณคดี แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานกว่า 2,500 ปีแล้ว แต่หลักการปรัชญาของเพลโตก็ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวความคิดของการศึกษา ด้านต่าง ๆ ในปัจจุบัน
โดยเนื้อหา The Republic นั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ การเมืองในความคิดของเพลโต แนวความคิดภายในหนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นจากสภาพการเมือง ในกรุงเอเธนส์ที่วุ่นวายอย่างมากในขณะนั้น หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่ สุดเล่มหนึ่ง ทั้งในขณะนั้นและต่อมาจนถึงปัจจุบัน คน ที่เรียนรัฐศาสตร์ทั่วโลก ต้องได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการศึกษาปรัชญาทางการเมืองในอดีตและหนังสือ เล่มนี้ได้เป็นหนังสือเรียนในวิชารัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง หลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เป็นต้น
อันดับ 3 Lady Chatterley’s Lover
ดี.เอช. ลอว์เรนซ์ (D.H. Lawrence) (ค.ศ. 1885 –ค.ศ. 1930)เป็นนักประพันธ์,กวี,นักเขียนบทละคร,นักเขียนบทความ และนักวิพากษ์วรรณกรรมชาวอังกฤษโดยผลงานที่ขึ้นชื่อของเขาคือเรื่อง Lady Chatterley's Lover(ชู้รักเลดี้แชตเตอร์เลย์) เป็นสุดยอดสุดยอดวรรณกรรมของ ดี ที่ถูกแบน30ปี (เขียนเสร็จในปี 1928 แต่กว่าจะจำหน่ายก็ 1960)และเป็นจุดกำเนิดการเซ็นเซอร์จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีเนื้อหาทางเพศโจ๋งแจ้งมากไปเป็นนิยายอีโรติก ความรักความใคร่ระหว่างนายสาวกับคนเฝ้าสวนที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ศีลธรรมจรรยา นอกจากนี้LadyChatterley's Loverเป็น สาเหตุที่ทำให้ลอว์เรนซ์มีศัตรูหลายคนและการเผชิญหน้ากับการถูกกล่าวหา,การถูกเซ็นเซอร์และการถูกตีความหมายอย่างผิดๆ เมื่อลอว์เรนซ์เสียชีวิตผู้คนถึงเริ่มสรรเสริญคุณค่าของงานของลอว์เรนซ์ใน ด้านความมีศิลปะและความจริงจังทางจริยธรรรมและถือว่าระดับงานเขียนเทียมเท่า งานเขียนระดับคลาสสิคของนวนิยายอังกฤษในปัจจุบันงานเขียนของลอว์เรนซ์โดย ทั่วไปเห็นกันว่าเป็นงานเขียนของผู้เห็นการณ์ไกลและเป็นงานตัวอย่างของการ เขียนแบบสมัยใหม่นิยมแม้ว่าผู้สนับสนุนสิทธิสตรีบางคนจะประท้วงทัศนคติของ ลอว์เรนซ์เกี่ยวกับสตรี และเรื่องเพศในงานบางชิ้นก็ตาม ปัจจุบันLadyChatterley's Loverห้ามชั่วคราวในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามกฎหมายว่า ด้วยการอนาจารและถูกห้ามชั่วคราวในออสเตรเลีย
อันดับ 2 The Canterbury Tales
เนื้อหา http://th.wikipedia.org