read:http://www.liekr.com/post_155508.html
ปิดตำนานบ้านสุดดื้อดึงแห่งถนนซ่งเจียง คุณตาเจ้าของบ้านยอมให้รัฐบาลเวนคืนในที่สุด หลังตั้งขวางถนนมานานกว่า 14 ปี คาดปัญหารถติด-อุบัติเหตุ จะลดลงในอนาคต เพราะไม่มีสิ่งกีดขวางแล้ว
ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ขับขี่ผ่านถนนสายหลักในเขตอำเภอซ่งเจียง นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นประจำ จะทราบกันดีว่าถนนเส้นนี้ไม่เหมือนที่ไหนในโลก ไม่ใช่เพราะความคดเคี้ยวหรือลาดชันแต่อย่างใด มันคือถนน 4 เลนธรรมดา ๆ แต่มันจะมีจุดหนึ่งที่รถสามารถผ่านได้แค่ 2 เลนเท่านั้น เพราะมันมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางถนน ใช่แล้ว มันคือบ้าน 3 ชั้นจริง ๆ ที่มีคนอาศัยอยู่
เรื่องราวของบ้านหลังนี้ถูกนำมาเปิดเผยโดยเว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 โดยบ้านหลังดังกล่าวตั้งอย่างทรนงบนถนนแบบนั้นกว่า 14 ปี เจ้าของบ้านก็ดื้อดึงไม่ยอมย้ายไปไหน จนมันกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนคุ้นเคยไปแล้ว และในประเทศจีนอันกว้างใหญ่นั้น ไม่ได้มีแค่บ้านในลักษณะแบบนี้แค่เพียงหลังเดียว แต่มีอีกมากมายหลายแห่ง บ้านแบบนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า "บ้านตะปู" (Nail House) ตามความหมายด้านความดื้อดึงของมัน เพราะเจ้าของไม่ยอมย้ายหนีไปไหน แม้ว่าพื้นที่โดยรอบจะพัฒนาไปแล้วก็ตาม ปักหลักเหนียวแน่นราวกับตะปู (Nail) ที่ตอกข้างฝาเลยทีเดียว
บ้านตะปู 3 ชั้น ที่ปักหลักเหนียวแน่นอยู่บนถนนซงเจียง อยู่มานานถึง 14 ปี ไม่ยอมย้ายไปไหน
ถึงแม้ว่ารถที่ขับผ่านมาทางนี้จะสามารถเบี่ยงเลนออกไปใช้ช่องทางแคบ ๆ ข้างตัวบ้านได้ แต่ปัญหาก็คือ ไม่ใช่รถทุกคันสามารถทำได้แบบนั้น ด้วยความที่บ้านกินพื้นที่ถนนถึง 2 เลนเต็ม ๆ มันจึงเป็นต้นเหตุของรถติด อีกทั้งอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
คุณตาซูหยงเถา ชายชราวัย 87 ปี ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ต่อสู้กับรัฐบาลอย่างดื้อรั้นมาเป็นเวลาหลายปี เจรจาอย่างไรก็ไม่ยอมย้าย จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ ลดความดื้อดึงลง และยอมเซ็นโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้รัฐบาลเวนคืนในที่สุด แลกด้วยสิ่งชดเชยเป็นอพาร์ตเมนต์ 4 ห้องนอน พร้อมด้วยเงินสด 2.3 ล้านหยวน (ราว 11 ล้านบาท) เป็นการปิดฉากบ้านตะปูอันเลื่องชื่อแห่งถนนซงเจียงอย่างเป็นทางการ
ถนนซงเจียง หลังจากที่ทางการรื้อบ้านตะปูออกไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 90 นาที ในการทุบทำลายบ้านตะปูหลังนี้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะใจหายบ้างที่บ้านอันเป็นเอกลักษณ์หายไป แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะโล่งใจ เพราะจะสามารถใช้ถนนได้ 4 เลนเต็ม ๆ แล้ว คาดว่าในอนาคต ปัญหาอุบัติเหตุและรถติดน่าจะลดลงได้มากเลยทีเดียว
ที่มา http://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_1797532