เมื่อนาซีค้นหาแอตแลนตีส


บรูโน เบเกอร์(bruno beger)

 นักมนุษย วิทยาที่เข้าร่วมคณะค้นหาต้นตออารยันที่ธิเบต

 

                หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้สิ้นสุด เยอรมันเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ตอนนั้นสัมพันธ์มิตรเข้าค้นห้องของมือขวาคนสนิทของฮิตเลอร์นาม ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ เมื่อปีค.ศ.1945 พวกเขาได้พบหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับเล่มหนึ่งที่รวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีเล่มหนึ่งชื่อ “ทฤษฎีน้ำแข็งโลก(The World Lce Theory) โดยเอิร์นสต์ เฮอร์บิเกอร์ ผู้แต่งอ้าวไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์ดีเลิศนั้นมาจากอวกาศมาลงที่เกาะแอตแลนตีส และคนพวกนั้นได้สร้างอารยธรรมที่ล้ำยุคกว่าอารยธรรมอื่นขึ้นที่นั่น แต่แล้ว แผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากอากาศหนาวเย็นได้ผลักดันให้พวกเขาต้องอพยพหนีไปอยู่ ที่อื่น และคนพวกนี้ได้เป็นผู้ถ่ายทอดอารยธรรมให้อียิปต์และกรีก

                ดูเหมือนว่าฮิมม์เลอร์จะเชื่อเรื่องในหนังสือเรื่องนี้มากๆ และยังเชื่ออีกว่าชาวแอนแลนตีสที่อพยพมานั้นได้สืบเชื้อสายกลายมาเป็นชาว เยอรมันในปัจจุบัน ส่วนสายอื่นๆ กระจัดกระจายไปทั่วโลก ในสายตาของเขา”ชาวอารยัน”นั้นเป็นสายพันธุ์มนุษย์ที่เลิศกว่ามนุษย์อื่นๆ เสมือนพระเจ้าเลยทีเดียว และความคิดของฮิมม์เลอร์จึงได้สร้างสายเลือดใหม่คือหน่วยเอสเอส(SS)องค์กรที่ แนน่ากลัวของนาซีเยอรมัน

               
               และ เพื่อเป็นการพิสูจน์ทฏษฎีของเขาเป็นเรื่องจริง ฮิมม์เลอร์ได้ส่งคนออกไปสำรวจที่ไอซ์แลนด์ กรีนแลนด์ อเมริกากลาง รวมทั้งธิเบตด้วย เพื่อจะค้นหาหลักฐานทางโบราณคดีและเผ่าพันธุ์ของสายเลือดที่ล้ำมนุษย์ที่ได้ กระจัดกระจายไปจากแอตแลนตีสและอาวุธมหาประลัยของอารธรรมโบราณ นอกจากหนังสือของเฮอร์บิกอร์แล้ว ยังมีชาวออสเตรีย ชื่อ เฮอร์เบิร์ต วิลลีกุต ซึ่งฮิมม์เลอร์นับถือเป็นอาจารย์ที่ช่วยเสริมความเชื่อเรื่องเผ่าพันธุ์ที่ เหนือคนอื่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

                คาร์ล โวลฟ์ นายทหารคนสนิทของฮิมม์เลอร์เป็นผู้แนะนำคนผู้นี้กับฮิมม์เลอร์ โดยบอกว่า “เขาเคยเป็นนายพันเอกในกองทัพบกออสเตรียมาก่อน เขาได้รับชื่อใหม่จากเรา(หน่วยเอสเอส)ว่าไวส์ธอร์....”ธอร์”เป็นเทพเจ้ายิ่ง ใหญ่ของเยอรมัน และ “ไวส์”หมายความว่า เขามาจากครอบครัวผู้ฉลาด และเขารับผิเดชอบการปลุกสำนักในคติโบราณก่อนสมัยคริสเตียน เขาแลเห็นว่าหน้าที่ในชีวิตของเขาก็คือการถ่ายทอดวามรู้และประสบการณ์ของเขา แก่ชาวเอสเอสผู้ซึ่งในอนาคตจะเป็นผู้ถูกเลือกให้เฝ้าอาณาจักรไรซ์พันปี”

                ระหว่างปี 1933-39 วิลลีกุต หรือไวส์ธอร์อยู่ในหน่วยเอสเอสและได้รับมอบหมายให้ทำงานค้นคว้าเรื่องราว ก่อนยุคประวัติศาสตร์ เหตุที่เขาทำหน้าที่นี้ ก็เพราะเขาอ้างว่าตนเองสืบเชื้อสายจากนักปราชญ์เยอรมันในยุคก่อนประวัติ ศาสตร์ และยังอ้างอีกด้วยว่าเขาสามารถระลึกชาติเห็นเหตุกาณณ์ในอดีตของเผ่าพันธุ์ ของเขาได้ไกลนับพันปี ดังนั้นเขาสามารถประกอบพิธีกรรมตามแบบฉบับชาวเยอรมันได้

                “เขาเป็นคนที่น่าสนใจทีเดียว”โวลฟ์พูดถึงวิลลีกุต “เขาเป็นคนชี้ให้ผมดูสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนเยอรมันที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เลยและเขาอธิบายเรื่องเหล่านี้จนตลอดสัญลักษณ์และอักขระโบราณต่าองๆให้เรา ได้ฟัง”

                มีอยู่ครั้งหนึ่งฮิมม์เลอร์ต้องการปราสาทสำหรับหน่วยเอสเอส ในปี 1933 เขาได้อาศัยความรู้ของวิลลีกุดเพื่อหาที่อยู่ จนพบปราสาทที่ถูกโฉลก โดยเขาบอกว่ามีพลังมหาศาจเพราะมันอยู่ใจกลางของเยอรมันพอดี เป็นอันว่าปราสาทแห่งนี้ก็กลายเป็นที่อยู่ของฮัศวินเอสเอสของเขาทันที

               

                ฮิมม์เลอร์เป็นผู้สนใจโบราณคดีมาก เขาจึงได้ก่อตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ในปี 1935 เรียกว่า อานน์เบอ(Ahnerbe) หรือกรมมรดกบรรพชน ประกอบด้วยคณะทำงานที่เป็นคนของเขาทั้งสิ้น คนเหล่านี้มีหน้าที่ออกสำรวจด้านโบราณคดีทั่วโลก

                ในปี 1934 กาบรีเลอ วิงเคลอร์ ผุ้ช่วยของวิลลีกุตที่ทำงานอยู่ในกรุงเบอร์ลิน เกิดไปพบหนังสือเล่มหนึ่งเรื่องอัศวินกับจอกศักดิ์สิทธิ์(The Crusade Against the Grail) หนังสือเล่มเขียนโดยเด็กหนุ่มอายุ 28 ปี ชื่อฮ็อตโต ราน เป้นหนังสือเล่มหนาเล่าถึงพวกนิกายคาธาร์ในยุคกลาง คนพวกนี้เป็นอัศวินเยอรมันที่ยึดถือคติความเชื่อของชนเผ่าเยอรมันสมัยโบราณ อย่างเหนียวแน่น และเป้นพวกเก็บรักษาจอกศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ปราสาทของพวกเขาบนภูเขาปีเรนีสทาง ตอนใต้ของฝรั่งเศสจอกนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ เพราะเป็นจอกที่พระเยซูใช้ดื่มเหล้าองุ่นก่อนที่พระองค์จะถูกจับตรึงกางเขน

                เพราะหนังสือเล่มนั้นเอง รานจึงถูกเชิญไปเบอร์ลิน และดำเนินแผนการค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามคณะของรานก็ไม่ได้จัดคณะค้นหาจอกนี้ แต่รานได้ออกไปสำรวจสถานที่อื่นที่ฮิมม์เลอร์คิดว่าสำคัญกว่า คือ ย่านอาร์ติก ในไอซ์แลนด์และกรีนแลนด์เพื่อค้นหาหลักฐานโบราณคดีเกี่ยวกับแอตแลนตีสและต้น กำเนิดของชาวอารยันตามทฤษฏีน้ำแข็งของพวกเขาแต่ก็ไม่พบอะไรเลย

                ต่อมาฮิมม์เลอร์ก็ได้ทราบข่าวว่าเอิร์นสต์ แชฟเฟอร์ นักไต่เขาชาวเยอรมันจะนำคณะไปธิเบตในปี ค.ศ.1938 เขารีบติดต่อแชฟเฟอร์และรับเอาเข้าพวกทันที และได้ติดต่อกับรัฐบาลอังกฤษเพื่อออกหนังสือรับรองการเดินทางเขาธิเบตทันที  ซึ่งหลังจากนั้นแชฟเฟอร์ได้เข้าร่วมกองทัพอเมริกันภาย หลังสงคราม เขาบอกว่าฮิมม์เลอร์ขอร้องให้เขาช่วยตามหาร่องรอยอารยันในยุคน้ำแข็ง แต่ตัวเขาสนใจสัตว์ป่ามากกว่า           

                แชฟเฟอร์กลับจากธิเบตในปี 1939 ในตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นๆ ในหน่วยอานแนร์เบอ เหตุเพราะวิลลีกุตสร้างความอับอายขายหน้าโดยเขาเอาแต่ดื่มสุราเมามาย และมีการสืบทราบว่าเขาเคยเป็นโรคจิต(น่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าบ้านะเนี้ย) ฮิมม์เลอร์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากส่งเขาไปเก็บตัวไว้ที่ชนบทมีคนคอยดูแลใกล้ชิด วิลลีกุตอยู่นั่นได้ไม่นานก็ถึงแก่กรรม

                อ็อตโต ราน ยิ่งแย่กว่านั้น เขาถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมร่วมลักรักเพศ ซึ่งนาซีเยอรมันถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง รามจึงถูกส่งไปทำงานในค่ายกักกันที่ดาเซา ต่อมารานได้เขียนจดหมายถึงฮิตเลอร์เพื่อจะขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน แต่ฮิตเลอร์ตอบกลับว่า “ฉันไม่สามารถปกป้องเธอได้อีกแล้ว” รานจึงยิงตัวตายที่ลานหิมะเชิงภูขาแอลฟ์เมื่อฤดูหนาวปี 1939 ถือว่านี้เป็นทางออกที่มีเกียรติของหน่วยเอสเอส

                
                เมื่อสงครามเริ่มขึ้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นกับอานแนร์เบออีกครั้ง คราวนี้พวกบ้าๆ บอๆ ตำแหน่งใหญ่ๆ ถูกเบียดตกขอบ และนักโบราณคดีแท้ๆ เข้ามาแทนที่ ทั้งนี้เป็นเพราะนักโบราณคดีแท้ๆ เหล่านี้ยอมเข้าหน่วยเอสเอสก็เพื่อจะสามารถทำงานของตนต่อไปได้โดยไม่มีการ เมืองเข้ามาแทรกแซง อีกทั้งมีเหตุผลประจวบเหมาะในตอนนั้นพวกเขาได้ขุดพบเครื่องดินเผายุคก่อน ประวัติศาสตร์ที่มีลวดลายสวัสดิกะในโปแลนด์และรัสเซีย เยอรมันจึงทึกทักเอาไว้นั้นเป็นเครื่องปั้นดินเผาของชาวเยอรมันโบราณทำไส้ ซึ่งเยอรมันเคยครอบครองดินแดนแห่งนี้มาก่อน เยอรมันจึงมีสิทธิ์จะเอาดินแดนพวกเขาคืน

                ความ จริงแล้ว เครื่องหมายสวัสดิกะเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณทั้งฮินดูและ พุทธ มิใช้ชนชาติเยอรมันหรือนาซีมาแต่เดิม นาซีเพิ่มรับเอาใช้ในที่หลัง สวัสดิกะเป็นเครื่องหมายแห่งความโชคดี มาจากคำว่า “สุ” และ “อัสดิ”

                การค้นหาแอตแลนตีสของนาซีประสบความล้มเหลว เพราะไม่เคยหาพบและฮิมม์เลอร์ได้ฆ่าตัวตายเมื่อเยอรมันเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ส่วนนักโบราณคดีของอานแนร์เบอทั้งตำแหน่งสูงและต่ำยังคงทำงานในสายอาชีพของ ตนต่อไป หลายคนได้กลายเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วเยอรมัน

                แต่น่าแปลกตรงที่แม้ฮิมม์เลอร์จะตายไปนานแล้ว แต่ความคิดของเขาไม่ได้ตายไปด้วย ซ้ำยังกับกลายเป็นทฤษฏีแก่คนหลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนชอบเรื่องยูเอฟโอที่เชื่อว่าเรามาจากต่างดาว อารยธรรมอียิปต์และมายาอาจได้รับการช่วยเหลือจากโลกที่ห่างไกล, หรือแม้กระทั้งแก๊งค์นีโอนาซีและแก๊งอารยันที่ได้รับทฤษฏีว่าเราคือมนุษย์ ที่เลิศล้ำในโลกใบนี้อย่างไม่เสื่อมคลาย

               

                http://th.wikipedia.org

Credit: Cammy
13 ก.ค. 53 เวลา 22:02 2,911 4 102
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...