ตำนาน 4 จตุรอาชาแห่งวันสิ้นโลก มันคือความเชื่อที่ปรากฎขึ้นจริงแล้ว

read:http://www.wtfintheworld.com/2017/05/30/4-horsemen-of-the-apocalypse/

ตั้งแต่ในอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน มนุษยชาติมักจะมีความเชื่อในเรื่องของวันสิ้นโลกมาโดยตลอด เช่น ตำนานเรือยักษ์โนอาห์ ที่ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นปริศนาให้นักวิจัยถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด และ หรืออย่างปี 2012 ที่ผู้คนพากันแตกตื่นตกใจว่ามันจะสิ้นโลกตามคำทำนายของปฏิทินมายัน

แต่เหตุการณ์ที่ว่าก็ผ่านไปอย่างเงียบกริบชนิดที่เรียกได้ว่ามีมุขตลกของพวกชาวต่างชาติเอามาแซวว่า “หากในอนาคตคุณมีลูกก็ให้เปิดภาพยนตร์เรื่อง 2012 ให้ดูแล้วบอกพวกเขาว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และ หากลูกคุณถูกคนอื่มองว่าเป็นเรื่องเหลวไหลก็ให้บอกพวกเขาว่าคนเหล่านั้นโดนล้างสมองจากเอเลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว”

ภาพปกภาพยนตร์เรื่อง 2012 (ใครยังไม่ได้เคยดูแนะนำเลยครับ)

แต่ดูเหมือนว่าอีกตำนานหนึ่ง ที่ได้รับการกล่าวขานมาโดยตลอดในพระคัมภีร์ศาสนาคริสต์ ที่ยังไม่มีใครสามารถถอดความของมันได้ คือการคงอยู่ของเหล่า ‘คนม้าทั้งสี่’ หรือ 4 Horsemen of the Apocalypse ที่เราจะมากล่าวถึงกันในบทความนี้

4 จตุรอาชา

ในตำนานได้ระบุเอาไว้ว่า พระเจ้าจะทรงเปิดผนึกออกมาทีละดวงเพื่อนำเอา 4 จตุอาชาออกมาใช้ในยามที่โลกถึงวันพิพากษา (Judgement Day) โดย 4 จตุอาชานี้แหละครับที่จะนำมนุษย์ไปสู่วันสิ้นโลกอย่างแท้จริง เรามาทำความรู้จักกับพวกเขากันดีกว่าว่า 4 อาชาที่ว่ามีใครกันบ้าง

#1 โรคระบาด (Pestilence หรือ Plague)

ในพระคำภีร์ระบุเอาไว้ว่า “ข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสีกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเหมือนฟ้าร้องว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าข้าวตนหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ถือธนู เขาได้รับมงกุฏแล้วควบม้าไปอย่างผู้พิชิตที่ตั้งใจออกไปพิชิตศึก”

จตุรอาชาคนแรกก็คือ โรคระบาด (Pestilence) ที่จะเกิดขึ้นและนำความทุกข์อย่างยิ่งยวดมาสู่มนุษย์ชาติจากการแพร่กระจายของเชื้อร้าย จนในที่สุดเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทนได้ผนึกดวงที่ 2 ก็จะทำงานทันทีและ จตุรอาชาคนที่สองก็จะออกมาโลดแล่นอยู่ในดินแดนแห่งคนเป็นนั้นก็คือ

#2 สงคราม (War)

ในพระคำภีระบุถึงการมาของเขาเอาไว้ว่า “เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราที่สอง ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สองกล่าวออกมาว่า “มาเถิด” แล้วม้าอีกตนที่มีสีแดงเพลิงก็ปรากฏออกมา ผู้ขี่ม้านี้ได้รับอำนาจที่จะนำสันติภาพไปจากโลกและทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน”

จากตำนานดังกล่าวนั้นผู้ที่ได้ชื่อว่า สงคราม (War) ก็คือผู้ที่นำสงครามมายังโลกมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการเข่นฆ่ากันเพื่อชิงดินแดน การรักษาอาณาเขตต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากสงคราม (War) ทั้งสิ้น

เมื่อสงครามเกิดขึ้นแล้วแน่นอนที่สุดว่าย่อมต้องมีการนำเอางบประมาณไปใช้สิ่งที่จะต้องตามมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือความอดอยากที่จะนำมาซึ่ง 4 จตุรอาชาคนที่สาม

#3 ความอดอยาก (Famine)

ในคำภีร์กล่าวเอาไว้ว่า “เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตคนที่สามกล่าวขึ้นมาว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองเห็นม้าสีดำตัวหนึ่งอยู๋ข้างหน้า ผู้ขี่ม้านี้ชูตราขึ้นมาแล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากสิ่งมีชีวิตนี้ว่า ข้าวสาลี ลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรหนึ่งเดนาริอัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย”

ผู้ขี่ม้านี้เป็นตัวแทนของความอดอยากดังจะเห็นได้ว่าพอปรากฏตัวออกมาก็ขายของก่อนเลย (ขี้งกนะเนี้ย) เป็นผลพวงที่เกิดจากการทำสงครามระหว่างมนุษย์ชาติด้วยกันเองจนทรัพยากรที่มีต้องหายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งในช่วงเวลาที่มนุษย์ไม่มีอันจะกิน 4 จตุรอาชาคนสุดท้ายจะปรากฏตัวออกมา นั้นก็คือ

#4 ความตาย (Death)

จตุรอาชาคนสุดท้ายที่ทรงพลังมากที่สุดในบรรดาผู้ขี่มาทั้ง 4 ตน โดยในพระคำภีร์ไบเบิ้ลได้กล่าวถึงเขาเอาไว้ว่า “เมื่อพระองค์ทรงแกะดวงตราที่สี่ ข้าพเจ้าได้ยินเสียง “มาเถิด” ข้าพเจ้าเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ชื่อว่าความตาย และ ความตาย”

จะเห็นได้ว่าผู้ขี่ม้าตนนี้เป็นหนึ่งในอาชาที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวมากกว่าพี่น้องทั้ง 3 ของตนและทรงพลังยิ่งกว่าผู้ใดเพราะจตุรอาชาคนนี้จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อ ทั้ง 3 พี่น้องออกมาอาละวาดในโลกมนุษย์เรียบร้อยแล้ว และจะเป็นผู้ที่นำพาความตายมาสู่โลกมนุษย์ในที่สุด

ความเชื่อเรื่อง 4 จตุรอาชาในเชิงศาสนาและประวัติศาสตร์

ในเชิงศาสนานั้นอาจกล่าวได้ว่าพวกจตุรอาชาทั้ง 4 เป็นตัวแทนทางความเชื่อในเรื่องของ โรคระบาด สงคราม ความอดอยาก และ ความตาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ของเราจนเป็นปกติอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เองทางศาสนาจึงได้นำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมาปรับเปลี่ยนให้สะท้อนออกมาในรูปลักษณ์ของสิ่งที่ดูน่ากลัวเพื่อให้คนตระหนักถึงความจริงในแง่ที่ว่ามนุษย์นั้นจำเป็นที่จะต้องให้อภัยซึ่งกันและกันมิเช่นนั้นแล้ว 4 จตุรอาชาก็อาจจะออกมาโลดแล่นอยู่ในความเป็นจริงได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หากมองถึงในแง่แห่งความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ชาติอาจจะกำลังได้เผชิญหน้ากับเหล่า 4 จตุรอาชาอยู่จริงๆ ก็ได้ เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย การแก่งแย่งชิงดีกันระหว่างประเทศจนเกิดเป็นสงคราม ความอดอยากที่เกิดขึ้นในบริเวณประเทศโลกที่ 3 หรือแม้กระทั่งความตายในปัจจุบันที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในสังคม

ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ตีความได้ว่า 4 จตุรอาชายังคงไม่ได้ไปไหนไกลจากชาวโลกเลยแม้แต่น้อย คำถามที่สำคัญก็คือแล้วเราจะหยุดสิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างไร แน่นอนครับความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครยับยั้งได้ แต่คุณสามารถยุติ สงครามและความอดอยากได้เพียงแค่คุณหันมาใส่ใจคนรอบข้างให้มากขึ้นเท่านี้คุณเองก็สามารถหยุดยั้ง 4 จตุรอาชาได้แล้ว

ที่มา https://daily.rabbit.co.th/4-%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81

Credit: https://daily.rabbit.co.th/4-%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
21 ก.ย. 60 เวลา 02:58 4,873
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...