http://zpore.com/weird-skull/
นิสัยรักสวยรักงามนั้นน่าจะอยู่คู่กับเผ่าพันธุ์ของเรามาตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักการสร้างเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อช่วยในการดำรงชีวิต โดยจะสังเกตได้จากการขุดค้นวัตถุโบราณที่มักจะมีเครื่องประดับที่ทำมาวัสดุสารพัดชนิดตั้งแต่หินจนไปถึงกระดูกสัตว์
ซึ่งสมัยก่อนน่าจะใส่กันเป็นแฟชั่น แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับการดัดแปลงรูปร่างของตนเองให้มีลักษณะที่ต่างออกไปจากร่างกายของมนุษย์ปกติ เช่น เท้าดอกบัวในประเทศจีน หรือการเจาะปากเพื่อใส่ถาดของชาวแอฟริกา วันนี้เราจะพาไปรู้จักอีกหนึ่งแฟชั่นที่ดูแล้วออกจะน่ากลัวหน่อยๆ ของมนุษย์ในสมัยโบราณที่พวกเขาดัดแปลงร่างกายของตนเองเพียงเพราะความเชื่อว่า “มันสวยงาม” จะเป็นการดัดแปลงอะไรนั้น เลื่อนลงไปชมพร้อมๆ กัน
ในแถบทวีปแอฟริกาและยุโรปนั้นมีการขุดค้นพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ที่มีลักษณะแปลกกว่ามนุษย์ปกติ คือกะโหลกเหล่านี้นั้นมีความยาวมากกว่ากะโหลกคนทั่วไป ซึ่งในตอนแรกที่ค้นพบนั้นได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก บ้างก็ว่ามันคือกะโหลกศีรษะของมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ก็เป็นมนุษย์อีกหนึ่งสายพันธุ์ แต่ทว่าเมื่อศึกษาเพิ่มเติมก็พบว่ากะโหลกศีรษะเหล่านี้นั้นมันถูกทำขึ้นมาอย่างจงใจ
แฟชั่น “กะโหลกยาว” นั้นได้รับความนิยมในกลุ่มอารยธรรมแถบเปรู เม็กซิโกและอียิปต์ ซึ่งไม่ใช่ว่าใครๆ จะทำก็ทำได้ หากแต่ผู้ที่ทำนั้นจะอยู่ในหมู่ชนชั้นนำของอาณาจักรนั้นๆ ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว กะโหลกศีรษะทรงสูงแบบนี้ยังใช้เป็นเครื่องบ่งบอกสถานะทางสังคมที่ต่างจากคนธรรมดา โดยพวกเขาเชื่อว่ามันจะทำให้ฉลาดมากขึ้นกว่าเดิมและจะช่วยให้สามารถติดต่อกับโลกวิญญาณได้
ขั้นตอนในการทำให้กะโหลกศีรษะนั้นมีขนาดที่ยาวขึ้นจะทำตั้งแต่เป็นเด็กทารกอายุประมาณ 1 เดือนเพราะว่ากะโหลกศีรษะยังสามารถยืดหยุ่นได้ โดยจะใช้เครื่องมือที่ทำขึ้นโดยเฉาะรัดให้กะโหลกเปลี่ยนรูป ซึ่งเด็กๆ จะต้องผ่านขั้นตอนนี้ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ชั่วโมงทุกๆ วันจนกระทั่งมีอายุได้ 6 เดือน ศีรษะของพวกเขาก็จะสูงดูสวยงาม (ในยุคนั้น)
แต่แม้ว่าจะมีขั้นตอนการทำที่ดูแล้วทรมานมิใช่น้อย นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยก็พบว่าวิธีการเช่นนี้แทบไม่ก่อผลเสียใดๆ หรือส่งผลกระทบใดๆ เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ากะโหลกศีรษะจะมีการขยายตัว ความดันภายในกะโหลกหรือสมองก็ยังเป็นเหมือนเช่นคนที่มีกะโหลกศีรษะรูปทรงปกติ อย่างไรก็ตามแฟชั่นนี้หายไปพร้อมๆ กับการล่มสลายของอาณาจักรต่างๆ
แต่ใช่ว่าจะหายสาบสูญไปเลยซะทีเดียว ในช่วงศตวรรษที่ 18 นักสำรวจจากประเทศแถบยุโรปได้พบกับชนเผ่า Mangbetu ในประเทศคองโกที่ยังมีค่านิยมทำให้กะโหลกศีรษะยาว โดยพวกเขาจะใช้ผ้าพันกะโหลกของทารกไว้ทั้งวันจนกว่าทารกจะมีอายุได้ 3 เดือนจึงจะปลดออก ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า “Lipombo” แต่จะแตกต่างจากยุคโบราณตรงที่เด็กในเผ่านี้จะต้องทำตามทุกคน
ปัจจุบันชาวเผ่า Mangbetu เลิกให้ความสำคัญกับประเพณีนี้จนแทบจะไม่เหลือให้เห็นแล้วเพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นการทรมานเด็ก แถมยังดูแปลกประหลาดเมื่อพบเจอคนต่างถิ่น
ที่มา https://www.spokedark.tv/posts/the-annabelle-doll/