เผยด้านมืดของธุรกิจค้าขนสัตว์ ที่ต้องขุน “สุนัขจิ้งจอก” ให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 5 เท่า จนมีสภาพแบบนี้

read:http://www.wtfintheworld.com/2017/08/28/fox-full-fur/

การเจริญเติบโตของมนุษย์ในเรื่องของร่างกายและรูปลักษณ์ภายนอกส่วนหนึ่งมาจากอาหารการกิน ที่ได้รับมาจากคนที่คอยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิด ส่งต่อมาเป็นความปกติของเราในปัจจุบัน และเหล่าสัตว์เองก็เช่นกัน

แต่เมื่อมันถูกกำหนดให้เป็นในสิ่งที่เหนือกว่าคำว่า “ธรรมชาติ” แน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมา จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของมันไปตลอดกาล… อย่างเช่นสุนัขจิ้งจอกที่ถูกเลี้ยงดูในฟาร์มขนสัตว์ประเทศฟินแลนด์ ที่มีภาพเผยให้เห็นความอ้วนกับเนื้อหนังที่ติดกันเป็นชั้นๆ ทั่วร่างกาย เป็นหนักถึงขนาดที่ว่าส่วนของไขมัน ได้ไปปิดตาของมันเลยทีเดียว

คลิปวิดีโอการใช้ชีวิตอยู่ในกรงของจิ้งจอกที่ถูกเลี้ยงดูผิดปกติ

Fat monster fox is caged in an overbreeding Finnish fur farm

กรมคุ้มครองสัตว์ได้ออกมาบอกอีกว่าน้ำหนักตัวของพวกมันในฟาร์มจะหนักกว่าจิ้งจอกทั่วไปถึง 5 เท่า เมื่อจิ้งจอกป่าตัวเมียจะหนัก 3.5 กิโลกรัม แต่สำหรับสุนัขจิ้งจอกที่เห็นนั้น มีน้ำหนักมากกว่า 19 กิโลกรัม

จากการตรวจสอบพบว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากการเจริญเติบโตเกินขีดจำกัดของสายพันธุ์ พวกมันจะได้รับอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อให้มีขนาดตัวใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นับว่าเป็นการทำผิดกฎหมายภายในประเทศฟินแลนด์ ในเรื่องของการเลี้ยงปศุสัตว์อย่างทรมาน

Claire Bass กรรมการบริหารจากองค์กรต่อต้านการใช้ขนสัตว์ได้ออกมากล่าวว่า “ฟาร์มขนสัตว์ไม่สามารถทำสิ่งผิดจรรยาบรรณได้ และการกระทำนี้คือเรื่องที่ผิดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สัตว์ที่ดูสวยงามก็จริง แต่ต้องแลกมากับความทุกข์ทรมานในการเคลื่อนที่อย่างยากลำบาก รวมถึงการมองเห็นของพวกมัน”

เธอเสริมว่า “สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้สนใจเพียงแค่ผลประโยชน์โดยมองข้ามการใส่ใจดูแลพวกมัน และจะเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากขนของสัตว์เหล่านี้”

จากสถิติประเทศอังกฤษนำเข้าขนสัตว์จากฟินแลนด์เป็นมูลค่ากว่า 1 ร้อยล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากรัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้มีฟาร์มขนสัตว์ภายในประเทศเมื่อปี 2000 จากการทำผิดจรรยาบรรณ ทำให้ต้องใช้ขนสัตว์จากประเทศอื่นมากมาย

ขนของพวกมันจะถูกส่งต่อให้บริษัทมากมายในการนำไปทำเป็นเสื้อผ้า ซึ่งเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกหนึ่งตัวจะต้องใช้ขนจากจิ้งจอกปกติ 10 ถึง 20 ตัวเลยทีเดียว

บริษัทชั้นนำมากมายก็ได้ใช้ขนจากสัตว์เหล่านี้กันทั้งนั้นยกตัวอย่าง Louis Vuitton หรือ Gucci แสดงให้เห็นว่าจากปริมาณความต้องการที่มากของผู้บริโภค จึงไม่แปลกที่จะมีฟาร์มหลายที่ใช้วิธีในการเพิ่มผลผลิตได้ง่ายยิ่งขึ้น

เพิ่มเติมคือฟินแลนด์เป็นประเทศที่ผลิตขนสุนัขจิ้งจอกใหญ่ที่สุดในยุโรป ในระดับโลกก็เป็นรองแค่ประเทศจีนเท่านั้น ทำให้มีจิ้งจอกถูกฆ่าเพื่อนำขนมาใช้มากกว่า 1.8 ล้านตัวต่อปี

สิ่งที่ได้เห็นกันไปอาจทำให้หลายคนต้องเลิกคิดที่จะใช้ผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์กันไปเลย อย่างไรก็ตามธุรกิจเชิงปศุสัตว์ก็ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องผิด

หากแต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นให้กับตัวพวกมันเองมากกว่าผลกำไร เพราะไม่งั้นแล้วก็คงจะทำร้ายพวกมันกันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ

เครดิตข้อมูล http://www.dailymail.co.uk/news/article-4822946/Plight-Monster-Foxes.html?ito=social-facebook

 

Credit: http://www.dailymail.co.uk/news/article-4822946/Plight-Monster-Foxes.html?ito=social-facebook
29 ส.ค. 60 เวลา 05:42 2,501 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...