การลอบสังหารที่โหล่ยโท่ยที่สุดในประวัติศาสตร์


โรนัลด์ เรแกน (Ronald Wilson Reagan)

 

 “ข้าพเจ้า เองก็มิได้ตระหนักว่าตัวเองถูกยิง ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังเมื่อเราเดินออกมากันจากโรงแรมและบ่ายหน้าไปยังรถ ลีมูซีน และข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดัง ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่ามันเป็นเสียงประทัด ชั่วพริบตานั้นเองเจ้าหน้าที่ที่อยู่เบื้องหน้าของข้าพเจ้าได้จับข้าพเจ้า ไว้ที่เอวจนแน่นและรุนหลังข้าพเจ้าไปยังรถที่จอดอยู่อย่างรวดเร็ว เมื่อข้าพเจ้าทรุดนั่งลงเบาะ เบาะนั้นก็ถูกเอนลงและเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งได้คล่อมตัวบังข้าพเจ้าไว้ซึ่ง นั่นลงบนเบาะ เบาะนั้นก็ถูกเอนลงและเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งได้คร่อมตัวบังข้าพเจ้าไว้ซึ่ง เป็นวิธีการของพวกเขา เพื่อแน่ใจว่าตัวของข้าพเจ้าได้รับการปกป้องทั้งหมด ข้าพเจ้ารับรู้ในภายหลังว่าข้าพเจ้าถูกยิงขณะที่กำลังถูกผลักเข้าไปนั่งในรถ นั่นเอง กระสุนแล่นเข้าใต้แขนถูกซี่โครงอันหนึ่งและนั่นทำให้ข้าพเจ้าเจ็บปวดอย่าง มาก กระสุนนัดนั้นฝังตัวอยู่ต่ำจากหัวใจของข้าพเจ้าเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น”

                โรนัลด์ เรแกน (Ronald Wilson Reagan) เกิ เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 (ค.ศ. 1981-ค.ศ. 1989) สังกัดพรรครีพับลิกัน เคยเป็นนักแสดงหนังแอ็คชัน คาวบอย ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียคนที่ 33 และประธานาธิบดีคนที่ 40 ของสหรัฐฯ เรแกนเป็นอดีตประธานาธิบดีที่มีอายุยืนที่สุด เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดเมื่อได้รับเลือก (69 ปี 349 วัน) เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่เคยหย่าร้างเมื่อได้รับเลือก และเป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่แต่งงานกับหญิงมีครรภ์

                ผลงานระหว่างที่เป็นประธานาธิบดีนั้น เรแกนมีส่วนให้สหรัฐ กลายเป็นประเทศมหาอำนาจจนถึงทุกวันนี้ หลังจากที่ภาพลักษณ์ประเทศตกต่ำไปหลายปีภายใต้การบริหารประเทศของ ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และมีส่วนในการยุติสงครามเย็นและการล่มสลายโลกคอมมัวนิสต์อีกด้วย

                แม้ว่าเขาจะเป็นที่นิยมชมชอบของชาวอเมริกันเพียงไร เรแกนก็หวิดสิ้นชื่อจากการถูกลอบสังหารในปี ค.ศ.1981 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีนั่นเอง นอกจากนี้สาเหตุการลอบสังหารก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาโดยตรงเลย เพียงแต่มือสังหารเป็นแค่คนบ้าและหลงรักดาราสาวคนหนึ่ง เลยตัดสินใจกระทำเช่นนี้ เพื่อให้ดึงความสนใจเธอเท่านั้น นอกจากนี้วิธีการลอบสังหารของมือสังหารนั้นถูกจัดอันดับว่าเป็นการลอบสังหาร ที่บ้าระห่ำที่สุดในประวัติศาสตร์




ใน เวลาบ่ายสองโมงครึ่งของวันที่ 30 มีนาคม 1981 ในบ่ายของต้นฤดูใบไม้ผลิอันสดใส ประธานาธิบดีเรแกนกำลังเดินออกจากโรงแรมฮิลตันในกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมด้วยบรรดาบอดี้การ์ดนับสิบ ทันใดนั้นจอห์น ฮิงค์ลีย์กำลังยืนปะปนกับฝูงชนบริเวณหน้าโรงแรมพร้อมปืนที่ใช้ในการกระทำการ ครั้งนั้น คือ Rohm RG-14 ...

                หมายถึงตอนนี้นับได้ว่าจอห์น ฮิงค์ลีย์บ้ามากๆ นอกจากกระทำกลางวันแสดๆ ต่อหน้าคนมากมายแล้ว ปืนที่เขาใช้เป็นปืนที่โหล่ยโท่ยที่สุดในปืนที่สังหาร คือ Rohm RG-14 Cal.22 LR  เป็นปืนรีวอลเวอร์กระบอกเล็กจู๋มจิ๋ม ผลิตในเยอรมัน  เป็นปืนเกรด ต่ำ ราคาถูก แต่ไม่มีใครอยากจะซื้อมากนัก เพราะ น้ำหนักไกแบบดับเบิ้ลแอคชั่นหนักจนคนยิงหัวสั่น หัวคลอน...ไม่มีแม้กระทั่งปุ่มปลดโม่ เวลาเปลี่ยนลูกกระสุน จะต้องหมุนแกนโม่แบบคลายน็อตทั่วไปแล้ว ดึงออกซึ่งยุ่งยากมากๆ  ก่อนจะเอียงโม่ออกมาจากโครงปืน  เท่า นั้นยังไม่พอเจ้าปืนรุ่นนี้เวลายิงแล้วปลอกกระสุนจะบวม ทำให้การเทปลอกกระสุนยุ่งยากมาก

                แต่กระนั้นจอห์น ฮิงค์ลียก็ยังลั่นกระสุนแบบม้วนเดียวจบ 6 นัดต่อเนื่องเพื่อหวังชีวิตเรแกน ผลคือ
 

 

 

 



นัดแรก กระสุนวางไปเจาะกระโหลกศีรษะเจ้าหน้าที่ James Brady อย่างจัง เนื้อสมองเสียหายอย่างมาก...จนทำให้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา

                นัดสอง กระสุนมุ่งตรงไปที่กรามซ้ายด้านหลังของตำรวจชื่อ Thomas Delahanty จนเขาบาดเจ็บสาหัส ‘

                นัดที่สาม พุ่งไปฝูงชน แต่ไม่โดนใคร เพราะชนเข้าที่ผนังตึก

                นัด ที่สี่  วิ่งไปเจาะเข้าที่ลำตัว บริเวณท้องกึ่งยอดอกของสายลับ ชื่อ Timothy McCarthy จนเขาบาด เจ็บสาหัส

                นัดที่ห้า กระสุนไปแตะกระทบอย่างรุนแรงเข้าที่กระจก กันกระสุนรถประจำตำแหน่งท่านประธานาธิบดี...หัวกระสุนระเบิดกระจาย และหาซากไม่ได้...

                นัดที่หก เป็นนัดสุดท้าย เป็นนัดที่โดนเรแกน กระสุนพุ่ง ไปที่ประตูหน้าของรถกันกระสุนกระสุนแฉลบวิ่งตรง เข้าที่หน้าอกด้านซ้ายท่านประธานาธิบดีขณะที่เขากำลังยกแขนและมือข้างนั้น โปกให้แก่ฝูงชนที่มารอต้อนรับตรงฝั่งตรงข้ามและเจ้าหน้าที่พยายามประคองท่าน ขึ้นรถ  กระสุนฝังที่ปอด


แม้จะตกใจใน เหตุการณ์ดังกล่าวมากเพียงใด บรรดาเจ้าหน้าที่องครักษ์ของเรแกนก็สามารถจัดการได้อย่างฉับไวผลักเรแกนเข้า รถลีมูซีนทันทีแล้วเอาตัวเข้าบังเอาไว้ ส่วนหลังจากเสียงกระสุนนัดสุดท้าย จอห์น ฮิงค์ลียก็ ยังไม่สิ้นฤทธิ์ซะทีเดียวยังมีเวลาเหลือพอที่จะยก ปากกระบอกปืนกระบอกเดียวกันนั้นมาจ่อที่ขมับตัวเอง  ก่อน ที่จะถูกเจ้าหน้าที่รุมจับตัวในที่สุด(โหย.....เอ็งจะจ่อหัวทำไม๊ ในเมื่อกระสุนมีแค่ 6 นัดนี้น่า มันก็กลายเป็นปืนเปล่าสิ)

                ส่วนเรแกนก็ถูกส่งส่งไปโรงพยาบาลจอร์จ วอชิงตัน และก็รักษาชีวิตไว้ได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บก็รักษาจนปลอดภัยเช่นกัน


 

 

 หลังเหตุการณ์มีการตำหนิติเตียนความหละหลวงบรรดาคณะทำงานของทำเนียบขาวและ เจ้าหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยระดับสูงที่ไม่จัดการรักษาความปลอดภัน แก่ประธานาธิบดีอย่างรัดกุมพอผลจากการสอบสวนนายจอห์น ฮงค์ลีย์พบว่าเขาต้องการสังหารเรแกนเพื่อให้โจดี้ ฟอสเตอร์(Jodie Forster) ดาราภาพยนตร์สาวสวยประทับใจความกล้าหาญของเขาเท่านั้น โดยฮิงค์ลีย์บอกว่าเขาประทับใจตัวเธอในหนังเรื่อง “Taxi Driver” ซึ่งเขาดูหนังเรื่องนี้กว่า 15 รอบ โดยเขาอธิบายการลอบสังหารนี้ว่าเป็น “ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ขอมอบให้แก่ประวัติศาสตร์โลก” เลยทีเดียว

                เอฟบีไอได้พบจดหมายที่เขาเขียนไปถึงโจดี้ ฟอสเตอร์ ฉบับหนึ่งลงวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ.1981 เขียนในเวลา 12.45 น. ก่อนที่เขาจะไปก่อคดีเพียงชั่วโมงเศษๆ เนื้อความจดหมายมีดังต่อไปนี้

 

โจ ดี้ที่รัก

                อาจจะเป็นไปได้มากทีเดียว ที่ผมจะต้องถูกฆ่าในความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีเรแกน ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมจึงต้องเขียนมาถึงคุณเสียตั้งแต่ตอนนี้

                คุณก็คงจะทราบดีอยู่แล้วว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ในช่วงเวลา 7 เดือนที่ผ่านมาผมได้ส่งบทกวี ตดหมาย และข้อความแสดงบอกรักคุณด้วยความหวังอันเลือนรางว่าคุณอาจเริ่มสนใจในตัวผม ขึ้นมาบ้าง แม้เราจะได้คุยกันทางโทรทัศน์บ้าง 2-3 ครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยกล้าที่จะเข้าหาคุณเพื่อจะแนะนำตัวผมให้คุณรู้จัก นอกจากผมจะเป็นคนขี้อายแล้ว ผมยังไม่อยากไปรบกวนคุณด้วยการไปพบคุณบ่อยๆ ผมทราบดีว่าข้อความหลายฉบับที่ผมนำไปติดไว้ที่ประตูบ้านคุณและที่ผมสอดไว้ ที่ตู้จดหมายของคุณนั้นเป้นสิ่งที่น่ารำคาญ แต่ผมก็รู้สึกว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่ผมจะไม่ต้องเจ็บปวดในการแสดงความรัก ที่ผมมีต่อคุณ

                ผม รู้สึกดีใจจริงๆ ที่อย่างน้อยคุณก็รู้จักชื่อของผม และทราบว่าผมรู้สึกอย่างไรกับคุณ การที่ผมไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ ที่พักของคุณนั้นก็ทำให้ผมกลายเป็นหัวข้อสำคัญที่คนจะต้องพูดถึงมากกว่าการ พูดดึงอย่างฉาบฉวย นั่นฟังดูเป็นอย่างน่าหัวเราะ แต่อย่างน้อยคุณก็จะได้รู้ว่าผมจะรักคุณตลอดไป

                โจดี้ ผมจะละความคิดที่จะสังหารเรแกนทันทีที่ผมสามารถเอาชนะใจคุณได้และสามารถใช้ ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดของผมกับคุณไม่ว่ามันจะเป็นแบบซ่อนเร้นบิดบังอย่าง ไรก็แล้วแต่

                ผม ขอยอมรับกับคุณว่าเหตุผลที่ผมจำต้องกระทำการอันอุกอาจครั้งนี้ เนื่องมาจากผมไม่อาจรอคอยเวลาที่จะทำให้คุณประทับใจได้ ผมต้องทำสิ่งบางอย่างเดี๋ยวนี้เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผมทำเพื่อ คุณเท่านั้น โดยการเสียสละอิสรภาพของผมหรือแม้กระทั้งชีวิตของผมในครั้งนี้ ผมได้แต่เพียงหวังว่าผมอาจจะเปลี่ยนใจคุณได้ จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นเพียงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ผมจะเดินไปยังโรงแรมฮิลตัน โจดี้ผมกำลังขอร้องให้คุณมองเข้าไปยังหัวใจของผมอย่างน้อยโอกาสผมที่จะได้ รับความนับถือและความรักจากคุณ ด้วยการกระทำที่จะจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ผมขอรักคุณตลอดไป

จอห์น ฮิงค์ลีย์



จอห์น ฮิงค์ลีย์ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดเนื่องจากสติไม่สมประกอบ ในวันที่ 4 พฤษภาคม 1982 โดยคณะลูกขุน 12 คน เขาถูกตัดสินให้กักบริเวณและรักษาสภาพจิตโดยไม่มีกำหนดในโรงพยาบาลผู้ป่วย โรคจิต ในกรุงวอชิงตัน ดี ซี ซึ่งเขาอยู่ที่นั้นจนถึงทุกวันนี้


 

 

จากหนังสือลอบ สังหารผู้นำ โดย ผศ.ดร.บรรพต  กำเนิดศิริ

http://www.weekendhobby.com/gun/webboard/Question.asp?ID=3819

Credit: Cammy
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...