Challenger Deep จุดที่ลึกที่สุดในโลก มีมนุษย์เพียง 3 คนเท่านั้นที่เคยไปถึง

read:http://www.wtfintheworld.com/2017/06/28/challenger-deep/

นับแต่อดีตมนุษย์ต่างใฝ่หาความลับจากมหาสมุทร ซึ่งทั้งกว้างใหญ่ อันตราย และลึกลับ ความอยากรู้เร่งให้มนุษย์พัฒนาวิทยาการเพื่อค้นหาคำตอบว่า มีอะไรซ่อนอยู่ในห้วงน้ำลึกบ้าง โดยเฉพาะร่องน้ำลึกมาเรียนา (Mariana Trench) ร่องน้ำลึก ที่ลึกที่สุดของโลก เจ้าของสมญา “แดนมรณะ”

Mariana Trence ตั้งอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิค ใกล้กับญี่ปุ่น

ร่องน้ำลึกมาเรียนา ตั้งอยู่บนพื้นมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับญี่ปุ่น เป็นบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกสองแผ่นชนกัน โดยแผ่นแปซิฟิกมุดลงใต้แผ่นมาเรียนา จุดที่ลึกที่สุดของร่องนี้ ชื่อว่า ชาเลนเจอร์ดีป (Challenger Deep) ซึ่งมีความลึก 10,971 เมตร (ตัวเลขความลึกจากหลายๆ แหล่งจะไม่เท่ากันแต่จะไม่ผิดไปจากนี้มากนัก) ถ้านึกภาพไม่ออก ให้ลองจินตนาการภาพเขาเอเวอเรสต์ถูกน้ำท่วมอีกสองกิโลเมตร นั่นแหละ คือ ความลึกของชาเลนเจอร์ดีป

Challenger Deep จุดที่ลึกที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตามแนวร่องน้ำลึกมาเรียนา ลึกถึง 10,971 เมตร

ภาพเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ ระหว่างร่องน้ำลึกมาเรียนากับภูเขาเอเวอเรสต์

แม้จะลึกมาก และมีอุณหภูมิต่ำ อีกทั้งยังมีความกดดันสูงถึง 1,086 บาร์ (มากกว่าบรรยากาศทั่วไปถึง 1,000 เท่า) เรียกได้ว่าเป็นสถานที่น่าสะพรึง แต่ก็ไม่อาจหยุดความอยากรู้ของนักสำรวจได้

หลังจากพัฒนายานสำรวจใต้น้ำสำเร็จ จนถึงปัจจุบันนี้มีมนุษย์แค่ 3 คนเท่านั้นที่เคยไปถึงจุดที่ลึกที่สุดในโลก ทีมสำรวจทีมแรก คือ ดอน วอลช์ จากอิตาลี และ ฌาคส์ ปิคคาร์ด จากเยอรมนี ได้ลงสู่ร่องน้ำลึกมาเรียนา เมื่อปี 1960 และได้ทำสถิติดำดิ่งลึกที่สุดไว้ โดยลงไปลึกถึง 10,994 เมตร

หลังจากนั้นกว่าครึ่งศตวรรษจึงมีการสำรวจอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2012 โดย เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง

ทีมสำรวจเมื่อปี 1960 ดอน วอลช์ จากอิตาลี และ ฌาคส์ ปิคคาร์ด จากเยอรมนี

เจมส์ คาเมรอน (ผู้กำกับเรื่อง Terminator, The Abyss, Titanic, Avatar) ได้ร่วมมือกับเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ลุยเดี่ยวลงไปที่ชาเลนเจอร์ดีป เขาใช้เรือดำน้ำทันสมัยชื่อ Deepsea Challenger เป็นพาหนะดำลงไป ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ก็เพื่อประโยชน์ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งได้ถ่ายภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากกลับไปด้วย

เรือซึ่งยาว 7.3 เมตร สามารถจุคนได้เพียงคนเดียวลำนี้ใช้เวลาสร้างในออสเตรเลียนานเกือบแปดปี ตัวเรือติดตั้งไฟส่องสว่างขนาดใหญ่ กล้องถ่ายภาพใต้น้ำหลายกล้องและแขนกลแบบหุ่นยนต์หนึ่งแขน สำหรับตักตัวอย่างดินและสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ตามพื้น

Deepsea Challenger สามารถทนแรงกดได้ถึง 16,000 ปอนด์/ตร.นิ้ว มันยังต่างจากเรือดำน้ำลึกอื่นๆ ทั้งหมดที่ดำลงไปในแนวตั้งตลอด เช่นเดียวกับเวลาที่กลับขึ้นสู่ผิวน้ำ การออกแบบและสร้างที่ผิดพลาดไม่ได้เลย เพราะมันหมายถึงชีวิตของเขาเองที่อาจต้องทิ้งไว้ใต้บาดาลนั่น

เจมส์ คาเมรอน ใช้เวลาในการดำดิ่งลงไปประมาณสองชั่วโมง เขาเล่าถึงความรู้สึกขณะอยู่ในเรือที่ต้องงอขาตลอดเวลาและยื่นแขนออกไม่ได้ว่า เวลาที่ยังอยู่บนผิวน้ำรู้สึกร้อนจัดเหมือนกับอยู่ในห้องเซาน่า แต่เมื่อดำลึกลงไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกเย็นมากขึ้นๆ ราวกับอยู่ในตู้แช่ เช่นเดียวกับแสงสว่างที่ค่อยๆ ลดลงตามความลึกที่ดำลงไป จนมืดสนิทเมื่อผ่านความลึกที่ 3,300 ฟุตลงไป

เจมส์ คาเมรอน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ใต้เทรนช์จุดลึกที่สุดของโลกนั้นเหมือนอีกโลกหนึ่ง และไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ทีมของคาเมรอนยังได้พบอะมีบายักษ์และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กคล้ายกุ้งที่เรียกว่าแอมฟิพอดส์ (amphipods)

แอมฟิพอดส์ (amphipods)

รวมถึงสิ่งมีชีวิตจำพวกจุลินทรีย์จำนวนมาก และเขาไม่ได้ลงไปเพื่อการสร้างสถิติแต่อย่างใด แต่เป็นความฝันและความอยากรู้แบบที่เกิดกับนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการรู้ต้องการเห็นบางสิ่งบางอย่าง เขาหวังว่าสิ่งที่เขาได้จากการลงไปสำรวจของเขาจะเป็นประโยชน์ต่อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ก่อนที่มนุษย์จะทำลายมันไป

ปี 1989 เจมส์ คาเมรอน ได้เป็นผู้เขียน บทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง The Abyss เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการลงไปกู้ซากเรือดำน้ำของสหรัฐฯ ที่จมลงใต้มหาสมุทรแอตแลนติกในจุดที่ลึกมาก ซึ่งครั้งนั้นเขาสร้างจากจินตนาการล้วนๆ และฉากใต้น้ำส่วนใหญ่ก็ทำในแท็งก์น้ำขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทำโดยเฉพาะ

ภาพยนตร์เรื่อง The Abyss

แต่การลงไปสำรวจยังจุดที่ลึกที่สุดในโลกครั้งนี้เป็นของจริงทั้งหมด ซึ่งคาเมรอนได้ถ่ายเหตุการณ์ต่างๆ เก็บไว้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างเรือ การทดสอบ จนถึงการนำไปใช้งานจริง รวมทั้งภาพจากกล้องหลายตัวที่ติดตั้งไปกับเรือดำน้ำ จนกระทั่งเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ใช้งบมหาศาลและต้องเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยง

เขาจึงนำมาตัดต่อให้เป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Deepsea Challenger ในรูปแบบของ 3D ที่จะช่วยให้เราได้เห็นถึงการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ และการท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์ ณ จุดที่ลึกที่สุดบนโลกของเขาในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์บนจอภาพยนตร์ที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การสำรวจของโลก

https://web.facebook.com/FeatureSatapornbooks/photos/a.520204658014864.1073741829.520092828026047/562168043818525/?type=3&theater

Credit: https://web.facebook.com/FeatureSatapornbooks/photos/a.520204658014864.1073741829.520092828026047/562168043818525/?type=3&theater
26 ส.ค. 60 เวลา 03:12 6,070 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...