https://www.spokedark.tv/posts/love-story/
ความรักของมนุษย์นั้นจัดได้ว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลกนี้เลยทีเดียว สามารถที่จะรักกันได้โดยที่ไม่ต้องสนใจศาสนา เชื้อชาติหรือแม้กระทั่งเพศ ซึ่งก็นับว่าเป็นสิ่งที่สวยงามถ้ามันเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่บริสุทธิ์ แต่ทว่าถ้ามันเป็นความรักที่มีอะไรแอบแฝงแถมยังเป็นความรักที่แอบแฝงกับผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินด้วยแล้ว แน่นอนว่ามันจะต้องตามมาด้วยโศกนาฏกรรมอย่างแน่นอน วันนี้เราจะพาไปพบกับความรักที่เป็นตำนานของจีนระหว่างสามัญชนและฮ่องเต้ แต่เป็นรักที่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง เรื่องราวจะพิสดารแค่ไหนเลื่อนลงไปชมพร้อมๆ กัน
ย้อนกลับไปในสมัยฮ่องเต้ฮั่นเฉิงตี้ ช่วงประมาณ 51 ปีก่อนคริสต์ศักราช ฮ่องเต้ฮั่นเฮิงตี้ขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่อายุได้ 18 ปี ชีวิตการเป็นฮ่องเต้ของฮั่นเฉิงตี้นั้นก็ถือว่าเรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวามากนัก วันๆ หมกมุ่นแต่กับเรื่องผู้หญิงแต่ในระหว่างที่ครองราชย์เป็นเวลากว่า 20 ปี ดันไม่มีทายาทไว้สืบสกุลซะงั้น เมื่อฮ่องเต้ฮั่นเฉิงตี้ได้สวรรคต ทางราชสำนักจึงได้ทำตามพระบรมราชโองการสุดท้ายของฮ่องเต้ฮี่นเฉิงตี้ด้วยการอัญเชิญ “องค์ชายหลิว ซิน” ผู้เป็นหลานให้นั่งบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ในนาม “ฮั่นไอตี้” ด้วยวัยเพียง 20 ปี (7 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
“ฮ่องเต้ฮั่นไอตี้” เป็นชายหนุ่มผู้เงียบขรึม เรียบร้อย ท่าทางสง่าที่สำคัญคือไม่มีความสนใจในอิสตรี ซึ่งก็กลายเป็นความหวังของราชสำนักและไพร่ฟ้าประชาชนว่าจะนำพาความเจริญมาสู่ประชาชน แต่ที่ไหนได้กลับหนักกว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนด้วยซ้ำ “ฮ่องเต้ฮั่นไอตี้” มีรสนิยมที่แปลกกว่าฮ่องเต้องค์ก่อนๆ นั่นก็คือพระองค์ชอบผู้ชาย แน่นอนว่ามันไม่ได้แปลกอะไรเพราะมีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าฮ่องเต้หลายพระองค์ก็เคยลิ้มลองขันทีมาแล้ว
แต่ฮ่องเต้ฮั่นไอตี้นั้นแตกต่างจากฮ่องเต้พระองค์อื่นตรงที่พระองค์เป็น “ฝ่ายรับ” แรกๆ ฮ่องเต้ฮั่นไอตี้ก็ทรงเก็บอาการได้อย่างมิดชิดจนกระทั่งได้พบกับ “ต่งเสียน” ชายหนุ่มรูปงามที่ติดตามข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาเข้าเฝ้า ซึ่งฮ่องเต้ฮั่นไอตี้ทรงติดใจเหมือนกับรักแรกพบจึงให้คนไปติดต่อมาเป็นข้ารับใช้ตนเองในตำแหน่ง “ขันเทียม” คือทำตัวเหมือนขันทีคอยติดตามฮ่องเต้ไปไหนมาไหนแต่ไม่ต้องตัดอาวุธประจำกาย ซึ่งฮ่องเต้ฮั่นไอตี้นั้นรับได้แม้กระทั่งต่งเสียนจะมีเมียอยู่แล้วก็ตาม (พูดง่ายๆ คือยอมที่จะเป็นน้อยนั่นเอง)
ด้านต่งเสียนก็มองเห็นโอกาสใหญ่ที่สุดในชีวิตอยู่ตรงหน้ามารอท่า จึงทำการขออนุญาตเมียว่าขอไปเป็นขันเทียมข้างกายฮ่องเต้เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและความมั่งคั่งของตระกูล และนับตั้งแต่นั้นมาต่งเสียนก็กลายเป็นเงาตามตัวฮ่องเต้ฮั่นอายตี้ไปไหนมาไหนอยู่เสมอแม้กระทั่งยามหลับใหล ฮ่องเต้ฮั่นไอตี้หลงใหลต่งเสียนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทูลขออะไรก็ให้ทุกอย่าง หน้าที่การงานของต่งเสียนก็ได้เลื่อนขั้นแบบติดเทอร์โบโดยใช้เวลาไม่นานต่งเสียนก็ก้าวขึ้นมานั่งในตำแหน่งแม่ทัพสูงสุดทั้งๆ ที่รบในสนามรบไม่เป็นด้วยซ้ำ
ไม่เพียงแค่ต่งเสียนคนเดียวที่ได้โชคลาภบรรดาญาติๆ ของต่งเสียนก็ได้รับการปูนบำเหน็จโดยที่ไม่ต้องทำความดีความชอบใดๆ เลยเพียงแค่เป็นญาติกับ “สามี” ของฮ่องเต้ จนทำให้บรรดาขุนนางแม่ทัพทั้งหลายพากันส่ายหัวกับพฤติกรรมของฮ่องเต้แต่ไม่กล้าที่จะเปิดปาก
มีตำนานรักที่กลายมาเป็นสำนวนจีนอมตะนั่นก็คือเหตุการณ์การตัดแขนเสื้อ เรื่องก็มีอยู่ว่าในเช้าวันหนึ่งหลังจากที่ต่งเสียนทำการเปย์ความสุขให้กับฮ่องเต้ฮั่นไอตี้ซะจนอิ่มเอม ต่งเสียนหมดแรงอย่างหนักจนหลับไปทั้งๆ ที่ทับแขนเสื้่อของฮ่องเต้ ซึ่งในตอนเช้านั้นฮ่องเต้ฮั่นไอตี้เป็นฝ่ายที่ตื่นก่อนแต่ลุกไปไหนไม่ได้เพราะว่าสามีสุดที่รักนั้นนอนทับแขนเสื้อ ด้วยความที่รักมากๆ อยากจะให้คนรักนอนหลับโดยไม่ถูกขัดจังหวะ ฮ่องเต้ฮั่นไอตี้จึงสั่งให้ขันทีนำกรรไกรมาตัดแขนเสื้อของตนออกเพื่อจำได้ลุกไปได้โดยที่ไม่ต้องปลุกต่งเสียน
วีรกรรมการตัดแขนเสื้อเพื่อคนรักของฮ่องเต้ฮั่นไอตี้ถูกเมาท์กันตั้งแต่ขันทีและเล็ดลอดออกมาทั้งแผ่นดินจนคำว่า “ตัดแขนเสื้อ” (ต้วนซิ่วจือพี) กลายเป็นสำนวนที่มีความหมายว่า “รักเพศเดียวกัน” แค่นั้นยังไม่พอฮ่องเต้ฮั่นไอตี้ยังทำให้ขุนนางในท้องพระโรงต้องซาบซึ้งไปกับความรักของพระองค์ด้วยการพูดล้อเล่นว่าจะทรงสละราชสมบัติให้ต่งเสียนและพระองค์จะนั่งตำแหน่งฮองเฮาเอง
อำนาจของต่งเสียนในช่วงเวลานั้นถือว่าใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ใครที่จะเข้าพบกับฮ่องเต้จำเป็นที่จะต้องผ่านต่งเสียนทุกครั้ง และต่งเสียนยังมีส่วนร่วมในการบริหารแผ่นดิน แน่นอนว่าต้องออกมาเละเทะจนดูไม่ได้แถมยังสนับสนุนให้ญาติๆ ที่ได้ดิบได้ดีฉ้อราษฎร์บังหลวงกันอย่างเต็มที่ พฤติกรรมการกร่างของต่งเสียนนั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางหลายคนจนมีการยื่นฎีกาฟ้องฮ่องเต้เพื่อให้ตัดสิน แต่ทว่าคนยืนคุยยังไงก็ไม่เท่าคนที่นอนคุย คนที่ฟ้องนั้นถูกจับขังคุกไปในที่สุด
แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็มาถึง ชะตากรรมของต่งเสียนนั้นถึงจุดจบเร็วกว่ากำหนดเมื่อเข้าสู่ปีที่ 6 ในการนั่งบัลลังก์ของฮ่องเต้ฮั่นไอตี้ พระองค์ทรงสวรรคตภายในอ้อมกอดของคนรักของพระองค์ด้วยอาการหมดแรงข้าวต้มเนื่องจากการใช้แรงงานหนักทุกวี่ทุกวันตลอดระยะเวลาที่ต่งเสียนมาอยู่ด้วยด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น ฝ่ายต่งเสียนเมื่อเห็นฮ่องเต้ที่เป็นเหมือนโล่คุ้มภัยจากไปก็รู้ชะตากรรมตนเองเป็นอย่างดีว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่นั้นคงไม่แคล้วจะถูกประหารด้วยความทรมานจึงจัดการฆ่าตัวตายตามฮ่องเต้ฮั่นไอตี้ไปในที่สุด
บรรดาญาติๆ ของต่งเสียนนั้นถูกริบทรัพย์สมบัติสำเร็จโทษด้วยการประหารแบบถอนรากถอนโคน โดยทรัพย์สมบัติที่ยึดมาได้จากบรรดาเครือข่ายของต่งเสียนนั้นคิดเป็นครึ่งหนึ่งของเงินในท้องพระคลังในขณะนั้น ซึ่งความรักของฮ่องเต้ฮั่นไอตี้นี่ต้องแลกมาด้วยความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง
ที่มา SpokeDark.TV