ในปี 1970 มีครอบครัวชาวโซเวียตครอบครัวหนึ่ง ได้นำสิงโตมาเลี้ยงไว้ในอพาร์ตเมนท์ที่เมือง Azerbaijan เรื่องราวเริ่มต้นจาก หัวหน้าครอบครัวชื่อว่า Leo เป็นสถาปนิก ได้ลูกสิงโตมาจากสวนสัตว์ ลูกสิงโตตัวนี้มันถูปปฏิเสธจากแม่ของมัน คนในสวนสัตว์ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม อาการมันร่อแร่ใกล้ตาย Leo ก็เลยขอลูกสิงโตตัวนี้มาเลี้ยงไว้ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่มีความสุขแต่ปิดท้ายด้วยโศกนาฏกรรม ครอบครัวนี้มีทั้งหมด 4 คน Leo เป็นคุณพ่อ มีภรรยาของเขา และลูกๆอีก 2 คน พวกเขาได้เลี้ยงเจ้าสิงโตไว้ในอพาร์ทเม้นท์ เจ้าสิงโตก็โตขึ้นทุกวันๆ
เจ้าสิงโตเริ่มเป็นหนุ่ม แผงขนบนคอก็ขึ้น โชคดีที่มันเป็นมิตรกับคนอื่นๆ
พวกเขาตั้งชื่อให้สิงโตตัวนี้ว่า King เมื่อมันโตขึ้น คนจากสวนสัตว์ก็ต้องการนำมันกลับไป แต่ระหว่างทางนั้นมันเกิดคลั่งกระโดดลงจากรถ คนในสวนสัตว์บอกกับครอบครัว Leo ว่า ตอนนี้เจ้าสิงโตตัวนี้มันแยกจากพวกคุณไม่ได้แล้วละ มันคุ้นเคยที่ได้อยู่แบบนี้แล้ว ปรากฏว่า ครอบครัว Leo ก็ได้เลี้ยงดูเจ้า King ต่อไป
ภรรยาของ Leo ชื่อว่า Nina เล่าว่า เจ้าสิงโตตัวนี้รักสามีของชั้นมาก และมันปฏิบัติกับชั้นด้วยความสุภาพ บางครั้งเวลาที่ชั้นขึ้นไปนอนพร้อมสามีมันก็จะมานอนแทรกกลางแล้วดันสามีชั้นออกไปจากเตียง
เวลาที่มีเพื่อนมาเยี่ยมบ้าน เพื่อนๆก็จะบอกว่าเจ้า King ใจดีมาก มันทำตัวเหมือนแมวเลย มันชอบไปเลียเวลาแขกมาบ้าน แล้วลิ้นของมันเหมือนกระดาษทรายจริงๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณดุมันนิดนึงนะ มันก็จะวิ่งหนีไปที่ที่อยู่ของมัน ซึ่งอยู่ตรงมุมบ้านหรือตรงบนหิ้งวางของ
แน่นอนว่าเพื่อนบ้านแถวละแวกนั้นไม่ค่อยพอใจหรอกที่เลี้ยงเจ้า King ไว้แบบนี้เพราะ มันมีทั้งกลิ่นตัวแล้วก็เสียงเวลาที่มันคำรามอีก แล้วบางครั้งไปเจอมมันที่ทางเดินหรือที่ลิฟต์ เป็นใครบ้างละที่จะไม่กลัว Nina ยังบอกว่าพวกเขาได้วางตาข่ายสแตนเลสที่ระเบียงเพื่อไม่ให้เจ้า King หนีออกมาจากอพาร์ทเม้นชั้นที่สอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้กักขังมัน ถ้ามันเกิดเบื่อเกิน King ก็จะปีนขึ้นไปอยู่บนเตียงของฉันและสามี เด็ก ๆ ชอบขี่เจ้า King เหมือนม้า หรือบางครั้ง ก็ดึง เคราของมันออก แต่มันก็ไม่เคยโกรธ
หลังจากนั้นพอมีคนรู้เรื่องสัตว์เลี้ยงแปลกๆที่บ้านนี้ได้เลี้ยงไว้ ก็มีคนติดต่อขอเข้ามานำมันไปแสดง แน่นอนว่าครอบครัวนี้ก็จะได้พบกับดาราดังๆและได้เงินเข้ามาหมุนเวียนในบ้านมากขึ้นเพื่อที่จะได้ช่วยพวกเขาให้เก็บเจ้าสิงโตตัวนี้ต่อไปได้ แต่ธุรกิจนี้กลับมีตอนจบไม่สวย วันหนึ่งครอบครัวได้กลับมาจากการถ่ายทำหนังที่เมือง St. Petersburg และพวกเขาเอาเจ้าสิงโตพักไว้ที่โรงเรียน ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ของกองถ่ายหนังก็เอาเครื่องกระจายเสียงติดกับรถ แล้วขี่วนไปรอบละแวกนั้นเพื่อประกาศว่า “ในโรงเรียนมีสิงโตสำหรับถ่ายทำหนังอาศัยอยู่ โปรดระมัดระวังอย่าเข้าใกล้มัน” โชคไม่ดีนักเรียนคนหนึ่งกับแฟนสาวของเขาฝืนกฏ และลอบเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรงสิงโตและกรงสรรพสัตว์ที่ต้องใช้ถ่ายหนังอาทิ ลิง
โดยนักเรียนหนุ่มคนนั้นได้ซ่าเข้าไปในเขตแดนของสิงโตแบบไม่รู้ตัว และเมื่อเขาเห็นกรงลิงก็วิ่งเข้าไปหยอกล้อเล่นกับเจ้าจ๋อ…ซึ่งทันใดนั้นสิงโตก็โผล่ออกมาด้านหลังเขา ก่อนจะกระโดดควบนักเรียนหนุ่มคนนั้น หากแต่มันยังไม่ทำร้ายใครเพราะมันเชื่องมากและถูกฝึกมาก่อนหน้านี้โดยผู้กำกับหนัง อย่างไรก็ตามทันทีที่เห็นสถานการณ์กำลังซวยสุดขีด แฟนสาวก็ตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทันที เธอกรีดร้องว่า “สิงโตกำลังขย้ำแฟนของชั้น” ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็ยิงเจ้า King ตายคาที่ตรงนั้น โดยที่มันไม่ได้แตะต้องเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย ช่างน่าเศร้าที่ สัตวแพทย์ไม่อาจสามารถช่วยเจ้าสิงโตได้
ทุกคนในครอบครัวตกในความเศร้ากันทั้งหมด โดยเฉพาะเจ้าสุนัขที่เคยเป็นเพื่อนกัน มันคิดถึงเจ้าสิงโตมาก เจ้าหมามันวิ่งวุ่นหาเจ้าสิงโตไปทั่วแต่พอมันเห็นว่าเจ้าสิงโตไม่กลับมาแล้ว มันจึงปีนไปอยู่ในกล่องของเจ้าสิงโตและไม่ยอมออกมา ถัดมาไม่นานเจ้าหมาตัวนี้ก็ตายเพราะเป็นโรคหัวใจ Nina เล่าว่าพวกเด็กๆก็เศร้า พวกเขาจะตื่นขึ้นมากลางคืนแล้วร้องตะโกนเรียกเจ้าสิงโต บอกว่า อย่าทิ้งเราไป ทายซิ ครอบครัวนี้ทำยังไง พวกเขาตัดสินใจไปหาสิงโตอีกตัวมาเลี้ยงไงละ
Nina พยายามคัดค้านความคิดนี้แต่ก็ไม่สำเร็จ เจ้า King ตัวแรกนั้นมันมันเคารพเราเพราะเราช่วยมันจากความตาย เลี้ยงดูมัน นวดเท้าให้มัน ให้ความอบอุ่นมัน แต่เจ้า King ตัวที่ สอง เราไม่ได้ช่วยมันตั้งแต่แรกมันเลยดูเหมือนอยากให้เราเคารพมันมากกว่า เจ้า King หมายเลขสอง ก็ได้เข้ามาแสดงหนัง แต่เจ้าตัวนี้มันดุร้ายมากกว่า แถมมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในฉากด้วย มันไปกัดขาของผู้กำกับเข้า เพราะผู้กำกับสั่งให้มันกระโดดลงไปในน้ำทะเลเย็น พวกสัตว์มันไม่ชอบน้ำอยู่แล้วเราก็รู้ นอกจากนั้นมันยังไปกัดช่างกล้องจนนิ้วขาดอีกด้วย
ยังไงก็ตาม เจ้าตัวนี้มันก็เป็นมิตรกับคนอยู่บ้าง โดยเฉพาะ Leo มันเคารพ Leo เหมือน Leo เป็นหัวหน้าฝูง Nina คิดว่าตอนแรกเธอคงมองเจ้าสิงโตตัวใหม่ในแง่ร้ายเกินไป ในปี 1978 Leo ได้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ เมื่อสามีไม่อยู่แล้ว Nina ก็เลยรู้สึกวิตกที่ต้องอยู่บ้านกับสิงโตตัวใหญ่แบบนี้ เธอต้องการยกสิงโตให้กับสวนสัตว์แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ Nina เล่าให้ฟังว่าตอนแรกๆเจ้าสิงโตก็เคารพเธอดี แต่หลังๆมันคิดถึง Leo มาก บางครั้งมันก็พยายามรื้อของของเขาแล้วมานอนทับไว้ บางครั้งก็เที่ยวตามหา Leo ใน อพาร์ทเม้นท์
วันหนึ่งในปี 1980 เมื่อเธอกลับมาที่บ้านเธอสังเกตเห็นควันในอพาร์ทเม้นท์ ปรากฏว่าเพื่อนบ้านขี้เมาของเธอกำลังเผาบางอย่างอยู่แล้วโยนไปที่เจ้าสิงโต เธอจึงตะโกนให้ผู้ชายคนนั้นหยุด เธอปิดระเบียงบ้าน เจ้าสิงโตคงมีอารมณ์โกรธอยู่แต่มันก็กลับไปอยู่ที่รังของมัน จากนั้นลูกชายวัย 14 ของเธอก็กลับมาบ้าน เธอก็กำลังเตรียมอาหารให้เจ้งสิงโตอยู่ แต่อยู่ดีดีหิ้งที่เจ้าสิงโตอยู่ก็หัก มันตกลงมาและร่างกายของมันเจ็บปวดทรมาน ด้วยความฉุนเฉียวนั้นมันคำรามและโจมตี Nina แต่ลูกชายเธอเข้าไปหยุดไว้และตีมันด้วยเชือกจูง ซึ่งนั่นได้ชักนำไปสู่โศกนาฏกรรมในชั่วพริบตา เพราะเจ้าราชสีห์โกรธจัดและคลั่งจนฆ่าลูกชายเธอ ส่วน Ninaได้หมดสติไป เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าเจ้าสิงโตก็หมดลมหายใจเช่นกัน เพราะว่าเพื่อนบ้านได้โทรเรียกตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้ปีนระเบียงบ้านเพื่อไปยิงเจ้าสิงโต และนี่คือโศกนาฏกรรมที่ไม่มีฝ่ายใดลงเอยด้วยดี ทุกความสูญเสียคือบาดแผลที่ไม่อาจลบเลือน
ขอบคุณที่มา: http://www.kidjarak.com/tragic-story-of-li/
ที่มา http://englishrussia.com/2015/02/23/a-tragic-story-of-one-soviet-family-having-three-lions-as-pets/