หนุ่มนักประดิษฐ์นำโครง"รถเก่า"มาทำใหม่ จนออกมาสภาพแบบนี้ รวมมูลค่ากว่า"100ล้านบาท"

read:http://www.liekr.com/post_151788.html

   เปิดกรุรถเบนซ์รุ่น  300 SL Coupe  กัลวิง"Gullwing" รถสปอร์ตแห่งศตวรรษ  หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง เดมเลอร์-เบนซ์ ได้หันกลับมาผลิตรถยนต์นั่งอีกครั้งหนึ่ง โดยสร้าง 300 เอสแอล คูเป้ หรือที่รู้จักกันในนามของ กัลวิง(Gullwing) ขึ้นมาและได้กลายเป็นสุดยอดรถระดับตำนานที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถปักธงแห่งความสำเร็จบนแผ่นดินอเมริกาได้อย่างภาคภูมิใจ

   เจ้า 300 เอสแอล รุ่นนี้นั้นมักจะรู้จักกันในชื่อของ กัลวิง (Gullwing) หรือรุ่น "ปีกนกนางนวล"  เนื่องจากเอกลักษณ์ของประตูที่ออกแบบเป็นแบบยกขึ้น-ลงเพื่อเปิดปิด ผสานกับการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่หรูหรา พร้อมสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ในขณะนั้นอย่างเครื่องยนต์เบนซินหัวฉีด ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบหัวฉีดแทนที่จะใช้คาร์บูเรเตอร์ เชื่อว่าแฟนๆหลายคนคงอาจไม่รู้จักเจ้า300 เอสแอล  กัลวิงคันนี้

      300 เอสแอล ถูกสร้างขึ้นโดย บริษัท เดมเลอร์-เบนซ์ เอจี โดยใช้รหัสตัวถังว่า W198 ซึ่งรุ่นที่ผลิตออกจำหน่ายนั้น (road version) อาศัยต้นแบบมาจากรุ่นตัวแข่ง (ชื่อเดียวกันคือ 300เอสแอล แต่รหัสตัวถังเป็น W194) ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการแข่งขันหลายรายการในปี 1952 อาทิ Le Mans ที่ฝรั่งเศส,Nurburgring ที่เยอรมัน และ Carrera Panamericana ที่เม็กซิโก

   โดย 300 เอสแอล เผยโฉมเป็นครั้งแรกในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 1954 ณ งานอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ สปอร์ต โชว์ ที่จัดขึ้นที่ นิวยอร์ค งานแสดงรถที่สำคัญที่สุดในอเมริกาในขณะนั้น(ปัจจุบันคืองานนิวยอร์ค ออโต้โชว์) ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนๆ ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มักจะเผยโฉมในงานแฟรงเฟิร์ตหรือไม่ก็เจนีวา มอเตอร์โชว์

  ชื่อรุ่น 300 เอสแอล นั้น ตัวเลข 300 เป็นสัญลักษณ์ที่นำมาจากขนาดของเครื่องยนต์ ซึ่งใช้เครื่อง 3.0 ลิตร ส่วนตัวอักษร "SL" นั้นย่อมาจากคำว่า "Sport Leict" ในภาษาเยอรมันซึ่งหมายถึง รถสปอร์ตที่มีน้ำหนักเบา

  ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 4 สปีด คลัทซ์เดี่ยวแบบแห้ง ระบบกันสะเทือนหน้า คอยล์สปริงพร้อมทอร์ชั่นบาร์ หลังเป็นคอยล์สปริง โช้คอัพทั้งหน้าและหลังเป็นแบบไฮดรอลิค ระบบเบรกด้านหน้าเป็นไฮดรอลิคพร้อมตัวจับแบบสุญญากาศ ด้านหลังเป็นดรัมเบรค

ความสุดยอดของ 300 เอสแอล ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ความเร็วสูงสุดเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ 300 เอสแอล ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ด้วยตัวเลข 260 กม./ชม.(ขึ้นอยู่กับอัตราทดเฟืองท้าย ซึ่งมีให้เลือกแตกต่างกันถึง 5 รุ่น) ทำให้เจ้า 300 เอสแอล กลายเป็นโปรดักชั่นคาร์ ที่มีความเร็วสูงที่สุดในยุคนั้น อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใช้เวลา 10 วินาที

 ในช่วงปี ค.ศ.1954-1963 มีรถเบนซ์รุ่น300 เอสแอล จำนวนทั้งหมด 3,258 คันทั่วโลก  รถเบนซ์รุ่น300 เอสแอล ถูกเสนอขายด้วยราคาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ 3,000 ดอลล่า (ราว 100 ล้านบาท ) ล้อรถผลิตเมื่อปี 1954 รุ่น W196 300 SL

    ผู้คลั่งไคล้รถนาย Mark Nugent ชาวเมืองนครซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย

    เขาได้ใช้โครงสร้างของรถรุ่น W194 300 SL

  มาดูการประดิษฐ์รถของเขากันเลย ว่าจะออกมาหน้าตาอย่างไรกัน!

ต่อจากนั้นก็มาประกอบเครื่องยนต์ภายใน 

แปลและเรียบเรียงโดยLIEKR

 

Credit: แปลและเรียบเรียงโดยLIEKR
18 ส.ค. 60 เวลา 06:47 1,909
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...