Mimic : ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลกชุดสมบูรณ์

ตอบที่ถามไว้นะครับ




 

a very long yet still far from complete guide to mimicry in the natural world

 

1.2 mimic สัตว์อื่น

 

1.2.1 ผู้ล่า (aggressive mimicry)

หัวข้อที่ผ่านมา เราได้พบกับผู้ล่าที่พรางตัวเลียนแบบสิ่งแวดล้อมรอบๆ เพื่อให้เหยื่อตายใจ ซึ่งก็แลดูจะเป็นกลยุทธการล่าที่ประสบความสำเร็จพอควรทีเดียว แต่ก็แน่นอนครับ นั่นไม่ได้เป็นแค่วิธีเดียวที่จะสามารถหลอกเหยื่อให้หลงกลได้ ผู้ล่าที่เรากำลังจะได้ไปพบในหัวข้อนี้ มีคอนเซ็ปในการเลียนแบบที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง นั่นคือ แทนที่จะอยู่นิ่งๆ ทำตัวเลียนแบบสิ่งแวดล้อม มันกลับอาศัยวิธีแอบแฝงปลอมตัวเป็นสัตว์ชนิดอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นไอ้ตัวเหยื่อที่มันจะจับกินนั่นแหละ

รูปแรก

ทายถูกมั้ยครับ ข้างบนนี่ตัวอะไร?


อะไรนะ มด เหรอครับ... โฮะ โฮะ โฮะ.. โดนหลอกอีกแล้วสินะครับ

โอเคจริงๆ ผมต้องให้เครดิตคุณผู้อ่านที่ทายว่ามดบ้าง เพราะมันก็ไม่ใช่ว่าผิดทั้งหมด แต่ก็ถูกแค่ครึ่งเดียว คือรูปที่อยู่ทางข้างขวาน่ะใช่มดของแท้ แต่พวกข้างซ้ายนี่สิครับ จริงๆ แล้วเป็นมดของปลอม

ดูออกมั้ยครับ.. ตัวตนที่แท้จริงของพวกมันก็คือ แมงมุม ซึ่งแอบปลอมตัวมา ไม่เชื่อลองนับขาดูสิครับ ถ้าเป็นมดจริงๆ ปกติแมลงต้องมี 6 ขาใช่มั้ยละครับ (รูปที่สอง (มดจริง) ที่เห็นคู่หน้าสุดนั่นคือหนวดนะ ไม่ใช่ขา) แต่ทีนี้ลองดูรูปแรกกับรูปที่สามสิครับ 1..2..3..4..5..6..7..8 แปดขา! เป็นแมงมุมจริงๆ ซะด้วย! แมงมุมพวกนี้มีชื่อเรียกรวมๆ ว่า ant-mimic spiders ทั้งสี ทั้งรูปร่าง และท่าทางของพวกมัน เลียนแบบมดได้อย่างเหมือนมากจนแทบไม่น่าเชื่อ ขนาดขาคู่หน้าสุดที่เกินมา มันยังอุตส่าห์ยกชูไว้ตลอด เพื่อที่จะได้แลดูเหมือนหนวดมด คิดดูละกันครับ (แมงมุมจริงๆ ไม่มีหนวด รูปข้างล่างนี่ยิ่งเห็นชัดเลยว่าแกล้งยกขาเลียนแบบหนวดมด)

แมงมุมพวกนี้ จะว่าไปก็เหมือนกับ หมาป่าที่ปลอมตัวเป็นคุณยายในเรื่องหนูน้อยนมแดงนั่นแหละครับ แกล้งทำว่าเป็นพวกเดียวกัน แต่พออีกฝ่ายหนึ่งเผลอก็จับกินซะเลย.. ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็นแบบในรูปข้างล่างนี้แหละครับ (มดตัวจริง (ซ้าย) กำลังตกเป็นเหยื่อของแมงมุมที่ปลอมเป็นมด (ขวา))

รูปถัด มา ให้ดูหน้าของมันชัดๆ ครับ ว่าเป็นแมงมุมจริงๆ สังเกตจุดดำๆ บนหัวที่ดูไกลๆ เหมือนเป็นลูกกะตามดนั่นสิครับ นั่นมันไม่ใช่ลูกตาจริงๆ ของแมงมุมด้วยซ้ำ แต่เป็นเพียงแค่เมคอัพที่แต้มเข้าไปตรงตำแหน่งคิ้ว เพื่อจะหลอกให้ดูเหมือนเป็นตามดเท่านั้นเอง ส่วนขาวๆ วุ้นๆ ที่อยู่ในปากมันนั่นก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ตัวอ่อนมดที่มันแอบขโมยออกมาจากรังนั่นเอง กำลังดูดกินอย่างเอร็ดอร่อยยังกะกินวุ้นมะพร้าวเลยครับ ดูสิ

นี่ (ด้านล่าง) ก็อีกชนิดนึงครับ ที่ตีบทแตก สามารถหลอกมดได้สำเร็จ ว่าเป็นพวกเดียวกัน

กลยุทธ์แปลงโฉมแฝงตัวตามแบบฉบับของแมงมุมนี่ มันสุดยอดจริงๆ ว่ามั้ยครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าแค่จะหลอกจับเหยื่อละก็ ในบางกรณี อาจจะไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้กระมังครับ อย่างเวลาเราจะไปจับปลานี่ คงไม่มีใครถึงกับขนาดใส่ชุดปลอมตัวเป็นทูน่าลงไปว่ายน้ำเล่นกับฝูงมันแล้วพอ มันตายใจแล้วค่อยควักฉมวกออกมาแทงหรอกมั้งครับ ทั่วไปที่เค้าใช้ๆ กัน ก็แค่เบ็ดตกปลกหย่อนเหยื่อที่มันชอบลงไปเฉยๆ ก็พอแล้ว

....................

 

 

 

ณ ทะเลทราย Mojave มลรัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา(บนซ้าย)..

ยังคงมีด้วงชนิดหนึ่ง ชื่อว่าด้วง blister (blister beetle; Meloe franciscanus บนขวา) อาศัยหากินอยู่ตามพุ่มไม้ใบหญ้าอย่างสันติ.. เห็นท่าทางเชื่องๆ แบบนี้ ผู้ใดเลยจะล่วงรู้ว่า จริงๆ แล้ว ในวัยเด็ก พวกมันได้ก่อกรรมทำเข็ญมาอย่างโชกโชนขนาดไหน

ทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิ ตัวหนอนของด้วง blister จะเริ่มฟักออกมาจากไข่ที่ถูกวางไว้ใต้ทราย.. เจ้าหนอนพวกนี้มีสมองขนาดเล็กกะจิ๋วหริวเท่าไฝเห็บ แต่การกระทำของพวกมันกลับแสดงถึงปณิธานชีวิตอันแน่วแน่จนน่าขนลุก ทันทีที่ลืมตาดูโลก พวกมันจะรีบเร่งขุดดินขึ้นมา แล้วก็ออกค้นหาเพื่อน.. ไม่นานหนอนนับร้อยๆ จะหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ เพื่อไปรวมกลุ่มกันที่จุดนัดพบบนยอดกิ่งไม้แห้งกิ่งหนึ่ง(ล่างซ้าย กลาง) พวกมันมารวมกันเพื่อกระทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อและไม่เคยปรากฏพบเห็นมาก่อนใน สัตว์ชนิดอื่นๆ.. พวกมันมารวมตัวกันเพื่อประกอบร่างเป็นผึ้ง! (ล่างขวา)

การที่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ อย่างหนอน blister หลายๆ ตัว มารวมร่างกันเพื่อให้เกิดเป็นรูปร่างเลียนแบบสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่าอย่างผึ้ง นั้น เราเรียกว่า cooperative mimicry เป็นปรากฏการณ์ที่หาดูชมยากมากๆ ในบรรดาแมลงด้วยกัน เท่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยค้นพบ มีเพียงหนอนด้วง blister เท่านั้น ที่สามารถทำพฤติกรรมแบบนี้ได้

พวกมันไม่เพียงแต่ประกอบร่างกันกลายเป็นผึ้งเท่านั้น แต่ยังช่วยกันปล่อยกลิ่นเลียนแบบกลิ่นผึ้งตัวเมียออกมาอีกด้วย (คล้ายๆ กรณีแมงมุม bolas) ไม่นานผึ้งตัวผู้ในระแวกนั้น ก็จะถูกดึงดูดให้เข้ามาใกล้ (บน) ในบรรดาตัวผู้พวกนี้ คงมีไม่น้อยที่หื่นจัดจนทนไม่ไหว รีบรี่เข้าไปขึ้นขี่ตัวเมียปลอมที่พวกหนอน blister ได้ช่วยกันจัดฉากสร้างขึ้น พอเจ้าผึ้งหลงกลเข้ามาผสมพันธุ์ปุ๊บ พวกหนอนทั้งหลายก็จะรีบสลาย formation แล้วก็พากันไต่ยั้วเยี้ยๆ ขึ้นไปเกาะอยู่บนตัวของเจ้าผึ้งอย่างรวดเร็ว(ล่างซ้าย).. ผึ้งตัวผู้ คงงงอยู่สักพักนึงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่นานก็คงบินจากไปเพื่อไปหาตัวเมียจริงๆ ผสมพันธุ์ด้วย.. ทีนี้พอระหว่างที่ตัวผู้กำลังผสมพันธุ์กับตัวเมียของจริงอยู่นั้นเอง พวกหนอน blister ที่เกาะอยู่ตามตัวของตัวผู้ ก็จะใช้โอกาสนี้พากันกรูถ่ายเทไปเกาะอยู่ที่บนหลังตัวเมียแทน (ล่างขวา) และแล้วต่อมา ก็จะถึงเวลาที่ตัวเมียบินกลับรังเพื่อไปเลี้ยงลูก.. จังหวะนี้แหละ คือจังหวะที่พวกหนอน blister รอคอยมานาน และเป็นเหตุผลเดียวที่พวกมันอุตส่าห์ลงทุนปลอมตัวตั้งแต่แรก.. พอตัวเมียกลับมาถึงรังปุ๊บ พวกหนอนที่แอบติดมาด้วยก็จะค่อยๆ สละยาน แล้วก็แอบมุดเข้าไปสังหารหมู่ กินไข่ผึ้งที่อยู่ในรังจนหมด! .. เท่านั้นยังไม่พอ มันยังฉวยโอกาสจากความอินโนเซ็นท์ของผึ้งตัวเมีย สวมรอยเป็นลูกบุญธรรมแม่ซะเลย! ผึ้งซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกตัวเอง พอถึงเวลา ก็จะออกไปหาอาหาร(เกษรดอกไม้) แล้วก็ขนเอากลับเอามาเลี้ยงลูกตามปกติ หารู้ไม่ว่า ที่ป้อนๆ ไปนั้น หนอน blister เป็นคนรับบิณฑบาตไปหมด พวกมันกินเกษรที่แม่ผึ้งหามาเลี้ยงเป็นอาหารจนโตวันโตคืน ในที่สุดก็เข้าดักแด้แล้วก็กลายเป็นด้วงบินจากไป.. เพียงเพื่อที่จะไปผลิตตัวหนอนรุ่นใหม่กลับมาตามล้างตามผลาญจองเวรจองกรรมกับ ผู้มีประคุณของมันอีกในรุ่นหน้า และรุ่นต่อๆ ไป

พี่น้องครับ มันชั่วมั้ยครับ.. ชั่ว! มันเลวมั้ยครับ..เลว! ไอ้หนอนเนรคุณ ฟังแล้วมันน่าด่าให้สะใจประชาชี

แต่จริงๆ แล้ว อย่าไปด่ามันเลยครับ เพราะคุณธรรมจริยธรรมเป็นของที่มีจริงเฉพาะในโลกของมนุษย์เท่านั้น เอาไปใช้กับมันไม่ได้หรอก หนอนมันก็เกิดมาเป็นหนอน เหมือนกับที่เสือก็เกิดมาเป็นเสือ สรรพสัตว์ในธรรมชาติดำรงอยู่ก็เพราะมันประสบความสำเร็จในการดำรงอยู่ จะด้วยรูปแบบไหนวิธีการใด จะถูกต้องตามหลักศีลธรรมหรือไม่ ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของคนเราหรอกครับ ที่จะไปตัดสิน หรือไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ตรงนั้นได้.. ในฐานะมนุษย์ คุณจะเลือก ทำดี หรือ ทำเลว อันนั้นคุณตัดสินเอา ถือว่าเป็นเรื่องของตัวคุณเอง ขออย่างเดียวครับ เวลาเสือมันกินกวาง อย่าไปหาว่ามันทำบาปละกัน

...................................................................................................

 

 

 

การพรางตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม หาใช่เป็นสิ่งที่สงวนลิขสิทธิ์ไว้ให้สำหรับสัตว์ที่ถูกล่าเพียงอย่างเดียว เท่านั้นนะครับ สัตว์ที่เป็นผู้ล่าเอง ก็มักจะใช้แท็กติกนี้ในการ “ดักซุ่ม” โจมตี เช่นเดียวกัน

ภาพที่เห็นข้างบนนั่นคือปลากบ (frog fish) แทบจะดูไม่ออกว่าเป็นปลาเลยสินะครับ ปลากบอาศัยยุทธศาสตร์เลียนแบบปะการังหรือฟองน้ำที่อยู่รอบๆ ตัว (รูปล่างขวาคือตัวอย่างฟองน้ำของจริง) กบดานนิ่งหลอกให้ปลาเล็กปลาน้อยตายใจ พอเหยื่อเผลอว่ายเข้ามาใกล้ๆ มันก็จะอ้าปากฮุบด้วยความไวปานสายฟ้าแลบ ช่องปากที่ขยายใหญ่อย่างฉับพลัน(รูปล่างกลาง) จะก่อให้เกิดหลุมสุญญากาศซึ่งดูดกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในน้ำรอบตัว เข้ามาอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ ภายในเสี้ยวของเสี้ยวของเสี้ยวของพริบตา (1/100 วินาที) เหยื่อยังไม่ทันจะได้ร้องโอ้ย.. ก็ถูกดูดหายลงท้องไปซะล่ะ.. วิญญาณมันคงงงมากว่า อะไรวะ ว่ายน้ำมาอยู่ดีๆ ตกลงนี่กูตายแล้วเหรอ.. ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย

การพราง ซุ่ม แล้วพุ่งโจมตีเมื่อได้จังหวะ เป็นอะไรที่ผู้ล่านานาชนิดนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่ในน้ำเท่านั้นครับ แต่รวมถึงบนบกด้วย.. เราลองมาดูตัวอย่างกัน

รูปข้างบนนี้คือรูปอะไรครับ? ดูเหมือนช่อดอกกล้วยไม้ธรรมดาๆ ที่ใครซักคนซื้อมาเพื่อเตรียมเอาไปปักแจกันใช่มั้ยครับ

แล้วรูปนี้ล่ะครับอะไร?

ก็แค่เด็ดออกมาดอกนึงไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกนี่..

งั้นคราวนี้ลองดูรูปข้างล่างพวกนี้ครับ

คงเห็นแล้วสินะครับ.. แท้จริงแล้วดอกกล้วยไม้ดอกจิ๋วของเราดอกนี้ คือตั๊กแตนตำข้าวชนิดหนึ่ง ซึ่งแอบปลอมตัวมา (orchid preying mantis) รูปล่างขวาที่เราเห็นนั่น กำลังเคี้ยวแมลงสาปอยู่อย่างเอร็ดอร่อยเลยครับ

เช่นเดียวกับปลากบ ตั๊กแตนอาศัยความกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมทำให้เหยื่อตายใจ จากนั้นอาศัยจังหวะจู่โจมอย่างรวดเร็วจนเหยื่อตั้งตัวไม่ทัน คิดดูสิครับ ปกติน้องจั๊วไวขนาดไหน ยังไม่สามารถหลบรอดไปได้

............................................................

 

a very long yet still far from complete guide to mimicry in the natural world

 

1.2.2 เหยื่อ

แน่นอนครับ ไม่ใช่แต่ผู้ล่าเท่านั้นที่จะสามารถนำกลยุทธ์การเลียนแบบสัตว์อื่น มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองได้ ในตอนต้นของบทความนี้ เราก็ได้เห็นแล้วว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออย่างผีเสื้อไม่มีพิษนั้น ก็สามารถลอกเลียนแบบลายของผีเสื้อมีพิษ เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกนกจับกินได้เช่นเดียวกัน การเลียนแบบสัตว์อื่นเพื่อการป้องกันตัวในลักษณะนี้มีชื่อพิเศษเรียกว่า Batesian mimicry ดังที่ได้นำเสนอไปแล้ว

นอกเหนือจากในผีเสื้อ Batesian mimicry ยังมีพบในสัตว์อื่นๆ อีกเพียบ.. ในหัวข้อนี้ เราจะไปดูกันซิว่า มีสัตว์พิษชนิดไหนอีกบ้าง ที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์เอาลายไปใช้

เวลา คิดถึงสัตว์มีพิษ ท่านนึกถึงตัวอะไรก่อนเป็นอันดับแรกครับ?

ผมเชื่อว่า งูพิษ น่าจะมาเป็นอันดับต้นๆ.. ขณะเดียวกันหลายคนก็คงจะรู้อยู่แล้วว่า งูที่ไม่มีพิษเอง ก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน.. เกิดเป็นงูใช่ว่าจะไม่ต้องกลัวอะไรนะครับ มีสัตว์ที่ล่างูกินเป็นอาหารอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น นก แมว หมา พังพอน หรือบางทีกระทั่งงูด้วยกันเอง อ้อแล้วก็อย่าลืม คน ด้วยอีกอย่างนึง (คนนี่ดูเหมือนจะกินแทบทุกอย่าง) แน่นอนครับว่า บรรดาผู้บริโภคงูเหล่านี้ ถ้าเลือกได้ ก็คงจะเลือกจับงูที่ไม่มีพิษไว้ก่อน เพราะเสี่ยงน้อยกว่า แล้วเวลาดูงูว่าเป็นชนิดมีพิษหรือไม่มีพิษ ปกติเราดูที่ไหนล่ะครับ? ลายใช่มั้ยล่ะครับ.. เมื่อเป็นเช่นนี้สถานการณ์ก็จะไปเหมือนกับในผีเสื้อเป๊ะเลยครับ งูที่ไม่มีพิษ พอเวลาผ่านไป ย่อมมีแนวโน้มที่จะวิวัฒนาการขึ้นมาให้มีสีมีสรรไปเหมือนกับลายของงูมีพิษ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่มีใครกล้ามาจับมันกิน

ข้างซ้ายในรูปนั่นคืองู coral snake ครับ เป็นงูพิษร้ายแรง ส่วนทางขวาคืองู scarlet king snake เป็นตัวเลียนแบบ(mimic) ซึ่งไม่มีพิษเลยแม้แต่น้อย.. ดูแล้วเหมือนกันเด๊ะเลยใช่มั้ยครับ เอาเป็นว่า ทั้งคนทั้งนก ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ละก็ แค่เห็นเหลืองๆ แดงๆ ดำๆ ก็เผ่นไว้ก่อนแหละครับ เป็นดีที่สุด.. อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเค้ามีวิธีดูง่ายๆ นะครับว่าตัวไหนเป็นตัวไหน โดยอาศัยท่องอาขยานแบบนี้ครับ Red on yellow, kill a fellow. Red on black, won’t hurt Jack. แปลแบบไม่ตรงตัวได้ว่า ถ้าแดงอยู่ระหว่างเหลือง เปลืองชีวิต (มีพิษ) แต่ถ้าแดงอยู่ระหว่างดำ ยำได้เลย (ไม่มีพิษ)

ไม่ได้มีแต่แค่งูอย่างเดียวนะครับที่เลียนแบบงูด้วยกันเอง บางครั้งสัตว์ชนิดที่เราคาดไม่ถึงมากที่สุด ก็เอากลยุทธ์เลียนแบบงูพิษไปใช้ป้องกันตัวเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นเต่าในรูปข้างล่าง ดูรูปทางซ้ายจะเห็นว่า ยังไงๆ มันก็ไม่ได้เหมือนงูเลยซักกะนิด แน่ล่ะ เต่ากับงูมันก็แตกต่างกันราวหม้อกับตะหลิวมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จะให้เลียนแบบเหมือนได้ยังไง.. ทว่า คราวนี้ลองดูรูปทางขวาสิครับ ปกติผู้ล่าที่กินเต่าเป็นอาหาร อย่างเช่นนกหรือแมวหรือหมาอะไรก็แล้วแต่ เวลาจับเต่าได้ มันมักจะจับพลิกหงายท้องขึ้นมาก่อนเพื่อจะได้จัดการได้ง่ายขึ้น แต่ทีนี้ ลองดูลายที่ขอบกระดองของมันสิครับ พอผู้ล่าพลิกขึ้นมาเห็นปุ๊บ ก็จะต้องสะดุ้ง เฮ้ย! นั่นมัน coral snake นี่หว่า.. เผลอๆ อาจจะตกใจจนหนีไปเลย หรือไม่อาจจะเกิดความลังเลว่า เอ..กินดีไม่กินดี แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจ.. เฮ้อ..ไม่เอาดีกว่า เท่านี้เจ้าเต่าก็ปลอดภัย (ว่าแต่ หงายท้องอยู่อย่างนี้แล้วใครจะมาช่วยพลิกกลับให้ละเนี่ย)

ขนาดเต่าตัวกลมๆ ยังเลียนแบบงูได้นะครับคิดดู แล้วนับประสาอะไรกับหนอน ซึ่งปกติก็ตัวยาวๆ รีๆ คล้ายๆ งูอยู่แล้ว.. ที่ท่านเห็นอยู่ในรูปด้านล่างนี้คือหนอนผีเสื้อตัวอวบๆ นิ่มๆ ไม่มีกระดอง ไม่มีกระดูก ไม่มีพิษ ไม่มีกลไกป้องกันร่างกายอะไรทั้งสิ้น นอกเสียจากด้านหางของมันที่มีรูปร่างหน้าตาเลียนแบบหัวงู.. จะว่าไป ถึงแม้มันจะเลียนแบบได้ค่อนข้างเหมือน แต่อัตราส่วนขนาดไซส์ของหนอนมันก็ยังน่าจะเล็กกว่างูจริงๆ เยอะอยู่ดี แถมไอ้ตัวทางขวานั่นก็ทำหน้างูซะแบบคิกขุเชียว ดูๆ ไปออกจะน่ารักมากกว่าน่ากลัวนะเนี่ย.. อย่างไรก็ตาม ในโลกของหนอน.. เท่านี้ก็คงจะเพียงพอแล้วกระมังครับ ที่จะทำให้สัตว์อื่นไม่กล้าจับมันไปกิน

.....................................

 

ในโลกธรรมชาติจริงๆ แล้ว อันดับ 1 นัมเบอร์วันฮิตของสัตว์มีพิษที่ถูกลอกเลียนแบบมากที่สุดไม่ใช่งูหรอกครับ แต่ได้แก่ตัวอะไรทราบมั้ยครับ?

คำตอบคือ.. ผึ้ง ยังไงละครับ.. ผึ้ง(รวมต่อไปด้วยก็ได้) เป็นแมลงที่ไม่ค่อยมีใครกล้าแหยมด้วยเท่าไหร่ เพราะมีเหล็กในพิษอันร้ายกาจ และส่วนใหญ่ไม่ใช่มาเดี่ยวๆ แต่เล่นมากันทีนึงเป็นฝูง เรียกได้ว่าถ้าใครสามารถปลอมกายแอบแฝงเข้าไปอยู่รวมกับหมู่ผึ้งได้ละก็ รับรองต้องสบายหายห่วงอย่างแน่นอน

ที่เห็นในรูปข้างล่างนี้ มีผึ้งจริงๆ อยู่แค่ตัวเดียวครับ คือตัวที่อยู่ตรงกลาง นอกนั้นเป็นแมลงวัน.. ใช่แล้วครับ แมลงวันกระจอกงอกง่อย แบบที่ชอบตอมขี้เรานั่นแหละครับ.. อย่างไรก็ตาม เจ้าแมลงวันเลียนแบบผึ้ง (bee flies) พวกนี้ไม่ได้รับทานขี้เป็นอาหารอย่างญาติของมันหรอกนะครับ เช้าขึ้นมา พวกนี้จะออกหากินปะปนไปกับฝูงผึ้ง กินก็กินน้ำหวานหรือเกสรดอกไม้แบบเดียวกับผึ้ง เวลาบินก็เสียงหึ่งๆ เหมือนกับผึ้ง และที่สุดยอดที่สุดคือ เวลามีใครไปจับมัน มันก็จะแกล้งทำเป็นต่อยเหมือนกับผึ้ง เอาตูดจิ้มๆ ทำให้เราตกใจปล่อยมันไป ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้มีเหล็กในอะไรเลยด้วยซ้ำ

รูปนี้ให้ดูชัดๆ อีกครั้ง ระหว่างผึ้งจริง(ล่าง) กับผึ้งเก๊(บน)ซึ่งไม่มีพิษสงใดๆ

รูปข้างล่างนี่ ให้เห็นหน้าเห็นตากันชัดๆ ว่าเป็นแมลงวันจริงๆ ไม่ใช่ผึ้ง (สังเกต ถ้าเป็นแมลงวันจะมีตาประกอบขนาดใหญ่ที่กินเนื้อที่เกือบจะทั้งหัว)

ภาพต่อมาโชว์ให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่ผึ้งเท่านั้นที่โดน mimic โดยแมลงวัน ตัวต่อ ก็โดนเหมือนกัน

ส่วนภาพเหล่านี้ ให้ดูว่า ไม่ใช่แค่แมลงวันเท่านั้นที่ mimic ผึ้ง/ต่อ แมลงอื่นๆ ก็มีเหมือนกัน อย่างเช่น ผีเสื้อมอธ(บนซ้าย) ด้วง (บนขวา) และตั๊กแตนตำข้าว (ล่างซ้าย และขวา)

................................

 

mimic เพื่อผลประโยชน์ทางเพศ

 

สัตว์ยอมทำทุกๆ อย่างเพื่อเซ็กส์.. เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายถึงเพื่อความสนุกระหว่างมีเซ็กส์ แต่หมายถึงเพื่อจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน.. การสืบพันธุ์

สัตว์ยอมทำทุกๆ อย่างเพื่อเซ็กส์จริงๆ ครับ.. บางชนิดถึงกับยอมตาย.. แมงมุมแม่หม้ายดำ ตั๊กแตนตำข้าว เหล่านี้ ตัวผู้จะต้องยอมสละร่างให้ตัวเมียกินก่อน เธอถึงจะยอมให้เข้าผสมพันธุ์ด้วย(ไหนบอกสยดสยองน้อยลงไงฟะ).. ความโหดร้ายของการเกิดเป็นตัวผู้ ไม่ได้จบเพียงแค่นั้นหรอกนะครับ นอกจากจะต้องเอาชนะใจตัวเมียแล้ว ยังต้องคอยเอาชนะพวกเดียวกันเองอีก.. ว่ากันว่า ในแมวน้ำช้าง(elephant seal) ตัวผู้ที่แข็งแรงที่สุดเพียงแค่ 1% เท่านั้น ถึงจะได้มีโอกาสสืบพันธุ์ต่อไป ที่เหลือต้องเป็นเวอร์จินไปตลอดชีวิต แมวน้ำช้างมีระบบการจัดการทางเพศเป็นแบบฮาเร็ม.. ตัวผู้จ่าฝูง 1 ตัว อยู่ร่วมกับตัวเมียนับสิบๆ โดยมีมันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์การมีเซ็กส์แต่เพียงผู้เดียว(รูปที่1และ2) ตัวผู้ตัวอื่น ถ้ามีใครอยากได้เมียบ้าง ก็ต้องเอาชนะไอ้หมอนี่ให้ได้ก่อน(รูป3).. และนั่นหมายถึงต้องยอมแลกด้วยเลือดเนื้อและความเจ็บปวด(รูป4) เจ้าจ่าฝูงเอง กว่าจะใต่เต้ามาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องผ่านสมรภูมิการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ได้เป็นจ้าวฮาเร็มแล้ว ก็ใช่ว่าจะสบายอีก เพราะจะมีหนุ่มๆ ฟิตๆ รุ่นใหม่ๆ คอยขึ้นมาท้าทายตำแหน่งอยู่เสมอ

สภาพการแข่งขันระหว่างตัวผู้เช่นนี้ มีแพร่หลายทั่วไปในอาณาจักรสัตว์ ตัวผู้จำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ห่วยแตกที่สุด นั่นคือ นอกจากเจ็บตัวหรือเสียชีวิตแล้ว ก็ยังไม่ได้ผสมพันธุ์อีก.. บางตัว โอเคเจ็บตัว แต่ว่าเจ็บแล้วได้มีเซ็กส์ นั่นก็ยังดีขึ้นมาหน่อย แต่จะให้ดีที่สุด มันต้องไม่เจ็บด้วย แล้วก็ได้มีเซ็กส์ด้วย นั่นสิ ถึงจะเรียกว่าประเสริฐ.. ว่าแต่ว่า จะให้ทำยังไงล่ะ ถึงจะชนะได้โดยไม่ต้องสู้?

..............................

 

คุณผู้ชายหลายท่านอาจคิดว่า คงจะมีแต่พวกสัตว์ตัวผู้โง่ๆ อย่างผึ้งเท่านั้นสินะครับ ...ที่จะหลงกลโดนโฆษณาซึ่งใช้อุบาย female mimicry ตื้นๆ แบบนี้ หลอกเอาได้สำเร็จ... พิจารณาพวกรูปข้างล่างนี้ให้ถ้วนถี่ แล้วลองตอบตัวเองดูใหม่อีกสักครั้งสิครับ.. คุณแน่ใจแล้วหรือ?

 

mimic โดยไม่ได้ตั้งใจ

การที่สิ่ง 2 สิ่งมีรูปลักษณ์เหมือนกัน บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการจงใจก็อปเสมอไป.. อย่างการที่คุณแต่งตัวออกไปนอกบ้าน แล้วดันไปเจอเพื่อนอีกคนนึง แต่งมาเหมือนกันเป๊ะโดยมิได้นัดหมาย อันนั้นย่อมเกิดจากความบังเอิญโดยแท้.. ในอีกกรณีนึง สิ่งที่เหมือนกัน 2 สิ่ง ก็อาจจะเกิดจากการที่มันมีจุดกำเนิดต้นตอมาจากสิ่งเดียวกันก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น พารากอนเหมือนเอ็มโพเรียม จีวรพระไทยสีเหมือนจีวรพระพม่า คำว่าเอราวัณ บิดา มารดา เอกโทตรี ออกเสียงเหมือนคำว่า elephant father mother one two three.. เหล่านี้ย่อมไม่เรียกว่าเป็นการก็อปลอกเลียนแบบ แต่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการ ‘สืบทอด’ ต่อๆ กันมามากกว่า

ความเหมือนในลักษณะนี้ ในธรรมชาติก็มีปรากฏให้เห็นเช่นกัน.. การที่คนเรามี 5 นิ้ว เหมือนกับลิง มีปอด 2 ข้างเหมือนกับเต่า และมีกระดูกคอ 7 ชิ้นเท่ากับยีราฟ.. ย่อมไม่ได้เกิดจากการที่คนไปก็อปสัตว์พวกนี้มา(หรือเพราะสัตว์พวกนี้มาก็ อปคน) แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เรากับเต่ากับลิงกับยีราฟ และสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย ล้วนเคยมีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อน คือสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เคยอาศัยอยู่บนโลกนี้เมื่อหลายร้อยล้านปีที่ แล้ว.. ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีแล้วดันไปเหมือนกับสัตว์เข้า นั่นก็เพราะเราต่างก็รับสืบทอดลักษณะเหล่านี้มาจากต้นกำเนิดเดียวกันนั่น เอง.. จะว่าไป หากย้อนกลับไปไกลจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ เห็ดรา แบ็คทีเรีย หรือไวรัส อะไรก็แล้วแต่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างก็ถือกำเนิดและมีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ทั้งสิ้น หลักฐานที่บ่งชี้ตรงนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ การที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก มีหลักในการอ่านรหัส DNA เหมือนกันหมด.. DNA ที่บรรจุรหัสสำหรับผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งในคน พอเอาไปใส่ในแบ็คทีเรียก็จะถูกอ่านและสังเคราะห์ได้ออกมาเป็นฮอร์โมนชนิด เดียวกันไม่ผิดเพี้ยน เทคโนโลยีการแพทย์อาศัยความเป็นเอกภาพของชีวิตตรงนี้เอง มาช่วยในการผลิตฮอร์โมนที่คนไข้ขาด โดยอาศัยแบ็คทีเรียเป็นตัวช่วยผลิตให้แทน..

ยังมีอีกหลายสาเหตุครับ ที่สามารถก่อความเหมือนโดยไม่ได้ตั้งใจขึ้นมาได้.. อย่างไรก็ตาม ในเนื้อที่ที่เหลือของหัวข้อนี้ ผมขออนุญาตโฟกัสไปที่สาเหตุใหญ่อีกเพียงข้อเดียว ซึ่งผมคิดว่าเป็นสาเหตุที่น่าสนใจที่สุด

รูปภาพเหล่านี้ ดูผิวเผินเหมือนถ่ายมาจากที่เดียวกันทั้งหมด แต่จริงๆ แล้ว รูปบนซ้ายมาจากโมซอมบิค อาฟริกาใต้ บนขวามาจากเมืองจีน กลางซ้ายกับล่างซ้ายจากเมืองไทย กลางขวาเวียดนาม ล่างกลางเปรู และล่างขวาฮาวาย.. อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มคนที่อยู่กันคนละฟากฟ้า และแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอะเจอกันมาก่อน.. มีวิถีชีวิตที่ออกมาคล้ายคลึงกันได้ขนาดนี้? แน่นอนท่านอาจจะบอกว่า ก็เหมือนเรื่องสีจีวรพระกับเรื่องจำนวนนิ้วของคนกับลิงนั่นไง คนทุกชาติทุกภาษา ความจริงแล้วมีต้นกำเนิดมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ก็เลยมีวัฒนธรรมที่สืบทอดมาคล้ายคลึงกันอย่างที่เห็น..

นั่นก็อาจจะใช่อยู่บ้างครับ.. แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมว่ามันมีคำอธิบายที่เรียบง่ายกว่านั้นอยู่..

..............................

กลับมาปิดท้ายหัวข้อนี้กันด้วย Batesian mimicry อีกรอบนะครับ ตะกี้เราดูกันมาหลายตัวอย่างแล้ว แต่เช่นเคยครับ ผมได้กั๊กตัวที่สุดยอดสุดเอาไว้สุดท้าย.. ในขณะที่สัตว์อื่นๆ เวลาปลอมเป็นชาวบ้านชนิดไหน ก็จะต้องเลือกปลอมเป็นชนิดนั้นไปเลยตลอดชีวิต.. สัตว์ชนิดนี้กลับมีความสามารถพิเศษ สามารถเปลี่ยนสีเปลี่ยนรูปร่างได้ตลอดเวลา และสามารถเลือกปลอมเป็นสัตว์อื่นๆ ได้หลากหลายชนิดตามใจนึก

เจ้าราชันย์แห่ง Batesian mimicry ตัวจริงตัวนี้ ได้แก่ปลาหมึกสายชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า mimic octopus (ขณะที่เขียนอยู่นี้ ผมเพิ่งไปดูหนังเรื่อง X-Men มาพอดี ทำให้นึกถึงคาร์แร็คเตอร์ตัวนึงที่มีชื่อว่า มิสติค สามารถแปลงร่างปลอมตัวเป็นใครก็ได้ เหมือนกะเจ้าปลาหมึกชนิดนี้เลย)

เมื่อประมาณปี 2001 คณะนักชีววิทยาชาวออสเตรเลียได้ไปดำน้ำสำรวจแถวๆ ชายฝั่งเกาะสุลาเวสี กับเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย แล้วก็ได้ค้นพบปลาหมึกชนิดใหม่ ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในหมึกชนิดอื่นๆ หรือในสัตว์ชนิดไหนๆ ก็ตามที.. เจ้าปลาหมึกชนิดนี้ มันสามารถแปลงร่างได้!

บางครั้งเวลามันว่ายน้ำเร็วๆ มันจะทำหนวดลู่ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเลียนแบบปลาลิ้นหมา (flatfish) ซึ่งเป็นปลามีพิษในระแวกนั้น จะได้ไม่มีใครกล้ามาจับมันกิน (ดูรูปประกอบ ขวา:ปลาลิ้นหมาของจริง ซ้าย:ปลาหมึกเลียนแบบ)

ถัดมา เวลามันว่ายชิวๆ มันก็มักจะแผ่หนวดไปรอบๆ ทุกทิศทุกทาง เพื่อเลียนแบบครีบของปลาสิงโต ซึ่งก็มีพิษร้ายแรงอีกเหมือนกัน (ดูรูปประกอบ ขวา:ปลาสิงโตของจริง ซ้าย:ปลาหมึกเลียนแบบ)

เท่านั้น ยังไม่พอ มันยังสามารถเอาหนวด 6 หนวดขุดฝังลงไปในพื้นโคลน แล้วก็ยืดหนวดอีก 2 เส้นที่เหลือ ต่อกันเป็นเส้นยาว เพื่อเลียนแบบงูทะเล หนึ่งในงูที่มีพิษร้ายกาจที่สุดในโลก.. เจ้า mimic octopus ชอบใช้มุกนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มันถูกตามล่าโดยปลาสลิดหิน(damsel fish) ซึ่งเป็นปลาที่โดนงูทะเลจับกินเป็นประจำ (ดูรูปประกอบ บน:งูทะเลตัวจริง ล่าง:ปลาหมึกเลียนแบบ)

รูปถัดไปสรุปรูปแบบการปลอมตัวหลักๆ ทั้ง 3 แบบของ mimic octopus

นอกเหนือจาก 3 มุกหลักๆ เหล่านี้แล้ว บางครั้งนักดำน้ำก็สังเกตเห็นหมึกชนิดนี้ ทำท่าทำทางแปลกๆ เหมือนจะเลียนแบบสัตว์อื่นๆ ได้อีก แต่ก็ยังไม่กล้าฟันธงลงไป อย่างเช่นรูปข้างล่างทางซ้ายนั่น ดูๆ ไปก็ออกจะเหมือนปลากระเบนอยู่ไม่น้อย (ปลากระเบนปกติมีพิษที่หาง) ส่วนทางขวานั่น ดูไม่ออกเหมือนกันว่าพยายามเลียนแบบอะไรแน่

อันนี้ให้ดูอิริยาบถอื่นๆ แล้วก็ให้ดูว่า ลวดลายสีสันของมัน สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ตลอดเวลา ภายใต้การควบคุมของสมอง

....................




ปรากฏ การณ์ก๊อบลวงโลก (ตอนแรก)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 2)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 3)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 4)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 5)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 6)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 7)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 8)
ปรากฏการณ์ก๊อบลวงโลก (ตอน 9)
 

ผมคัดมาเฉพาะที่ผมสนใจริงๆ เพื่อนๆสนใจ ตามต่อที่ลิ๊งค์ข้างบนเลยครับ
Credit: http://atcloud.com/stories/78423
12 ก.ค. 53 เวลา 05:55 8,442 37 430
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...