https://www.meekhao.com/travel/13-cleanest-destinations-new
นอกจากความสวยงามและความแปลกใหม่แล้ว “ความสะอาด” ก็เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเป้าหมายในการท่องเที่ยวของใครหลายคน ซึ่งเมืองใหญ่หลายแห่งมักจัดการกับความสกปรกได้ค่อนข้างลำบาก ยกเว้น 13 เมืองต่อไปนี้ที่ได้ชื่อว่าสะอาดและมีระเบียบที่สุดในโลก
เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
ผู้คนในเมืองเฮลซิงกิให้ความสำคัญกับสภาพของสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับต้นๆ เช่นเดียวกับการจัดการระบบต่างๆ รวมไปถึงการขนส่งสาธารณะ เมืองเฮลซิงกิมีพื้นที่สวนมากถึง 36% และแหล่งสงวนทางธรรมชาติมากถึง 40 แห่งซึ่งกินพื้นที่ 890 เอเคอร์ นอกจากนี้เพื่อเตรียมรับมือกับสภาวะโลกร้อนทางการฟินแลนด์ยังได้สร้างพื้นที่ริมฝั่งน้ำที่ยกสูงขึ้นมาเหนือระดับน้ำทะเลเพื่อป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย
บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย
แม้จะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของออสเตรเลีย แต่บริสเบนไม่มีปัญหาทางด้านมลภาวะเลยแม้แต่น้อย ยืนยันได้จากสถิติและการสำรวจมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ให้ประชาชนรีไซเคิลขยะอยู่เสมอ
กูรีตีบา ประเทศบราซิล
ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในกูรีตีบาไม่ได้เป็นปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในเมืองหลวงของรัฐปารานาแห่งนี้ยังร่วมมือกันป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่าเต็มที่ นอกจากจะเป็นเมืองที่สะอาดที่สุดแล้วกูรีตีบายังเป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรมากที่สุดคือ 52 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน
ประเทศสิงคโปร์
คนส่วนใหญ่ที่เคยเดินทางไปเยือนสิงคโปร์มักจะกล่าวถึงความเข้มงวดที่อาจจะดูเกินพอดีไปบ้างในเรื่่องของความสะอาด แต่กฎหมายนี้ก็ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นเมืองหนึ่งที่สะอาดที่สุดในโลก ค่าปรับการทิ้งขยะเรี่ยราดอยู่ที่ราว 25,000 ถึง 120,000 บาท ส่วนค่าปรับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สิงคโปร์คือ 500,000 บาทในข้อหาทิ้งก้นบุหรี่ออกจากห้องพักของตนเองต่อเนื่องหลายครั้ง
เวียนนา ประเทศออสเตรีย
เวียนนาเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรีย แต่ความเจริญนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำให้เวียนนาเป็นหนึ่งในเมืองที่สะอาดที่สุดในโลกแต่อย่างใด ในกรุงเวียนนามีถังขยะรองรับประชาชนกว่า 17,300 ถัง ถังทิ้งบุหรี่ 12,000 ถัง และถังเก็บอุจจาระสุนัขกว่า 3,000 แห่งคอยให้บริการทั่วทุกพื้นที่
ประเทศลักเซมเบิร์ก
ลักเซมเบิร์กได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางพื้นที่สีเขียวของยุโรปซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้และเขตสงวนมากมาย ประชาชนชาวลักเซมเบิร์กเองก็ให้ความร่วมมือและเข้าร่วมโครงการด้านความสะอาดที่ทางรัฐบาลจัดอยู่เป็นประจำ
แอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ซึ่งให้ความสำคัญกับแผนพัฒนาสิ่งแวดล้อมมากมายทั้งการจัดการแก๊สเรือนกระจก กิจกรรมเมืองสีเขียว โครงการปลูกต้นไม้ 3 ล้านต้น แหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ และกาดจัดการระบบขนส่งมวลชน นอกจากนั้นแอดิเลดยังสามารถรักษาพันธุ์พืชท้องถิ่นดั้งเดิมไว้ได้ถึง 50% และอนุรักษ์นกท้องถิ่นได้ถึง 75%
โฮโนลูลู รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
โฮโนลูลูได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ใช้พลังงานสะอาดมากที่สุดและมีความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานมากที่สุดเมืองหนึ่ง โครงการ H-Power คือตัวอย่างของโครงการพลังงานสะอาดที่เปลี่ยนขยะเป็นกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนใช้มากกว่า 40,000 ครัวเรือนจากขยะ 2,000 ตัน
โกเบ ประเทศญี่ปุ่น
โกเบเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านเนื้อวัว เหล็ก ยาง และไข่มุก นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่สะอาดที่สุดในโลกซึ่งโดดเด่นด้านการจัดการระบบระบายน้ำ
เวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์
ระบบกระเช้าไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินของเวลลิงตันคือหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เวลลิงตันยังมีระบบการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
แคลกะรี ประเทศแคนาดา
นอกจากพื้นที่สีเขียวที่พบได้มากในแคลกะรีแล้ว สิ่งที่ทำให้เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่สะอาดที่สุดในโลกคือกฎหมายด้านการทิ้งขยะและการทิ้งบุหรี่ในที่สาธารณะที่เข้มงวด นอกจากนี้ยังมีมูลนิธีที่รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังอย่างเช่น Green Calgary
ออสโล ประเทศนอร์เวย์
เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ที่สะอาดเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลาเนื่องมาจากระบบจัดการขยะแบบอัตโนมัติ ระบบนี้จะส่งต่อขยะไปยังท่อที่นำพาไปสู่แหล่งเผาขยะ เพื่อเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานและความร้อนให้กับเมือง
อิเฟรน ประเทศโมร็อกโก
อิเฟรนได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งโมร็อกโก เพราะนอกจากเมืองจะตั้งอยู่ติดกับหุบเขาขนาดใหญ่แล้วยังมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเดินทางไปพักผ่อนเป็นอย่างมาก นอกจากความสะอาดที่ขึ้นชื่อแล้วสภาพอากาศของอิเฟรนยังเย็นสบายตลอดทั้งปี และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเช่นน้ำตกและอุทยานที่อุดมสมบูรณ์
ที่มา whenonearth