ปรากฏการณ์ ลึกลับสะท้านโลก Crop Circles

เหตุการณ์ นี้เกิดขึ้นที่หลายๆประเทศทางแถบยุโรป ที่ทุ่งข้าวโพด ข้าวสาลี หรือว่าข้าวบาเล่ห์ในทุ่งกว้าง แห่งหนึ่ง ที่วันดีคืนดีต้นพืชทั้งหลายเกิดล้มลง เป็นจำนวนมากและเมื่อมองจากมุมสูงกลับเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน สวยงาม คำถามที่เกิดขึ้นคือ ใครเป็นคนทำ  ใช้อะไรในการทำ และมันทำได้อย่างไร
 

 

ครอปเซอร์เคิล (Crop Circles)

วงข้าวโพดล้ม หรือ ครอปเซอร์เคิล (crop circle) เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงรูปแบบพืชที่ล้มลง ซึ่งเริ่มต้นจาก ข้าวโพด โดยคำนี้รวมถึง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่วเหลือง วงข้าวโพดล้มนี้พบได้หลายแห่งทั่วโลก ลักษณะการเกิดโดยรวมๆ คือ เกิดตามท้องทุ่งธัญพืช ซึ่งจะเป็นการล้มของต้นพืชมากมาย และออก มาเป็นรูปทรงต่างๆ และถ้าสังเกตจากต้นพืชที่ล้มลง ก้านนั้นจะไม่หักเลยทีเดียวแต่จะงอไปทางขวา ซึ่งจะเกิดขึ้นบริเวณหนึ่งนิ้วจากพื้นดินก่อนที่จะถึงข้อแรกของลำ ต้น  ต้นไม้เหล่านี้เหมือนจะถูกกระทำจาก ความร้อนที่ร้อนในช่วงเวลาสั้นๆซึ่งจะทำให้ต้นพืชนั้นอ่อนตัวลงและก็งอเป็น มุม 90 องศาโดยที่การงอนั้นคงเดิมและไม่ทำให้เกิดการ เสียหายกับต้นพืช ซึ่งนักพฤกษศาสตร์ไม่สามารถอธิบาย ได้ว่าเป็นเพราะอะไร

                รายงานครั้งแรกเกิดเมื่อครอปเซอร์เคิล ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1678 ที่เฮิร์ทฟอร์ดเชียร์ อังกฤษ ไม่มีใครอธิบายได้ว่าใครหรืออะไรทำให้มันเกิดขึ้น

                จากนั้นปลายศตวรรษที่ 17 ก็มีรายงานการค้นพบครอปเซอร์เคิลมาก ขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีประเด็นมนุษย์ต่างดาวมาใช้ในการสันนิษฐานการเกิดเหคุการณ์นี้

                ปี 1972 ณ ประเทศอังกฤษ อาเทอร์ ชัตเติลวูด(Arthur Shuttlewood) กับ บริซ บอนด์(Bryce Bond) ซุ่มซ่อนตัว บริเวณเนินเขาสตาร์ฮิล ใกล้เวสมินเตอร์ เพื่อเฝ้าดูปรากฏการณ์แสงประหลาด ซึ่งเกิดขึ้นในแถบนั้นมานานเกือบทศวรรษ เชื่อกันว่ามันคือยูเอฟโอ คืนนั้นทั้งสองผิดหวังเมื่อไม่พบแสงประหลาด แต่ได้รับการชดเชยด้วยร่องรอยบางอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกัน นั่นคือ พืชที่ล้มเป็นวงกลม จนกลายเป็น ครอปเซอร์เคิล (crop circle)

                จาก นั้นเป็นต้นมาก็มีการรายงานเหตุการณ์เหมือนๆ กันนี้มากกว่า 200 เหตุการณ์ทั่วโลก ในช่วงก่อนปี 1970 มีผู้เห็นเหตุการณ์กว่า 80 คนใน ออสเตรเลีย และ อังกฤษ อเมริกา ได้กล่าวว่า ครอปเซอร์เคิล นั้นเกิดขึ้นในช่วง เวลาเพียงแค่ 20 วินาที และได้เห็น ลูกบอลเรืองแสงที่มีสีสันจากความร้อนได้เกิดขึ้นก่อนการเกิด ครอปเซอร์เคิล ในบางโอกาส มีลำแสงพุ่งลงมายังท้อง ทุ่ง ได้ทำให้ต้นธัญญาพืชโค้งงอและจัดเรียงตัวเป็น รูปทรงเรขาคณิตภายในเวลาน้อยกว่า 15 วินาที และส่วนใหญ่คนที่เห็นเหตุการณ์นี้จะเป็นพวกเกษตรกร

                ในทศวรรษที่ 1980 ได้มีการค้นพบครอปเซอร์เคิลมากขึ้น โดยเฉพาะรอบๆเมืองวอร์มินสเตอร์(Warminster) ในช่วงต้นของทศวรรษนี้รูปทรงของมันก็ยังคงเหมือนเดิม คือเป็นวงกลมหยาบๆ โดย 90%เปอร์เซนต์ของการรายงาน การเกิด ครอปเซอร์เคิล ในทางตอนใต้ของอังกฤษ นั้นจะเป็นรูปทรงวงกลม วงกลมกับวงแหวน ออกมาคล้ายๆกับสัญลักษณ์

                หลัง จากปี 1990 รูปแบบของ ครอปเซอร์เคิล จะซับซ้อนมาก  นอกจากความซับซ้อนจะเพิ่ม ขึ้น ขนาดก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในบางแห่งนั้นกินวงกว้างถึง 200,000 ตาราง ฟุต มีทั้ง เส้นตรง , รูปเหลี่ยม และวงแหวนรูปขดเป็นวง

                จนถึงปัจจุบัน มีครอปเซอร์เคิลเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่อังกฤษรวมแล้วประมาณ 10,000 แห่ง ส่วนใหญ่เกิดทางภาคใต้ และ 90 เปอร์เซนต์อยู่ในรัศมี 50 ไมล์จากสโตนเฮน(Stonehenge) ครอปเซอร์เคิลบางแห่ง สื่อความหมายเกี่ยวกับจักรวาล แกแล็คซี่ บางแห่งสื่อความหมายเกี่ยวกับหายนะของโลกจากอาวุธนิวเคลียร์ และบางแห่งสื่อความหมายเกี่ยวกับผลร้ายของการทำลายสภาพแวดล้อม

                


ในวันที่ 17 สิงหาคม 2001 นักวิจัยครอปเซอร์เคิลต้องตะลึงกับครอปเซอร์เคิลรูปแบบใหม่สองแห่งในทุ่ง ข้าวโพดใกล้กล้องโทรทรรศน์วิทยุ Chilbolton ที่ Hampshire อังกฤษ มันเป็นภาพกราฟิกของสัญญาณวิทยุที่ส่งจากโลกไปยังกลุ่มดาว M13 อีกแห่งหนึ่งเป็นภาพหน้าคนที่คล้ายภูเขาหน้าคนบนดาวอังคาร ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครบรอบปี ได้เกิดครอปเซอร์เคิลแบบนี้ขึ้นอีก มันคือครอปเซอร์เคิลที่แสดงภาพของ E.T. ห่างจากที่ ตั้งกล้องโทรทรรศน์ Chilbolton ราว 9 ไมล์

                ในวันที่ 15 สิงหาคม 2002 นักวิจัยได้พบเบาะแสบางอย่างที่อาจคลี่คลายปริศนานี้ได้ นั่นคือการพบความผิดปกติในลำต้นของพืชในครอปเซอร์เคิล ที่พวกเขาอ้างว่าสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างของจริงกับที่มนุษย์สร้าง ขึ้นได้ ครอปเซอร์เคิลของจริงนั้นลำต้นของพืชที่ล้มซึ่งอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 1 นิ้ว มีลักษณะโค้งงอไม่แตกหัก นอกจากนั้นโครงสร้างของเซลล์(cell Pit) ยัง เปลี่ยนแปลง คือเซลล์ขยายตัวเหมือนได้รับความร้อน ด๊อกเตอร์ วิลเลียม เลเวนกูด (William C. Levengood) เชื่อว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดครอปเซอร์เคิล มันต้องใช้พลังงานที่เร็วและหนาแน่นจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ นักวิจัยเชื่อว่าพลังงานที่ว่านั้นน่าจะเป็นไมโครเวฟ ทฤษฎีนี้เรียกว่า Microwave Transient Heating นักวิจัยยังอ้างการศึกษาผลกระทบของพืชในครอปเซอร์เคิล เปรียบเทียบกับพืชที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งพบว่า เมล็ดพืชในครอปเซอร์เคิลมีอัตราการเจริญเติบโตเร็วกว่าเมล็ดพืชบริเวณใกล้ เคียงถึง 45 เปอร์เซ็นต์

                แล้ว มันเกิดขึ้นได้ไง??

               

 

ฝีมือคน  มีรายการอธิบายการเกิดเหตุการณ์นี้ว่าวงข้าวโพดล้มในอังกฤษทั้งหมดนั้นเกิด จากฝีมือของคน ชายชาวอังกฤษสองคนได้ออกมาเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ว่า ครอปเซอร์เคิลเป็นเรื่องหลอกลวงมันเกิดจากฝีมือของมนุษย์ เดฟ คอร์ลีและโดฟ โบเวอร์ (Dave Chorley and Doug Bower) อ้างว่าพวกเขาเป็นผู้สร้างมันขึ้น มารวมแล้วกว่า 1,000 แห่ง ตั้งแต่ปี 1978 โดยใช้ไม้กระดานขนาด 4 ฟุต และเชือกเป็นเครื่องมือ ในขณะเดียวกันก็มีนักหลอกลวงกลุ่มอื่นๆออกปฏิบัติการในยามค่ำคืนอย่างเดียว กับพวกเขาด้วย นิตรสารไทม์ฉบับวันที่ 23 กันยายน 1991 พูดถึงเรื่องนี้ว่า นี่คือการนำไปสู่จุดจบของเรื่องซึ่งเป็นหนึ่งในความลึกลับที่สุดของอังกฤษ และของโลกแล้ว แต่กระนั้นหลายฝ่ายๆ ต่างแย้งว่านี้เป็นการจัดฉากของรัฐบาลอังกฤษ

                ในปี 2000 ชายชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยตนเองว่าเป็นผู้สร้างครอปเซอร์เคิล ที่วิจิตรพิสดารหลายสิบแห่งในภาคใต้ของอังกฤษมากว่า 11 ปี พวกเขาเรียกตนเองว่า Circlemakers โดยใช้คอมพิวเตอร์ร่างรูปแบบก่อน พวกเขาได้รับเชิญจากสื่อมวลชนให้สาธิตการสร้างครอปเซอร์เคิลที่มีความซับ ซ้อนหลายครั้ง ซึ่งพวกเขาทำได้จริงๆ และก็ไม่ได้ใช้ไมโครเวฟ ปัจจุบันพวกเขามีเว็บไซต์ที่แสดงผลงานและเสนอข่าวสารเกี่ยวกับครอปเซอร์เคิล และเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับครอปเซอร์เคิลที่เฟื่องฟู อยู่ทุกวันนี้

                แต่ กระนั้นฝีมือมนุษย์ก็ไม่สามารถอธิบายได้กับเหตุการณ์การเกิดวงกลมทั้งหมด มีบางวงที่หลายคนเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากฝีมือของมนุษย์ โดยวิธีแยกแยะ ครอปเซอร์เคิลของ จริงของปลอม คือวงกลมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือ มนุษย์นั้น หญ้าหรือธัญพืช จะมีรอยหักหรือช้ำเป็นทางอย่างเห็นได้ชัดเพราะ "ใบข้าวสาลี เป็นสิ่งที่หัก หรือ ช้ำง่ายมาก"  นอกจากนี้ก็ยังมี ร่อยรอยการแหวกหรือการเหยียบย่ำของคนทำ เช่นรอยเท้า เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่ยากเลยที่เราจะแยกแยะวงกลมปริศนานี้ออกว่าอันไหนจริงอันไหน ปลอม เพราะของจริงนั้นไม่มีร่องรอยของการเหยียบย่ำ หัก หรือ ช้ำ ใบของธัญพืชจะเอนลู่ราบเป็นทางเดียวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่พบแม้แต่รอยเท้าของคนหรือแมวซักตัว ในช่วงที่สำรวจวงกลมที่เชื่อว่าเป็นของแท้ ราวกับว่าคนทำบินหรือล่องหนมาสร้างขึ้น



สภาพของดิน ฟ้าอากาศที่ผิดปกติ ด๊อกเตอร์ เทอร์เรนซ์ มีเดน(George Tenence Meaden) ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักอุตุนิยมวิทยาได้พยายามไขปริศนา นี้ โดยทำการวิจัยครอปเซอร์เคิลมากกว่า 1,000 แห่ง ก่อนที่จะมีทฤษฎี ออกมาว่าลักษณะของวงกลมเหล่านี้น่าจะมาจากลมหมุนประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่ปรากฏต่อสายตาชาวบ้านอย่างเราๆท่านๆมากนัก ภาษาวิชาการเค้าเรียกกันว่า "plasma vortex phenomenon" เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากลมหมุนลักษณะคล้ายลมหมุนธรรมดาแต่พ่วง ประจุไฟฟ้าที่เกิดในบรรยากาศเข้ามาด้วย ลมหมุนที่เคลื่อนที่อยู่บนทุ่งนาจึงทำให้ธัญพืชที่อยู่ในบริเวณเกิดรูปร่าง เป็นวงกลม ครอปเซอร์เคิล ขึ้น

                ทฤษฎี นี้ได้รับการสนับสนุนจากผลการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นคือ ศาสตราจารยโอซึกิ (Ohtsuki) เขาใส่พลาสมา (plasma Fireballs) ลงในถาดแป้ง ผลปรากฏว่ามันทำให้เกิดวงแหวนสองชั้นรอบศูนย์กลาง ปี 1991 ได้มีการค้นพบครอปเซอร์เคิลหลายร้อยแห่งในอังกฤษ มันยังแพร่ระบาดไปในเยอรมัน สหรัฐอเมริกา บราซิล โรมาเนีย ฮังการีและญี่ปุ่น ยิ่งไปกว่านั้นมันได้เปลี่ยนแปลงรูปทรงใหม่เป็น Pictrogram เสมือนการสื่อความหมายบางอย่างด้วยภาพ รูปแบบใหม่ของมันทำให้ทฤษฎีผู้มาจากต่างมิติที่พยายามสื่อสารกับมนุษย์เริ่ม ก่อตัวขึ้น ความซับซ้อนของรูปทรงครอปเซอร์เคิล ทำให้ทฤษฎีพลาสมาไม่สามารถอธิบายรูปทรงนี้ได้ ในขณะที่คำกล่าวอ้างเรื่องแสงไฟประหลาดเหนือท้องทุ่งยามดึก แล้วทำให้เกิดครอปเซอร์เคิลในรุ่งอรุณของทฤษฎียูเอฟโอ ก็ยังใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ แต่มันก็ยังเป็นทฤษฎีที่ได้รับความสนใจมากที่สุด

 
เสียง  มีการค้นพบว่า Infrasound (เสียง ที่ต่ำกว่า 20 Hz) นั้นก็สามารถที่จะทำให้เกิด เหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน Infrasound ที่มีความดันสูง สามารถที่จะทำให้น้ำเดือดได้ภายในเวลาเพียงแค่ 1 นาโนวินาที ซึ่งก็ตรงกับคำพูดของเกษตรกร ผู้เห็นเหตุการณ์ว่าได้เห็นไอควันลอยขึ้นจาก ครอปเซอร์เคิล

                สนาม แม่เหล็ก มีอีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เป็นของด๊อกเตอร์ คอลลิน แอนดริวส์ (Colin Andrews) นักวิทยาศาสตร์อังกฤษซึ่งศึกษาครอปเซอร์เคิลมาเป็นเวลา 17 ปี ในปี 2000 แอนดริวเปิดเผยผลวิจัยซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิร็อกกี้ เฟลเลอร์ว่า ราวๆ ร้อยละ 80 ของครอปเซอร์เคิลเป็นฝีมือของมนุษย์ ครอปเซอร์เคิลเหล่านี้ จะมีรูปทรงซับซ้อนและวิจิตรพิสดารส่วนที่เหลือซึ่งมีรูปทรงง่ายๆนั้น เขาเชื่อว่ามันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กในบริเวณนั้น ซึ่งทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าและกระแสไฟนี้เองเป็นตัวการทำให้พืชล้มลง งานวิจัยที่พบว่าครอปเซอร์เคิลบางแห่งทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นไมโครโฟน หรือเครื่องบันทึกเสียงถูกรบกวนจนใช้การไม่ได้ รวมทั้งผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นจะรู้สึกปวดศีรษะหรือมีอาการคลื่นไส้ สนับสนุนทฤษฎีนี้ นักวิจัยบางคนเชื่อว่ามันเกิดจากพลังงานที่ตกค้าง

UFO เพราะมีรายงานการพบเห็นสิ่งบินนอกพิภพเข้ามาเกี่ยวข้องในสถานที่ เกิดเหตุท้องทุ่งนา มีผู้สันนิษฐานว่า อาจจะเกิดจากร่องรอยการลงจอด หรือแสตนบายเหนือพื้นดินของ UFO แต่ทว่า นับวันลวดลายที่ปรากฏก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นทุกที จนแทบไม่น่าเชื่อว่า มันจะเกิดขึ้นจากลวดลายบนตัวยาน ดังนั้น นักจานผีวิทยาบางคน จึงตั้งประเด็นเอาไว้ว่า เป็นไปได้ไหม ที่วงกลมปริศนานี้ จะเป็นข่าวสารที่นักบินของ UFO เหล่านั้นทิ้งเอาไว้ ด้วยเจตนาบางอย่างที่เรายังไม่ทราบ

 

ดัดแปลงจาก

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1

http://www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?t=7382

 

 

Credit: Cammy
12 ก.ค. 53 เวลา 05:18 10,490 3 96
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...