ในโรงงานมีแสงสลัวขมุกขมัว คนงานแทบไม่ได้เห็นแสงตะวัน เนื่องจากเครื่องจักรจะปล่อยควันไม่หยุดทำให้ในโรงงานเต็มไปด้วยเขม่าตลอดเวลา ถ้าคุณนึกภาพไม่ออกว่ามันเลวร้ายแค่ไหนลองจินตนาการประมาณว่าขณะที่คุณยืนอยู่ ที่ไอจากท่อไอเสียรถลอยอบอวลอยู่รอบตัวคุณตลอดเวลา คิดดูเถิดว่านั่นคือสภาพการทำงานที่เลวร้ายแค่ไหน
รายได้ของคนงานอุตสาหกรรมยุคนี้น้อยมาก พวกเขาต้องทำงานวันละประมาณ 10 ชั่วโมงต่อวัน ได้เงิน 10 เซ็นต์ ต่อชั่วโมง อาทิตย์นึงก็ได้ประมาณ 8 – 10 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ (หากเทียบในปัจจุบันก็จะได้ค่าเงินประมาณ 280-360 บาท แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในอดีตนั่นเป็นเงินที่น้อยนิดกว่านี้มาก)
แรงงานเด็กก็เป็นที่นิยมใหม่หมู่งานอุตสาหกรรม แถมเงินค่าจ่ายที่จ่ายให้เด็กยังน้อยกว่าค่าจ้างของผู้ใหญ่ 10 – 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
การถูกทุบตีดูเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กๆที่ทำงานในเหมือง บางครั้งช่วงเวลาการทำงานของเด็กจะยาวนานมาก เด็กๆต้องทำงานหนักจากตีสี่ถึงห้าโมงเย็น ซึ่งนับว่าหฤโหดนัก เด็กส่วนมากจะเสียชีวิตก่อนอายุ 25 สาเหตุของการตายมาจาก อุบัติเหตุจากเครื่องจักร การระเบิดและโรคมะเร็งปอด
สมัยก่อนจะมีโรงซื้อขายเด็กโดยเฉพาะ เหมือนการซื้อขายทาส เด็กที่ถูกซื้อไปทำงานจะไม่ได้รับค่าจ้าง แต่จะได้แต่เพียงที่ซุกหัวนอนอย่างเดียว
โรคที่ตามมาอีกอย่างคือ โรคที่เกี่ยวกับขากรรไกร เนื่องจากคนทำงานอุตสาหกรรมต้องเจอกับพวกฟอสฟอรัสมากเกินกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการบวมที่บริเวณเหงือก สำหรับคนยุโรปในยุคนั้น การขาดสารอาหารดูเป็นเรื่องปกติ อายุเฉลี่ยของคนจึงอยู่ราวๆ 35 ถึง 40 ปี
ส่วนที่อยู่อาศัยของคนงานก็สร้างขึ้นมาคล้ายกระต๊อบ ตามพื้นเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกมากมาย แต่ละกระต๊อบก็อยู่ประมาณ 8 ถึง 10 แถมไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆรวมถึงไม่มีห้องน้ำด้วยซ้ำ แน่ล่ะ โรคระบาดต้องตามมาแน่นอน และทั้งหมดนี้ก็คือชีวิตของคนโรงงานแห่งยุควิคตอเรียน...
ขอบคุณที่มา: https://www.facebook.com/Bookcafeoriginal/photos/pcb.880985498730959/880985085397667/?type=3&theater
ที่มา: creepybasement