เสริม สาครราษฎร์ พิษรักต้องชำแหละ ตอนที่ 2

เสริม สาครราษฎร์ พิษรักต้องชำแหละ ตอนที่ 2


เรื่องโกหกของเสริม


               แม้จะยอมรับสารภาพว่าตนเองเป็นฆาตกรที่ฆ่าหั่นศพแฟนสาวของตัวเองไปแล้วจริงๆ การทำแผนประกอบคำรับสารภาพในชั้นแรกของเขา ยังเป็นที่คลางแคลงใจหลายฝ่าย เขาเล่าเป็นฉากเป็นตอนราวกับนิทานชั้นหนึ่งว่า............................. 


               6 มกราคม พ.ศ.2541 


               ห้างเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ราชประสงค์ 


               เสริม สาครราษฏร์ ชื่อเล่นว่า เอ นักศึกษาแพทย์ ปี 2 ของวชิระพยาบาลนัดพบ นางสาว เจนจินา พลอยองุ่นศรี นักศึกาแพทย์รุ่นพี่ สถาบันเดียวกัน เพื่อปรับความเข้าใจเรื่องความรักที่ระหองระแหง...ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่มีปากเสียงกันมาหลายครั้งหลายครา และยังตกลงเรื่องราวของความสัมพันธ์ในหัวใจที่ค้างคากันมานาน 2 ปีไม่สำเร็จ 


               เจนจิรา เธอยังยืนยันขอแยกทางกับเสริม เพราะรู้สึกว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นิสัยของฝ่ายชายเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าเข้ากันไม่ได้กับเธอ 


               เสริมตกใจกับคำปฏิเสธของหญิงสาว เขาตามง้อ วิงวอง เพราะเจนจิราเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารักจนหมดหัวใจ เขาเดินตามสาวคนรักมาที่ลานจอดรถที่ค่อนข้างเงียบสงัดและลับตาคน และตามไปนั่งคุยต่อในรถของฝ่ายหญิง 


               เขาเกิดอารมณ์โกรธสุดขีด มันทำให้เขาขาดสติจนยั้งใจไม่อยู่ เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง เขาลืมตัวบีบคอแฟนสาวจนตายคามือของเขา 


               แต่เมื่อสติหวนคืนกลับ เสริมตกใจกลัวสุดขีด ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาน่ะมันรุนแรงแค่นั้นเขารู้ดี ชีวิตของเขา หน้าที่ การงานของเขา จะถูกทำลายเพราะถูกจับฐานฆ่าคนไม่ได้ 


               คิด......คิด.....คิดสิ......คิด????  


               เขานั่งรถข้างศพเจนจิรานาน 2 ชั่วโมงแล้วแผนการต่าง ๆ ถูกร่างขึ้นในสมอง เขากำลังหาวิธีทำลายศพแฟนสาว จะทำอย่างไรล่ะ เผา ทิ้งแม่น้ำ ฝังศพไว้ในป่าลึก เพราะถ้าไม่มีศพ ก็ไม่มีพยานหลักฐานที่เอาผิดได้ 

 

   


               ทันใดนั้นเอง....เขาก็คิดได้...แต่กรรมวิธีนั้นมันสยดสยอง และหฤโหดสุดคณา


               เขาขับรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่า  สีเขียว หมายเลขทะเบียน 8ษ-8580 กรุงเทพฯ ของเจนจิรา ออกลานจอดรถห้างเวิลด์เทรดในเวลาพลบค่ำ พาร่างที่ไร้วิญญาณของเจนจิราอยู่ในกระโปรงรถหลัง เขาตรงไปที่ประตูน้ำ และปลายทางลิ้นสุดลงที่ห้อง 156 ของโรงแรม 99 ในซอยรางน้ำ


               หลังจากจ่ายค่าห้องแบบค้างคืนแล้ว เสริม สาครราษฏร์ ค่อย ๆ อุ้มศพของเจนจิรา เข้าไปในห้องน้ำ วางศพเธอที่แข็งตัวแล้วไว้ที่อ่างน้ำ ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออก 


               ตามปกติเสริมเป็นชอบพกมืด ขนาดยาวประมาณ 5 นิ้ว ไว้ในกระเป๋าสะพายติดตัวอยู่บ่อย ๆ มีดเล่มที่ลมกริบเล่มนั้น มันคือเครื่องมือสำคัญในการกำจัดศพของเธอ 


               เขาค่อย ๆ เฉือนอณูเนื้อของแฟนสาวออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามที่ร่ำเรียนมาจากคณะแพทย์ เขาเฉือนเสร็จ ก็ทิ้งลงในชักโคลก แล้วกดน้ำทิ้ง เขาทำเช่นนี้อยู่นาน 2 ชั่วโมง จนชักโคลกและท่อระบายน้ำเกรอะเริ่มอุดตันขากเศษเนื้อมนุษย์...จนเขาเริ่มวิตก 


                ต่อมาเขาขับรถกลับโรงแรมอีกครั้ง เขาซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาดับกลิ่น  น้ำยาขจัดสิ่งอุดตัน ถุงดำใส่ขยะ ที่ปั๊มลมสำหรับโถส้วม ที่ร้านเซเว่นฯในละแวกนั้น 


                ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขากลับชำแหละศพของแฟนสาวแบบนอกตำราต่อจน...ไม่มีอะไรเหลือ หัวกะโหลก และโครงกระดูกทุกชิ้นของเจนจิราถูกใส่ถุงดำถึง 3 ถุงใหญ่ 


                แผนการขั้นต่อไปเขาคิดขึ้นมาได้ "กำจัดหัวกะโหลกและกระดูก" ทั้งหมดีวมทั้งหลักบานทั้งหมดให้สิ้นซาก...ที่ไหน...อย่างไรดีล่ะ.......??? 


                เสริมตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่โรงแรม 99 แล้วเรียกแท็กซี่ กลับห้างเวิลด์เทรดฯอีกครั้งเพื่อกลับไปเอารถของเขา แล้วไปจอดที่โรงแรมเฟิร์สต์ สี่แยกราชเทวี เพื่อไม่ให้มีพิรุธ และเป็นที่น่าสงสัยของห้าง 

 

  

 

                เขานั่งแท็กซี่ กลับไปที่โรงแรม 99 อีกเที่ยว แล้วนำถุงกระดูกของเจนจิราทั้ง 3 ถุง ใส่รถของเธอ ขับขึ้นทางด่วน ไปลงถนนบางนา- ตราด มุ่งหน้าต่อไปยังสะพานปะกง จอดรถที่กลางสะพาน ดูจนแน่ใจว่าไม่มีคนเห็น จากนั้นก็โยนถุงทั้งหมดทิ้งลงแม่น้ำปางปะกง เพื่อทำลายหลักฐาน 

 

                ลาก่อน.......เจนจิรา หากชาติหน้ามีจริง....เราคงได้พบกัน 

 

                เสริมขับรถของเจนจิรา กลับมาโรงแรมเฟิร์สต์ อีกครั้งขนถ่ายเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของเธอ มาใส่รถของตัวเอง แล้วขับรถแฟนสาวไปทิ้งหน้าบริษัท ทีแอนด์ที โอเพ่นนิ่ง จำกัด ในหมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ 

 

                จากนั้นก็ต่อรถแท็กซี่ กลับเอารถของตัวเอง กลับไปหอพักเก็บของเสร็จสรรพแล้ว เขาไม่ยอมนอน เขาขับรถต่อไปยังบ้านเพื่อนสนิทคนหนึ่งในย่านบางพลัด ถนนจริญสนิทวงศ์ เมื่อเวลาสว่างพอดี เขาขอให้เพื่อนล้างรถ เสร็จแล้ว เดินทางไปหอพัก เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และขับรถไปบ้านเกิดที่จังหวัดชลบุรี เพื่อเผาทำลายเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของเจนจิราจนหมดสิ้น 

 

                สิ้นควันไฟ เขาถอนหายใจ ทุกอย่าง ถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ไม่ให้ตำรวจสาวตัวมาถึงเขาได้ แน่นอนถ้าไม่มีหลักฐาน ไม่มีศพ ก็ไม่มีใครเอาผิดเขาได้                

 

               ความจริงแห่งความตาย

 

                ..................................ตำรวจเงียบไปพักใหญ่เมื่อฟังคำรับสารภาพของนายเสริม ทำไมกันทำไมเขาต้องวางแผนยุ่งยากแบบนี้ด้วย เดียวไปโน้น เดียวไปนี้ สลับซับซ้อนเหลือเกิน

 

                หรือว่าเขาโกหก!

 

                มีทางเดียวเท่านั้นที่จะรู้ความจริงคือ การเข้าเครื่องจับเท็จ

 

                ผลออกมาปรากฏว่าเขาโกหก แต่กฎหมายไทยผลจากเครื่องจับเท็จนั้นไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ตำรวจจำเป็นต้องปล่อยตัวเขาอีกครั้ง แต่ได้สั่งคนตามไปประกบจับตาดู 

 

                ผ่านไป 10 วัน มีรายงานเข้ามาว่า เสริมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อเขาเลิกเรียนแล้วก็กลับมาหมกตัวอยู่ในห้อง ไม่สุงสิงกับใคร กินข้าวก็กินในห้อง แทบไม่ออกไปไหนเลย 

 

                วันที่ 27 มกราคม มีรายงานมาว่าเขากำลังเผาอะไรบางอย่างอยู่หลังบ้าน               

 

                สู้คดี

 

                แม้เสริมจะรับสารภาพ แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายมีลูกเล่นให้ตำรวจต้องปวดหัวเป็นระยะๆ ทั้งการให้การเท็จให้การปฏิเสธในชั้นศาล ทั้งๆที่ในชั้นสอบสวนและทำแผนรับสารภาพทุกขั้นตอนแล้ว

 

                เสริมตั้งทีมทนายสู้คดีกับฝ่ายอัยการ โดยระหว่างนั้นก็ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว เพราะเป็นคดีที่สยดสยองและอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วประเทศ

 

                จนกระทั้ง......

 

                ระหว่างที่เสริมสู้คดีหั่นศพในศาล 1 ปีเศษ อยู่ในช่วงสืบพยานโจกท์ ระหว่างนั้นเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น เมื่อตำรวจพบหลักฐานเพิ่มเติมอีกจำนวนมากในบ้านพักเพื่อนายเสริมคนหนึ่งที่ ถ.จริญสนิทวงศ์

 

                มันเป็นการพบหลักฐานสำคัญที่ประหลาดและพิสดารมากเพราะมันเริ่มมาจากการที่ตำรวจได้แจ้งเหตุว่ามีงูเหลือมเข้าบ้านพักจึงไปตามจับถึงบ้านพัก

 

                งูเหลือมจำนวน 2 ตัวเลื้อยหลบหลีบและขึ้นไปซ่อนบนฝ้าเพดานใต้หลังคา

 

                ตำรวจสามารถจับงูได้ที่นั้น และสายตาก็เหลือบไปเห็น 

 

                "ถุงดำ!"

 

                สิ่งที่พบในถุงตำรวจต้องตกตะลึงเพราะมันเป็นข้าวของเครื่องใช้ของ นางสาวเจนจิราเหยื่อหั่นศพ ซึ่งก่อนหน้านั้นนายเสริมอ้างว่าเผาทำลายทิ้งหมดแล้ว

 

                หลักฐานเพิ่มเติมนี้เป็นหลักฐานมัดตัวเสริม สาครราษฎร์ ให้หนักแน่นขึ้น

 

                ความจริง

 

                จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังสามารถสรุปสำนวน และความเป็นจริง ของคดีสยดสยองนี้ ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

 

                จากห้างเวิลด์เทรดฯ เสริมใช้วาจาล่อหลอกให้เจนจิรา ตามเขาไปที่คอนโด ซึ่งเป็นหอพักของเขาย่านฝั่นธนฯได้สำเร็จ ทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง 

 

                ในขณะที่เธอเข้าห้องน้ำนั้น ด้วยโทสะสุดขีดเขาใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะของเธออย่างโหดเหี้ยม ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมา

 

                การชำแหละศพเจนจิรา เกิดขึ้นที่ห้องน้ำที่พักของเขาเอง หลักฐานก็คือที่ห้องพักโรงแรม 99 ตำรวจไม่พบคราบเลือด เส้นผม และชิ้นเนื้อใด ๆ ในบ่อเกรอะของโรงแรมแม้แต่น้อย 

 

                แต่ในห้องน้ำของเขา และบ่อเกรอะ ตำรวจพบทั้งคราบเลือด และเศษมนุษย์ จำนวนมาก  เมื่อผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ยืนยันแล้วว่าเป็นของเจนจิราจริง

 

                จากนั้นก็มีการพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์โดยชาวบ้านในแม่น้ำบางปะกง ทอดแหไปเจอเข้า เมื่อทางนิติเวชนำมาตรวจพิสูจน์ภาพเชิงซ้อน ลักษณะของฟัน และดีเอ็นเอ แล้วพบว่าเป็นของเจนจิรา

 

                ทั้งสองหลักฐานที่ได้มานี้ เป็นหลักฐานสำคัญทางวิทยาศาสตร์ ที่มัดนายเสริม สาคาราษฏร์ชนิดดิ้นไม่หลุด

 

                ทำไมคำสารภาพครั้งแรกของเขา เขาต้องโกหก เขาต้องการให้เจ้าหน้าที่ไขว้เขวหรือ? ไม่อยากให้หาหลักฐานเจอหรือ? เพื่อประวิงเวลา จนไม่สามารถเอาผิดกับเขาได้

 

                ผลสุดท้าย เสริม สาครราษฏร์ ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต

 

                และทุกวันนี้ เสริม ยังมีชีวิตที่อยู่ในคุกจนถึงปัจจุบัน

 

ข้อมูลจาก ตามรอยคดีฆ่า


 
Credit: DR.MOO CAN DO
11 ก.ค. 53 เวลา 19:20 6,617 6 140
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...