เสริม สาครราษฎร์ พิษรักต้องชำแหละ ตอนที่ 1
คมมีดขาวกริบวาววับ....ค่อยๆกรีดลงไปนื้อหนังมังสาของร่างผู้หญิงหนึ่งจนเกือบมิด เลือดสีแดงพุ่งกระฉูด เลือดไหลเปื้อนเปอะไปผนังและพื้นห้องน้ำ ดวงตาหื่นโพลงของวัยรุ่นนักศึกษาคนหนึ่ง ระทึก แต่มือจ้าของดวงตายังทำหน้าที่การชำแหละร่างไร้วิญญาณต่อไป เศษชิ้น เศษเนื้อถูกเฉือนออกมา ถูกทิ้งลงในโถชักโครก
ภายในห้องแม้อุณหภูมิจะเย็นเฉียบด้วยเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ แต่ก็ยังปรากฏเม็ดเหงื่อที่ใบหน้าและแผ่นหลังของเขาจนโชกชุ่ม รวมไปถึงน้ำตาที่ไหลริน พร่างพราย เพราะร่างผู้หญิงที่เขารัก กำลังเปลี่ยนไปเป็นเศษเนื้อในอีกไม่ช้าไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา นี้คือผู้หญิงคนแรกในชีวิต และเป็นคนที่เขารักหลงใหลเทิดทูลเธออยู่ในหัวใจเป็นเวลาหลายปี
ยิ่งรักมากก็แค้นมาก...ด้วยอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ ที่ทำให้เขาฆ่าเธอ
เธอจะเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น...ลาก่อน...เจนจิรา...ลาชั่วนิรันดร์
พ.ศ.2536 ประมาณ 11 ปีมาแล้ว
มีข่าวหนึ่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ในหนังสือพิมพ์ของประเทศไทย เป็นข่าวเด็กชายอายุ 15 ปี คนหนึ่งจากจังหวัดชลบุรี สามารถสอบเอ็นทรานซ์ เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้
เขาสร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการศึกษา ในความเป็นเด็กยอดอัจฉริยะข่าวนี้ทำให้ประชาชนสนใจ และกล่าวถึงความเก่งกาจ ความฉลาดของเขา
อีก 5 ปีต่อมา เขาสำเร็จการศึกษาได้เป็นวิศวกรรมบัณฑิตสมความตั้งใจ
แต่แค่นี้ยังไม่พอ เขาตัดสินใจสอบเอ็นฯอีกครั้ง ด้วยความเป็นเลิศทางมันสมอง คราวนี้เขาสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์สมความตั้งใจ ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่เด็กไทยจะสามารถเรียนจบ ในมหาวิทยาลัยของรัฐ ได้เป็นทั้งวิศวกร นายแพทย์ สองอาชีพที่สุดยอดของประเทศไทย แต่เด็กคนนี้ทำได้ เขาอาจเป็นหนึ่งในล้าน!!
แต่ไม่นาน ข่าวของเขาดังคับประเทศอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช้ข่าวการสำเร็จการศึกษา แต่เขาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับ สื่อโทรทัศน์ออกข่าวแทบทุกช่องไม่เว้นแต่ละวัน(โดยเฉพาะหัวใจคนเขียนเต้นตุบๆ ทึ้งกับความสามารถของเขา)
ข่าวหนังสือพิมพ์จั่วหัวว่า
จับฆาตกรโหดหั่นศพอดีตแฟนสาว.................!!!
เสริม สาครราษฎร์ ฆาตกรอัจฉริยะ เด็กฉลาดคนนั้น!
อีกมุมหนึ่งของฆาตกร
ครอบครัวของเสริม สาครราษฎร์เป็นครอบครัวที่ถือว่ามีฐานะดีพอสมควร แม้มีเงินแต่ไม่มากมายอะไร
ชีวิตของนายเสริมค่อนข้างน่าสงสาร ค่อนข้างกดดันตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กที่เก็บกดมาก ๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา และบางครั้งเขาเงียบจนดูน่ากลัว ดูท่าทางคิดอะไรอยู่ตลอด
สาเหตุก็เนื่องมาจาก... พ่อของเขาเป็นคนที่เข้มงวด และเผด็จการมาก บังคับลูกทุกอย่าง แม้แต่แม่ของเขาเองก็ไม่สามารถมีปากมีเสียงได้ และแม่ของเขาก็โอ๋เขามากเช่นกัน เพราะสงสารลูกที่ถูกพ่อบังคับและตีมาตลอด
เสริมเป็นเด็กที่เรียนเก่งมากเพราะพอเรียนจากโรงเรียนเสร็จมาก็จะต้องไปเรียนกวดวิชาต่อจนค่ำมืดดึกดื่น (เป็นแบบนี้ทุกวัน) ตั้งแต่เรียนหนังสือมา เขาเรียนได้ที่ 1 มาตลอด รางวัลเรียนดีอะไรต่ออะไรเต็มบ้านไปหมด แต่ดูเป็นคนไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน ครั้นพอเขาเรียนจบมัธยม (เขาเรียนจบเร็วมาก เพราะเขาสอบเทียบหลายปี)
ความจริงแล้วเสริมอยากเรียนวิศวะ แต่พ่อต้องการให้เรียนหมอเขาก็ไม่เคยเถียงหรือพูดอะไรแต่พอถึงตอนเอ็นท์ฯ เขาก็ "ขัดใจ" พ่อ โดยการใส่ชื่อคณะวิศวะ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง "อันดับเดียว" (ในสมัยนั้นเขาให้เลือกได้ 4 อันดับ) ผลออกมาก็คือ เขาติดคณะวิศวะสมใจเขา แต่พ่อเสริมโกธรเขามาก และก็ไม่ยอมให้ไปเรียน บอกว่าให้รอปีหน้าแล้วเอ็นท์ฯใหม่ ระหว่างนั้นก็ทั้งด่า ตี ต่าง ๆ นานา
พอแม่เข้ามาช่วย แม่ก็พลอยโดนลูกหลงเข้าไปด้วยเชื่อไหมว่า... พ่อของเขาทั้งด่า และตีเขา ทุกวัน...ทุกวัน สุดท้าย... แม่เขาสงสารลูก ทนไม่ไหวจึงแอบส่งลูกไปเรียนมหาวิทยาลัยที่สอบติด และแอบส่งเงินให้ทุกเดือน ส่วนพอเข้าใจว่า ลูกหนีออกจากบ้าน
ทำให้ประกาศลั่นตัดพ่อตัดลูก
แต่เสริมเรียนเก่งมาก เพราะเขาสามารถจบวิศวะโดยใช้เวลาแค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น!! เขามักส่งข่าวถึงแม่ว่า
"พ่อใกล้ตายหรือยัง"
เพราะระหว่างที่เรียนอยู่แม่เขาจะส่งข่าวมาตลอดว่าพ่อป่วยหนักเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย
แม่ของเสริมเล่าให้เขาฟังว่า... พ่อบ่นและเพ้อออกมาตอนป่วยว่า
"อยากให้เขาเรียนหมอ อยากให้เขาเป็นหมอ"
แม่เสริมจึง "ขอร้อง" ให้เขาเรียนหมอ โดยให้ถือซะว่าทำเพื่อแม่
แม่ของเขาขอร้องให้เขาเรียนหมออีกครั้งอยู่นาน
แม่ของเสริมถึงขนาด ร้องไม่ร้องไห้ทุกวัน ไม่กินข้าวกินปลา(แต่ไม่ดูจิตใจลูก) จนเขาทนไม่ไหว
ด้วยความที่รักแม่ จึงรับปากว่า เขาจะเอ็นท์ฯ และเรียนหมออีกครั้ง
"เพื่อแม่"...
ผลออกมาก็คือเอ็นท์ฯติดตามระเบียบ
แต่พ่อของเขาไม่สามารถที่จะอยู่เพื่อเห็น "ความสำเร็จ และสิ่งที่บังคับ"อยากให้ลูกเป็นมาตลอดชีวิตได้
เพราะหลังจากที่เสริมเข้าเรียนได้ไม่กี่เดือน "พ่อเขาก็เสียชีวิต"
และที่นั้นเอง เขาก็ได้พบเจนจิรา ผู้หญิงที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาตลอดกาล....................
ตามหาเธอเจนจิรา
30 มกราคม พ.ศ.2541
นายสมคิดและนางสุดา พลอยองุ่นศรี พ่อแม่ของเจนจิรา ทั้งคู่มีบ้านและกิจการค้าอยู่ที่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม รู้สึกถึงความผิดปกติของเจนจิรา เมื่อรับโทรศัพท์จากยายของเจนจิราที่กรุงเทพฯ แจ้งมาว่า เจนจิราไม่กลับบ้าน แม้จะเรียกเพจเจอร์หลายครั้งแล้ว(ช่วงนั้นเพจเจอร์กำลังฮิต)แต่เธอก็ไม่ติดต่อกลับมา
หัวอกของคนที่เป็นพ่อแม่ ย่อมหวาดวิตก และเป็นห่วงลูกสาวตามสัญชาติญาณ เพราะเจนจิรา เป็นเด็กสาวน่ารัก รูปร่างหน้าตาดี มีความประพฤติเรียบร้อย เป็นเด็กหัวดีเรียนเก่ง ไม่เคยทำตัวเหลวไหลตอนกลางคืน จากการสอบถามไปถึงเพื่อนสนิทของเธอทุกคนแล้ว ก็ไม่ได้ข่าวคราวคืบหน้าของลูกสาวแต่อย่างไร
เวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2541 ทั้งคู่จึงเดินทางมาแจ้งความที่ สน.พญาไท ว่าลูกสาวตัวเองหายไป พร้อมกับรถโตโยต้าคันหนึ่งและทรัพย์สินมีค่าอีกจำนวนหนึ่ง
จาการสืบสวนของทีมตำรวจ สน.พญาไท ในสืบสวนขั้นแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า เจนจิรา นัดพบกับเสริม เป็นคนสุดท้ายที่ห้างเวิลด์เทรดฯ ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ
เสริมถูกเรียกมาสอบปากคำทันที่ทันใด เขาให้การว่านัดพบเจนจิราจริง แต่หลังจากทะเลาะกัน เขาน้อยใจและขอตัวกลับหอพักก่อน จากนั้นก็ไม่พบเธออีกเลย
ตำรวจตรวจตามร่างกาย และรถของเขา แต่ก็ไม่พบหลักฐาน พิรุธ หรือร่องรอยอะไรเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องปล่อยตัวเขาไป
ในที่สุดเมื่อไม่มีวี่แวว ร่องรอยอะไรเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องระดมกำลังค้นหา และการสืบสวนจึงเริ่มต้นอย่างจริงจังอย่างใกล้ชิด เพราะสื่อมวลชน เริ่มทำข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง
ประมาณ 1 สัปดาห์ต่อมา....ทีมสืบสวนปักใจเชื่อว่า บุคคลที่น่าสงสัยมากที่สุดในคดีนี้คือ นายเสริม สาครราษฏร์ แฟนสาวของเจนจิรามากกว่าใคร
ต่อมาเขาถูกสอบสวนผ่านเครื่องจับเท็จ ผลที่ออกมาพบว่ามีหลายคำตอบ เขาตั้งใจโกหก และบ่งบอกพิรุธหลายอย่าง ให้การวกวนไปมา รวมทั้งก่อนหน้านี้เสริมพยายามเดินทางไปที่สามพราน บ้านของเจนจิราหลายครั้ง แสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างผิดสังเกต ต่อพ่อแม่ของเธอ
พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจรถของเขาอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ...คราวนี้พบคราบเลือดที่กระโปรงท้ายรถ พบกระดุมเม็ดตกอยู่ รวมทั้งเส้นผมที่ไม่ใช้ของเสริม
ไม่นานนักคำรับสารภาพทั้งหมดก็พรั่งพรูออกจากปากนายเสริม สาครราษฏร์แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังตกตะลึง
เขาได้ฆ่าและหั่นศพแสนสาวเรียบร้อยแล้ว แผนการหฤโหดเริ่มต้นและดำเนินจากการวางแผนของเขาคนเดียว