ครูชาวอเมริกัน เล่าประสบการณ์ “ถูกเหยียดสีผิว” ระหว่างสอนในไทย ความจัญไรมีอยู่จริง!!

“คนไทยส่วนใหญ่ก็ผิวสีน้ำตาลนะ มันจริงที่บางคนก็ไม่ได้คล้ำกว่าฉันหรอก แต่มันไม่สำคัญ… ที่นี่มันมีการเหยียดผิวอยู่จริงๆ…”

 

มีเรื่องหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ หลังจากที่ครูสาวชาวอเมริกันคนหนึ่งได้เขียนบล็อกบันทึกเรื่องราวชีวิตการสอนหนังสือในประเทศไทย ผ่านหัวข้อเรื่อง Teaching in Thailand…While Black

เรามาทำความรู้จักประวัติของเธอกันก่อน เธอเป็นสาวชาวอเมริกัน จบปริญญาโทด้านศึกษาศาสตร์ โดยมีประสบการณ์สอนหนังสือทั้งในสหรัฐอเมริกา ที่รัฐเวอร์จิเนีย และวอชิงตัน ดีซี ส่วนประสบการณ์สอนต่างประเทศก็คือการสอนภาษาในเกาหลีใต้

จนกระทั่ง… เธอตัดสินใจเดินมาทางมาหางานสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย ตอนแรกนั้นมันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ทุกคนใส่ใจและดูแลเธอ ถามไถ่ทุกข์สุข มีแต่รอยยิ้มให้กัน ราวกับใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน

แต่หลังจากนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การล้อเลียนสีผิวของเธอ หรือไม่เชื่อว่าเธอเป็นอเมริกันจริงๆ บนแนวความคิดที่ว่าเธอต้องมาจากแอฟริกาแน่ๆ เพราะเป็น “คนผิวสี” 

ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพจ โอตาคุบริโภคมาม่า ระบุเพิ่มเติมว่าโรงเรียนแรกนั้น มีการใช้คำหยอกล้อ (ซึ่งอาจจะเป็นธรรมดาของครูที่นั่น) บ้างก็ว่าเธอผมหยิก น่าเกลียดเหมือนหมาดำ ซึ่งเธอก็ต้องอดทนกับคำพูดเหล่านั้นมาโดยตลอด

แต่สิ่งที่ทำให้ทนไม่ไหวก็คือ โรงเรียนขอร้องกับทางต้นสังกัดว่าไม่อยากได้เธอแล้ว ช่วยส่งครูชาวยุโรปมาหน่อย และนั่นคือจุดแตกหักให้เธอต้องย้าย

 

หลังจากย้ายออกไป เธอได้ไปสอนในโรงเรียนต่างๆ รวมอีก 5 แห่ง และประสบการณ์ร้ายๆ ที่เธอได้เจอมาก็อย่างเช่น บอกจะให้ลองสอนดูก่อนถึงจะค่อยรับ แต่ระหว่างสอนก็ไม่มีใครมาดูเลยว่าสอนดีไหม แล้วใครจะเป็นคนตัดสิน!??

หรืออย่างสัมภาษณ์งานแล้วผู้อำนวยการเห็นพูดอังกฤษได้ดี ก็อยากรับแต่กลัวพ่อแม่เด็กคิดว่าเธอเป็นคนแอฟริกาเพราะผิวสี ก็เลยไม่อยากรับ แต่พอมีครูหญิงผิวขาวชาวยุโรปมาสมัครก็รับทันที

อีกเรื่องก็คือการที่ ผอ. คิดว่าเธอวางแผนการสอนไม่ได้ ทั้งๆ ที่เธอก็บอกว่าเคยทำมาตั้งแต่สมัยอยู่เกาหลีใต้  เพราะไม่มีใครสนใจประวัติของเธอ มีแต่ตัดสินกันด้วยสีผิวทั้งนั้น ขณะที่เด็กนักเรียนนั้นก็ดูจะชอบล้อเธอถึงผมหยิกและสีผิวที่แตกต่างกัน

นั่นทำให้เธอรู้สึกน้อยใจจนกระทั่งต้องไปร้องไห้คนเดียว ตอนที่เธอร้องไห้มีหนุ่มผิวขาวชาวยุโรปอยู่ในห้องนั้นด้วย เขาเลยช่วยอธิบายให้ ผอ. ได้ฟัง และให้โอกาสเธอได้ทำงาน

แต่เรื่องราวล่าสุดก็ผ่านมาแค่ 2 เดือน และเธอบอกว่ายังมีเส้นทางอีกยาวไกลรออยู่ข้างหน้า… ซึ่งเธอก็ต้องอดทนเพื่อประสบการณ์และปริญญาเอกที่เธอหวังจะไปให้ถึงนั่นเอง…

 

ที่มา: kriswya,  โอตาคุบริโภคมาม่า

Credit: http://www.catdumb.com/it-doesnt-matter-colorism-is-real-248/
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...