ร่างกายมนุษย์เต็มได้วยเรื่องลึกลับและปริศนามากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ บางทีมันอาจน่าสนใจมากกว่าจักรวาลกว้างใหญ่ที่มนุษย์พยายามจะค้นหาคำตอบด้วยซ้ำ และนี่คืออวัยวะส่วนลึกลับของร่างกายที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามและไม่ค่อยสนใจ ทั้งๆ ที่มันมีความสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นในร่างกายเลย
1. anatomic snuffbox
เป็นรอยเว้าลึกรูปสามเหลี่ยมบนด้านเรเดียล (ด้านนิ้วโป้ง) ด้านหลังของมือ ที่ระดับของกระดูกข้อมือ โดนในอดีตนั้นมีการใช้ร่องนี้ในการใส่ผงยาสูบหรือยานัตถุ์เพื่อสูดดม นอกจากนี้ยังเป็นบริเวณที่มีหลอดเลือดแดงอีกด้วย ดังนั้นจึงมีผิวหนังและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันปกป้องเป็นอย่างดี
2. นิ้วโป้งเท้าใหญ่กว่านิ้วอื่น
มันเป็นอีกหนึ่งความแปลกประหลาดของร่างกาย แต่มันมีประโยชน์มากเพราะนิ้วโป้งเท้าที่ใหญ่ช่วยปรับสมดุลในตำแหน่งที่ยืนได้ ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น
3. Glabella
หรือ "แสกหน้า" เป็นบริเวณระหว่างคิ้วและเหนือจมูก ส่วนนี้จะเป็นสันนูนเล็กน้อยเชื่อมระหว่างสันคิ้ว มันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่ให้คุณตรวจสอบปฏิกิริยาตัวเอง โดยเฉพาะเวลาโกรธ
4. เนื้อยึดลิ้น
มันเป็นส่วนที่อยู่ใต้ลิ้นช่วยให้ลิ้นมีความยืดหยุ่น ทั้งยังป้องกันการกลืนลิ้นอีกด้วย โดยเฉพาะกับทารกแรกเกิดที่ยังไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้
5. Tragus และ antitragus
เป็นส่วนหนึ่งของหู อยู่ภายนอกสามารถมองเห็นได้ชัดเจน มันจะเป็นรอยแทะตรงใบหู โดยส่วน Tragus ช่วยให้เราได้ยินเสียงที่มาจากด้านหลังได้ และส่วน antitragus ช่วยให้เราได้ยินเสียงที่มาจากด้านหน้า
6. ต่อมทอลซิล
หลายคนมักเข้าใจว่าต่อมทอลซิลเป็นอวัยวะพื้นฐานที่ไม่สำคัญ แต่นั่นไม่ใช่ความจริงเลย แท้จริงแล้วต่อมทอลซิลเป็นอวัยวะที่เป็นสิ่งกีดขวางเราจากแบคทีเรียและไวรัสโดยการเก็บ lymphocytes (เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ค้นหาและทำลายสิ่งแปลกปลอม) เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นก็จะทำการขับสิ่งแปลกปลอมออกไป ทั้งร่างกายยังมีกลไกการป้องกันอื่นๆ อีกด้วย
7. หนังกำพร้าบริเวณเล็บ
เป็นหนังกำลังตรงขอบๆ เล็บและนิ้ว ตอนตัดเล็บหลายคนอาจจะชอบตัดมันทิ้งเพื่อให้เล็บดูสมบูรณ์แบบ จริงๆ แล้วมันมีหน้าที่ปกป้องมือและเล็บเราจากแบคทีเรีย ดังนั้นการตัดหนังกำพร้าบริเวรเล็บอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีเพราะมันอาจทำให้เกิดบาดแผลและเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทางบาดแผล
8. รอยบุ๋มระหว่างจมูกกับปาก
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดว่า มันพัฒนามาจากมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และมีบทบาทช่วยขยายการรับกลิ่น แม้ว่าในปัจจุบันเราจะไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว แต่มันก็ยังคงปรากฎอยู่ในมนุษย์แทบทุกคนเพื่อแสดงให้เห็นถึงรากฐาน
นอกจากนี้แพทย์ยังใช้อวัยวะส่วนนี้ในการบอกสุขภาพของทารกในครรภ์อีกด้วย เพราะถ้ารอยบุ๋มนี้มีลักษระผิดรูปอาจบอกได้ว่าทารกเป็นออทิสติกหรือมีความิดปกติอย่างอื่น