ในปี 2009 มีการค้นพบรถ Bugatti Type 22 Brescia Roadster ในปี 1925 อยูู่ด้านล่างทะเลสาบ Maggiore ตั้งแต่ปี 1935 ซึ่งทะเลสาบตั้งอยู่ระหว่างชายแดนฝรั่งเศส อิตาลี และสวิสเซอร์แลนด์ แต่แล้วกลับพบว่ามันเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก
โดยรถคันนี้สร้างขึ้นในเมือง Brescia ประเทศอิตาลี แต่เดิมถูกจดทะเบียนในเมือง Nancy ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังพบข้อมูลรถปรากฎอีกด้วยว่า "George Nielly, 48 Rue Nollet, Paris"
และดูเหมือนว่า George Nielly จะเป็นเจ้าของรถ มันเป็นรถที่มีเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สี่กระบอกสูบ และสามารถวิ่งได้ 100 ไมล์/ชั่วโมง เป็นรถที่น่าทึ่งมาก
หลังจากนั้นก็พบว่ารถน่าจะถูกเปลี่ยนเจ้าของ ตามเรื่องเล่ามันเป็นของ René Dreyfus เป็นนักแข่งรถแชมป์ Grand Prix แต่หลังจากที่เขาดื่มหนักในช่วงเล่นโป๊กเกอร์เขาก็เสียรถคันนี้ให้กับ Adalbert Bodé หนุ่มเพลย์บอยชาวสวิสในปี 1934 จากนั้นก็ตกเป็นของ Marco “Max” Schmuklerski สถาปนิกชาวสวิสเซอร์แลนด์ แต่เขาไม่ได้จ่ายค่าภาษีนำรถเข้าสุดท้ายรถก็ไปจมอยู่ด้านล่างทะเลสาบ
มันเกิดขึ้นช่วงที่เจ้าของรถไม่ได้อยู่ในสวิส หลังจากที่เจ้าหน้าที่พบเขาก็นำรถลงไปในทะเลสาบ และไม่มีใครเห็นรถคันนี้อีกเลย จนกระทั่งในปี 1967 มีนักดำน้ำลงไปดำน้ำแล้วเขาก็พบรถคันนี้ และมันกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในการดำน้ำไปเลย
และเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2008 ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ Damiano Tamagni เสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองในเมือง Ascona สวิสเซอร์แลนด์ ดังนั้นทางชุมชนจึงตัดสินใจจะนำรถในตำนานขึ้นมาจากทะเลสาบเพื่อนำมาขายเอาเงินระดมทุนมอบให้กับการกุศลในชื่อของ Damiano เพื่อนำไปแก้ปัญหาความรุนแรงในเด็ก
และแล้วในปี 2009 ก็มีการนำซากรถขึ้นมาจากทะเลสาบและขายให้กับ Peter Mullin เจ้าของพิพิธภัณฑ์ Mullin Automotive Museum ในแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2010 โดยมันถูกขายในราคา 370,000 เหรียญ (ประมาณ 12.5 ล้านบาท)
แม้ว่ามันจะเป็นรถโบราณแต่ด้วยรูปร่างและสีที่ผิดปกติจึงถูกนำไปตั้งไว้ในห้องศิลปะส่วนตัว