รู้แล้วจะอึ้ง! หญิงจีนสมัยราชวงศ์ถังเปิดกว้างเรื่องเพศสุดๆ
รู้หรือไม่สตรีในสมัยราชวงศ์ถังของจีน(ค.ศ.618-ค.ศ.907) มีความเปิดกว้างในเรื่องเพศสูงมาก ผู้หญิงถังชอบใส่ชุดเบาบาง เผยเนินอก ยิ่งถ้าเป็นนางรำในงานเลี้ยงรับรองยิ่งแล้วใหญ่บางทีเกือบจะเรียกว่าระบำเปลือยเลยก็ว่าได้ ซึ่งความคิดเปิดกว้างนี้เป็นกันทั้งในวังและสามัญชน จนมีคำพูดในนิยายจีนโบราณที่กล่าวว่า "ถังสกปรกฮั่นโสมม" ชี้ถึงพฤติกรรมทางเพศที่ค่อนข้างไร้ระเบียบแบบแผนของคนในสมัยนั้น แม้แต่บูเช็กเทียนหรืออู่เจ๋อเทียนจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของจีนก็ขึ้นชื่อว่าไม่ธรรมดาในเรื่องตัณหาราคะเพราะทรงเลี้ยงสนมชายไว้ในวังไม่น้อย
ในสมัยถัง หนังสือภาพวาดการเสพสังวาสเริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย จนมาถึงช่วงครึ่งหลังของราชวงศ์หมิง "ชุนกงถู" (春宫图) หรือภาพวาดอีโรติกประเภทหนึ่งจึงเริ่มฮิตขึ้นมา หนังสือเหล่านี้มีส่วนช่วยด้านเพศศึกษาในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันคนโบราณก็มีความเชื่อว่าหนังสือพวกนี้จะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย โดยใน"หงโหลวเมิ่ง"(ความฝันในหอแดง)หนึ่งในสุดยอดวรรณกรรมของจีนกล่าวว่าเมื่อลูกสาวออกเรือนพ่อแม่จะแอบซ่อนหนังสือภาพชุนกงถูไว้ใต้กล่องของใช้ของลูกเพื่อช่วยไล่สิ่งชั่วร้าย (เอ๊ะ...หรือจะใส่ไว้เพื่อให้ลูกสาวแอบมาเจอนะ?)
นอกจากนี้ ในสมัยถังไม่ว่าจะเป็นเมืองลั่วหยาง ฉางอัน(ซีอาน) จินหลิง(นานกิง) ฯลฯ ตามถนนล้วนคราคร่ำไปด้วยโรงเตี๊ยมโรงเหล้าของชนเผ่าหูหรือชาวซงหนูชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนทางตอนเหนือที่เคยเป็นศัตรูกับจีน
เมื่อวัฒนธรรมของชนเผ่าเหล่านี้ที่ค่อนข้างเปิดกว้างทางเพศได้เข้ามาผสมผสานก็ได้ทำให้ค่านิยมของหญิงสาวจีนในสมัยถังเริ่มเปลี่ยนไป บวกกับในตอนนั้นก็ยังมีนักพรตไม่น้อยที่เชื่อเรื่องการหลุดพ้นด้วยการเสพกามของลัทธิตันตระหรือพุทธแบบทิเบต
ลูกสาวคนรองของเสนาบดีหลี่หลินฝู่นามว่าหลี่เถิงคง หนึ่งในเพื่อนสนิทหญิงของหลี่ไป๋ (กวีจีนชื่อดัง) ก็เป็นอีกคนที่แสดงให้เห็นถึงความลุ่มหลงในกามของหญิงจีนสมัยนั้น หลี่เถิงคงมักใช้ประโยชน์จากการที่พ่อของเธอเป็นคนใหญ่คนโต เวลามีแขกหนุ่มหน้าตาดีมาเยี่ยมที่บ้านเธอจะแอบมองหนุ่มๆ เหล่านั้นผ่านรูเล็กๆ ที่แอบเจาะไว้ตรงกำแพง ถ้าเกิดปิ๊งคนไหนเข้าก็จะวางแผนให้เขาได้นอนค้างอ้างแรมที่บ้าน (ร้ายกาจสุดๆ)
ส่วนองค์หญิงยู่ว์เจินน้องสาวของฮ่องเต้ถังเสวียนจงถึงแม้จะเป็นนักพรตเต๋า แต่ชอบที่จะคบค้าสมาคมกับจิตกร กวี นักดนตรี แถมยังตั้งเป็นคลับเฉพาะกลุ่มของตนขึ้นมาอีกด้วย ตำหนักของพระองค์ที่เมืองฉางอันและลั่วหยางล้วนมีบุรุษจำนวนมากที่คอยเข้าๆออกๆอยู่เป็นประจำ "หวังเหว่ย" ชายหนุ่มรูปงามที่องค์หญิงเคยแนะนำและดันให้เป็นจอหงวนนั้นยังไม่เคยผ่านการสอบเลยด้วยซ้ำ (บ้างก็ว่าสอบเป็นพิธีแต่จริงๆคนในล็อคตำแหน่งไว้ให้แล้ว)
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ สมัยถังยังมีการแสดงรำดาบประเภทหนึ่งโดยนักแสดงสาวชาวหูจะใส่ชุดวับแวม ทำท่าเย้ายวนอ่อนช้อยอวดเรือนร่าง นางรำเพลงดาบที่มีชื่อเสียงยกตัวอย่างเช่นกงซุนต้าเหนียง (公孙大娘) อดีตสนมของถังเสวียนจงและแรงบันดาลใจในการแต่งกลอนของกวีถังชื่อดังอย่างตู้ฝู่ที่สุดท้ายถูกหยางกุ้ยเฟยบีบให้จรลีออกไปจากวัง
หากว่ากันด้วยเรื่องเพศแล้วลักษณะทางสังคมในตอนนั้นมีจุดที่น่าสนใจดังนี้
1.ความนิยมคณิกา
สมัยถังในวังจะมี"เจี้ยวฟาง"ซึ่งเป็นเสมือนระบบหอคณิกาที่คอยให้ความบันเทิงต่างๆทั้งการแสดงและดนตรี ว่ากันว่าสมัยจักรพรรดิถังไท่จงมีอยู่ 3,000 นาง และเพิ่มเป็น 8,000 คนในสมัยถังเสวียนจง ซึ่งในหมู่นางคณิกาก็มีการแบ่งระดับชั้นสูงต่ำด้วย
คณิกาฮอตฮิตมากขนาดที่ว่าไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขกของขุนนาง พิธีการต่างๆ วงเหล้าของขุนนาง หรือแม้แต่ตอนออกไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ก็จะต้องมีนางคณิกาคอยติดสอยห้อยตามให้ความบันเทิงอยู่เสมอ ทำให้กิจการหอนางโลมเจริญรุ่งเรืองมาก ผุดเอาๆ เหมือนดอกเห็ด เอาเป็นว่าที่บ้านของกวีชราบางท่านถึงกับเลี้ยงดูคณิกาไว้นับร้อยคน!
2.การเปิดกว้างทางเพศ
หญิงสมัยนั้นไม่ได้รักนวลสงวนตัวหรือเคร่งเรื่องการรักษาพรหมจารีย์มากนัก การเสียตัว หรือการได้เสียกันก่อนแต่งงานไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร รวมไปถึงการหนีไปกับคนรักก็มีให้เห็นไม่น้อย คนจีนโบราณมีเรื่องเล่าของความรักอันแสนเศร้าระหว่างหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าที่ปีหนึ่งจะเจอกันได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น ซึ่งในสมัยถังก็มีหญิงสาวที่แต่งเรื่องนี้ให้ใหม่ในเชิงสนุกสนานแต่ก็บ่งบอกคาแรกเตอร์ผู้หญิงสมัยนั้นได้ดี โดยเล่าในทำนองว่าสาวทอผ้ารอชายผู้เป็นที่รักไม่ไหว เธอจึงแอบไปลั้นลากับหนุ่มอื่นยามราตรีเพราะยังไงเขาก็ไม่รู้อยู่ดี!
และที่เลเวลอัพไปกว่านั้นคือมีคนในสมัยนั้นที่ไม่ได้รู้สึกว่าการเล่นชู้เป็นเรื่องที่น่าอับอาย แถมกลับกลายเป็นที่นิยมอยู่ช่วงหนึ่งด้วยซ้ำ! ในบทกวีสมัยถังมีเรื่องเล่าทำนองนี้อยู่ไม่น้อย เช่นเมียเถ้าแก่แซ่เมิ่งคนหนึ่งกำลังนั่งฮัมเพลงอยู่ในบ้าน เด็กหนุ่มคนหนึ่งผ่านมาได้ยินเข้าจึงเดินเข้ามาและเอ่ยถ้อยคำชักชวนสุดวาบหวิวให้นางร่วมรักด้วย จากนั้นนางก็จัดให้เขาเลยทันที (เอ้า!แบบนี้ก็ได้หรอ?)
อีกจุดที่น่าสนใจคือผู้หญิงถังเป็นอะไรที่ไม่สนในกฎเกณฑ์หรือขนบสอนหญิงใดๆมากที่สุดแล้ว พวกเธอไม่เคร่งใน"หลักสามเชื่อฟังสี่จรรยา" (三从四德) ที่มีมาแต่โบราณ เรียกได้ว่ามีอิสระทางการแสดงออกเรื่องเพศมากหากเทียบกับราชวงศ์อื่นๆ หญิงที่แต่งงานแล้วและมีสามีใหม่เป็นเรื่องที่เบๆมากในสังคมถัง ข้อมูลจากบันทึกเล่มหนึ่งทำให้เราได้รู้ว่ามีองค์หญิงสมัยถังที่แต่งงานใหม่อีกครั้งถึง 23 องค์ โดยในนี้มี 4 องค์ที่แต่งงานถึง 3 ครั้ง แน่นอนว่าลูกสาวขุนนางยันลูกสาวชาวบ้านก็เช่นกัน
เป็นไปได้ว่าที่ชาวถังค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องเพศนั้น
เป็นเพราะ"ถังเกาจู่"หรือ"หลี่ยวน" ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถังที่มีพื้นเพมาจากพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอาจมีสายเลือดของชนกลุ่มน้อยอยู่ (ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่) ทำให้ไม่เคร่งเรื่องนี้เหมือนตระกูลชนชั้นสูงที่อยู่ในตอนกลาง
ลองนึกภาพตามดู บางทีนิยามของบรรดาแม่นางทั้งหลายในสมัยโบราณที่คุณเคยเข้าใจอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
(แปลและเรียบเรียงจากบทความเรื่อง《唐朝女性有多开放,估计现在的你都会汗颜》)
#ประวัติศาสตร์จีน
ขอบคุณที่มา: รู้จีนรู้จริง China Expertise
https://www.facebook.com/748548695326355/photos/pcb.754829724698252/754827654698459/?type=3&theater